ข้าวแกงกะหรี่เป็นเมนูที่มีอยู่ในหลายประเทศตั้งแต่อินเดีย ปากีสถาน ไทย จีน อินโดนีเซีย และก็ญี่ปุ่น ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นมีต้นแบบมาจากแกงกะหรี่อังกฤษ ที่อังกฤษเลียนแบบมาจากอินเดียอีกที (งงมั้ย) ญี่ปุ่นปรับโน่นเปลี่ยนนี่จนกลายมาเป็นสูตรเฉพาะของตนเอง คนญี่ปุ่นเรียกข้าวแกงกะหรี่ว่าคาเรไรซ์ แปลงมาจากคำอังกฤษ Curry Rice

หากได้เดินทางไปญี่ปุ่นจะเห็นร้านข้าวแกงกะหรี่เยอะพอๆ กับร้านราเม็งเลย เพราะตอนนี้แกงกะหรี่ถือเป็นเมนูประจำชาติอีกอย่างหนึ่งไปแล้ว ด้วยรสชาติที่ไม่เผ็ดจนเกินไป มันฝรั่งและแครอทที่ต้มจนนุ่มแบบแทบไม่ต้องเคี้ยว ไม่ว่าจะทานกับท็อปปิ้งอะไรก็อร่อย อีกทั้งใครๆก็ทำได้ง่ายๆที่บ้าน เมนูนี้จึงเป็นที่ถูกอกถูกใจของชาวญี่ปุ่นตั้งแต่เด็กไปจนถึงรุ่นคุณปู่คุณย่า

ก้อนแกงกะหรี่สำเร็จรูปที่วางขายที่ญี่ปุ่นรวมถึงที่ไทยนั้นมีด้วยกันหลายยี่ห้อ อย่างเช่นยี่ห้อ House ซึ่งเป็นบริษัทอาหารชื่อดังของญี่ปุ่น โดยกล่องมักจะมีหน้าตาแบบในภาพนี้เป็นต้น นี่แหละคือก้อนแกงกะหรี่ที่คนญี่ปุ่นนิยมซื้อติดบ้านไว้กัน

แต่ละรุ่น ก็มีรสชาติที่ต่างกันไปแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล อีกทั้งยังมีระดับความเผ็ดให้ได้เลือกอีกด้วย (ในภาพด้านบนคือเผ็ดปานกลาง ถ้าซื้อในไทยก็ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวนี้มีภาษาไทยบอก) บางบ้านมีเด็กๆ ก็อาจจะเลือกที่เผ็ดไม่มาก ส่วนผู้ใหญ่ที่อยากทำกินเองก็เลือกระดับความเผ็ดสุดๆ ก็ได้

ที่ญี่ปุ่นเรียกก้อนแกงกะหรี่ว่า Curry Roux (คนญี่ปุ่นออกเสียงว่า คาเรรู) ในก้อนแกงกะหรี่นี้จะมีส่วนผสมต่างๆ แตกต่างกันไปตามแต่ละแบรนด์ โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีน้ำมันปาล์ม แป้งสาลี เกลือ ผงกะหรี่ น้ำตาล ผงหัวหอม ซอสงา พริก ผงกระเทียม ส่วนผสมคาราเมล เป็นต้น อาจมีส่วนผสมที่แแปลกๆ ขึ้นอยู่กับสูตรนั้น เช่นแอปเปิ้ล กล้วย มะม่วง หรือผลไม้ต่างๆ หรือบางยี่ห้อใส่กาแฟ ช็อคโกแลตในส่วนผสมก็มี (เพื่อให้เกิดรสซ่อนเร้นที่เป็นเอกลักษณ์) ก่อนซื้อก็อ่านส่วนผสมด้านหลังกล่องได้ เผื่อจะมีส่วนผสมที่บางคนแพ้อาหารชนิดนั้นอยู่

ส่วนวิธีการทำข้าวแกงกะหรี่โดยก้อนแกงกะหรี่นั้นไม่ว่าจะของยี่ห้อไหนก็มีวิธีการทำที่คล้ายๆ กัน

รับรองไม่ยากอย่างที่คิดแน่นอน ที่ญี่ปุ่นนั้นข้าวราดแกงกะหรี่ (ที่ทำจากแกงกะหรี่ก้อน) เป็นอาหารอย่างแรกๆที่คุณพ่อแม่จะสอนลูกๆทำ (หรือแม้แต่คุณพ่อบางคนก็ยังทำเป็นแค่แกงกะหรี่อย่างเดียว)

ขอบอกว่าเมนูนี้ใครๆก็ทำได้ เพราะซูเปอร์มาร์เก็ตในไทยเดี๋ยวนี้เขามีขายก้อนแกงกะหรี่ญี่ปุ่นแบบสำเร็จรูปกันแล้ว เพียงแค่นำก้อนนี้มาต้ม ใส่ผัก ใส่เครื่องตามใจชอบ ก็ทานข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นกันได้ง่ายๆที่บ้าน

รับรองอร่อยแน่นอน!!

