รู้ไว้ก่อนมาญี่ปุ่น
พื้นฐานก่อนมา
รู้ไว้สักนิด
-
ช่วงเวลา
- High Season (เมษายน – พฤษภาคม, สิงหาคม)
-
- ครอบคลุมช่วงวันหยุดยาวสองช่วงของญี่ปุ่นคือโกลเด้นวีค (สัปดาห์แรกของพฤษภาคม) และโอบ้ง (กลางเดือนสิงหาคม)
- ดอกซากุระบานราวๆปลายมีนาคมถึงต้นเมษายน ตั้งแต่คิวชูจนถึงโตเกียว ส่วนทางตอนเหนือบานไปถึงต้นพฤษภาคม
- ช่วงระหว่าง High Season และ Low Season (มิถุนายน – กรกฎาคม, กันยายน - ธันวาคม)
-
- มิถุนายนถึงกรกฎาคมเป็นฤดูฝนในเกาะฮอนชู (ไม่นับฮอกไกโด) อากาศอบอุ่น แต่ฝนอาจตกทุกๆสองถึงสามวัน
- อากาศเย็นและท้องฟ้าโปร่งในฤดูใบไม้ร่วง สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะอัดแน่นไปด้วยผู้คนในปลายพฤศจิกายน เพราะเป็นช่วงใบไม่เปลี่ยนสี
- Low Season(มกราคม - มีนาคม)
-
- ฤดูหนาวค่อนข้างเย็นในเกาะฮอนชู ส่วนในฮอกไกโดอากาศจะหนาวมาก ท้องฟ้าโปร่งแม้ในเมือง หิมะตกบนภูเขาตั้งแต่กิฟุไปจนถึงฮอกไกโด สกีรีสอร์ทดังๆจะเต็มตลอดสุดสัปดาห์
สิ่งที่ควรรู้ก่อนมาญี่ปุ่น
- วีซ่า
- คนไทยสามารถเดินทางมาพำนักในประเทศญี่ปุ่นได้ไม่เกิน 15 วันโดยไม่ต้องขอวีซ่า
- บัตรเครดิต
- โรงแรม ร้านค้าปลีกแบบลูกโซ่ สถานีรถไฟ และร้านอาหารส่วนมากสามารถใช้บัตรเครดิตได้ แต่ร้านค้าเล็กๆและสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งอาจไม่สามารถใช้ได้
- เงินสด
- คุณสามารถกดเงินเยนโดยใช้บัตรกดที่ตู้ ATMที่ไปรษณีย์และเซเว่นอีเลฟเว่น ส่วนเช็คเดินทาง (Traveler's checks) ส่วนมากใช้ได้ที่ธนาคารและโรงแรมเท่านั้น
- โทรศัพท์มือถือ
- มีบูธสำหรับเช่ามือถือในสนามบินนาริตะและสนามบินคันไซ คุณสามารถเปิดโรมมิ่งเพื่อใช้เน็ต 3G และ4G จากประเทศได้แต่ควรระวังเรื่องค่าบริการด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีบริการเช่าซิมการ์ดที่สนามบิน แม้ว่าราคาอาจจะไม่ต่างกันมากก็ตาม ส่วนอีกหนึ่งทางเลือกที่ราคาถูกคือการใช้บริการ Wi-Fi และใช้แอปพลิเคชั่นในการติดต่อสื่อสาร
- Wi-Fi
- Wi-Fi ไม่ได้มีให้บริการทุกแห่ง แค่ในปัจจุบันก็มีหลายค่ายที่พยายามปล่อย Wi-Fi ฟรีไว้รองรับผู้มาใช้บริการ โรงแรมส่วนมากมักจะมี Wi-Fiไว้คอยบริการ แต่เรียวกังและโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นอาจไม่มี Wi-Fi
- คุณสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นที่ทำให้คุณสามารถใช้บริการ Wi-Fi ตามร้านสะดวกซื้อได้ทั่วญี่ปุ่น
- ระบบไฟฟ้า
- ญี่ปุ่นใช้ปลั๊กแบนสองขาเหมือนของไทย แต่ถ้าอุปกรณ์ของท่านเป็นแบบหัวกลม ก็ต้องพกหัวแปลงปลั๊กไฟไปด้วย
จากสนามบิน
สนามบินนานาชาตินาริตะ
Narita Express: ¥2,820 ใช้เวลา 60 นาที ถึงโตเกียว
Limousine Bus: ¥3,100 ใช้เวลา 90-120 นาที ถึงโตเกียวสนามบินฮาเนดะ
Monorail & รถไฟ : ¥650 ใช้เวลา 30 นาที ถึงโตเกียว
Limousine Bus: ¥930 ใช้เวลา 55 นาที ถึงโตเกียว,สนามบินนานาชาติคันไซ
รถไฟด่วน (Express Train): ¥3,170 ใช้เวลา 75 นาที ถึงเกียวโต
รถรับส่งจากสนามบิน: ¥2,550 ใช้เวลา 90 นาที ถึงเกียวโต
*เวลาโดยประมาณการเดินทาง
ญี่ปุ่นมีระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถบัส หรือเรือ คุณสามารถค้นหาตำแหน่งของสถานที่เป้าหมายใน Google Maps และแนะนำว่าควรค้นหาโดยใช้ชื่อของสถานที่ หรือหากคุณรู้ภาษาญี่ปุ่นสามารถลองค้นหาโดยใช้ที่อยู่ได้เช่นกัน
ที่ญี่ปุ่น แท็กซี่มีค่าบริการแพงกว่าขนส่งมวลชนหลายเท่าตัว การเช่ารถก็สามารถทำได้หากมีใบขับขี่นานาชาติ
-
- สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ
-
บอกชื่อของสิ่งหรือสถานที่ที่คุณต้องการ โดยใช้ท่าทางประกอบ เลี่ยงการใช้ประโยคคำถามภาษาอังกฤษยาวๆ ควรถามโดยการให้คำตอบมาให้อีกฝ่ายเลือก เช่น คำถามเยสโน
ถึงคนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยมีความมั่นใจในภาษาอังกฤษ แต่ทุกคนเข้าใจภาษาอังกฤษพื้นฐานอย่าง "hello" "goodbye" "yes" "no" "okay" เลข 1-10 และ "thank you." หรืออาจมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับคน
- ใช้ภาษาญี่ปุ่น
- คำที่ใช้ได้แทบทุกสถานการณ์ คือคำว่า "ซุมิมาเซ่น" ที่แปลว่า "ขอโทษครับ/ค่ะ" สามารถใช้เพื่อเรียกพนักงานและใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการจะขอโทษ
ตะเกียบ
ร้านอาหารในญี่ปุ่นส่วนมากใช้ตะเกียบเป็นหลัก แต่ส่วนมากสามารถขอช้อนจากพนักงานได้หากคุณต้องการ
กรณีพิเศษ
การบริการของญี่ปุ่นอาจจะค่อนข้างจุกจิกน่ารำคาญแต่ในขณะเดียวกันก็ละเอียดและมีมาตรฐาน การขออะไรพิเศษที่นอกเหนือจากที่กำหนดไว้อาจทำให้พนักงานเกิดความสับสน
ทิปเงิน
ประเทศญี่ปุ่นไม่มีวัฒนธรรมการรับเงินทิป
รองเท้า
การเดินทางในญี่ปุ่นนอกจากการขึ้นรถไฟแล้ว ก็มีการเดินเป็นหลัก ควรใช้รองเท้าที่แข็งแรงทนทานหากไม่อยากหมดสนุกกลางทาง
อนิเมะ และ มังงะ
แม้กระทั่งในญี่ปุ่นเอง อนิเมะมักถูกมองว่าเป็นสิ่งสำหรับเด็กและโอตาคุ ในทางตรงกันข้ามมังงะกลับดูเป็นสิ่งที่เป็นที่ยอมรับในสังคมมากกว่า แต่ก็มีแค่เรื่องที่เป็นกระแสหลักเท่านั้นถึงจะเป็นที่รู้จักในหมู่กว้าง
Give My Regards to Black Jack/SHUHO SATO Manga on Webที่พักผ่อนหย่อนใจ
บ่อน้ำพุร้อน(ออนเซน) อาหารประจำท้องถิ่น และเทศกาลตามฤดูกาล
เทศกาลประจำฤดู
เทศกาลชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง เทศกาลปีใหม่และเทศกาลอื่นๆในญี่ปุ่นมักมีผู้เข้าร่วมอย่างคับคั่งทุกปี
ร้านสะดวกซื้อ
ร้านสะดวกซื้อมีสาขามากมายแทบทุกหัวมุมถนน หากต้องการอาหาร เครื่องอาบน้ำ ที่ชาร์ตแบตมือถือ เหล้าเบียร์ สามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อตลอด 24 ชั่วโมง
ร้าน 100 เยน
มีสินค้าหลากหลาย โดยเฉพาะ ขนม เครื่องเขียน และของฝากเล็กๆน้อยๆ
ภาษีโภคภัณฑ์
สินค้าทุกชิ้นจะต้องเสียภาษีเพิ่ม 8% แต่ในปัจจุบันมีห้างร้านมากมายที่ขายสินค้าปลอดภาษีแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มองหาป้าย tax-freeก่อนตัดสินใจซื้อ
ร้านอาหาร
ร้านอาหารที่มีสาขาหลายแห่งและร้านคาเฟ่ส่วนใหญ่จะมีภาพประกอบและภาษาอังกฤษอยู่ใต้เมนูอาหาร ในขณะที่ร้านเล็กๆจะเป็นเมนูภาษาญี่ปุ่นล้วน หากคิดไม่ออกว่าจะสั่งอะไรให้ลองถามพนักงานว่า "โอซุซุเมะ" หรือเมนูแนะนำดูได้ ระบบการคิดเงินโดยมากจะต้องเดินไปจ่ายเองที่เคาท์เตอร์ หรือเรียกพนักงานเพื่อขอใบเสร็จ
เวลาทำการ
สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์โดยมากเปิดทำการตั้งแต่ 8.30 - 17.00 น. (9.00-16.30น.ในฤดูหนาว) และอาจจะเปิดทำการนานขึ้นในช่วงเทศกาลพิเศษบางอย่าง ควรเช็คเวลาทำการทุกครั้งก่อนตัดสินใจ ห้างส่วนใหญ่เปิดทำการทุกวัน 10.00-20.00 น. (19.30น. ในวันอาทิตย์)
ไต้ฝุ่น
ญี่ปุ่นจะเข้าสู่ช่วงฤดูมรสุมในเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม และจะรุนแรงมากในช่วงสิงหาคม และกันยายน ควรระมัดระวังน้ำหลาก ดินถล่มในบางพื้นที่ รวมถึงการเกิดอุบัติเหตุและการขัดข้องของขนส่งสาธารณะ
แผ่นดินไหว
ญี่ปุ่นมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ในกรณีที่แผ่นดินไหวมีความรุนแรง ให้หาที่หลบและกำบังศีรษะไม่ให้โดนกระแทก หากอยู่ใกล้ชายทะเล ให้พยายามหนีเข้าฝั่งและขึ้นที่สูง ในช่วงที่มีแผ่นดินไหวสัญญาณโทรศัพท์อาจจะเกิดการขัดข้อง อินเทอร์เน็ตอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการติดต่อสื่อสาร
ภูเขาไฟ
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีภูเขาไฟมีพลัง หรือภูเขาไฟที่อาจเกิดการปะทุขึ้นได้ กว่า 100 ลูก แม้ว่าในปัจจุบันจะสงบอยู่ แต่เพื่อความปลอดภัยควรตรวจสอบข้อมูลทุกครั้งก่อนตัดสินใจแวะไปในบริเวณดังกล่าว