วัตถุดิบ
เนื้อหมู (หั่นบางพอเคี้ยวอร่อย) 300กรัม
หัวหอม ขนาดกลาง 2หัว (400กรัม)
แครอท ขนาดกลาง 1ลูก (200กรัม)
มันฝรั่ง ขนาดกลาง 2ลูก (300กรัม)
น้ำมันพืช 2ช้อนโต๊ะ
น้ำสะอาด 1200ซีซี
ก้อนแกงกะหรี่ 1กล่อง

วิธีทำ
1. ล้างผักต่างๆ ให้สะอาด ปอกเปลือกแครอทและหั่นบางพอประมาณ
2. ปอกเปลือกหัวหอมออก และหั่นบางพอประมาณ
3. ปอกเปลือกมันฝรั่งออก และหั่นบางพอประมาณ แล้วนำไปแช่น้ำเอาไว้
4. หั่นหมูให้ได้ชิ้นพอดีคำ นำหมูไปทอดใช้น้ำมันประมาณ 1ช้อนโต๊ะ เมื่อผัดจนสุกแล้วนำขึ้นมาวางทิ้งไว้ให้น้ำมันซึมออก
5. ใส่น้ำมันประมาณ 1ช้อนโต๊ะลงในกระทะ นำแครอท หัวหอม และมันฝรั่งลงไปผัด
6. ใส่หมูลงไป เติมน้ำสะอาดให้มิดท่วมเครื่องที่ผัดไว้ ต้มไปเรื่อยๆ คอยตักฟองออก
7. พอเดือดแล้วใส่ก้อนแกงกะหรี่ลงไป
8. คนไปเรื่อยๆ จนก้อนแกงกะหรี่ละลายจนหมดจึงแล้วเสร็จ

พ้อยท์หลัก
- ควรหั่นผักให้ได้ชิ้นเล็กๆ
- เป็นไปได้ให้ใช้กระทะแบบมีหูจับยาวจะสะดวกมือกว่า และไม่ร้อนมือ
- ก่อนเติมน้ำลงไปต้ม ควรผัดหัวหอมให้มีสีน้ำตาลอมส้ม ส่วนแครอทให้ลองใช้ตะเกียบจิ้มดูเอาแบบนิ่มพอประมาณ

ส่วนใครใคร่ชอบใส่ผักเพิ่ม หรือเปลี่ยนผักเป็นชนิดอื่นก็ได้ไม่ว่ากัน หรืออยากเปลี่ยนจากเนื้อหมูเป็นเนื้อวัว หรือเปลี่ยนเป็นไก่ทอดหรืออาหารทะเล ใส่เห็ดใส่ชีสเพิ่มก็ทำได้ตามแต่ใจชอบเลย

วิธีการทานก็แล้วแต่ความชอบเช่นกัน บางคนนิยมใส่ไข่ดิบลงไปด้วย หรือจะใส่โชยุ หรือมายองเนสลงไปให้รสชาติเข้มข้นแบบครีมมี่มากยิ่งขึ้นก็มี ส่วนผักแกล้ม หากไปร้านข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น จะเห็นถ้วยวางผักดองสีแดงที่คนญี่ปุ่นเรียกว่าฟุคุจินซึเคะ (福神漬け) มันคือหัวไชเท้า มะเขือม่วง และผักอื่นๆ ไปหมักด้วยโชยุและมิรินนั่นเอง รสชาติส่วนใหญ่จะออกเปรี้ยว หวาน เค็มอย่างละนิดๆ ไม่เข้มข้นมาก

นอกจากนี้แล้วคนญี่ปุ่นว่ากันว่าหากพักแกงกะหรี่ที่ทำไว้ 1คืนรสชาติจะยิ่งเข้มข้นอร่อยมากยิ่งขึ้น แต่ก็ต้องคำนึงถึงสภาพอากาศต่างๆ ด้วยนะ เพราะว่าที่ไทยอาจจะเสี่ยงนำกลับมาทานแล้วท้องร่วงได้ ตรงนี้ก็ต้องระวังกันด้วย

ใครไปญี่ปุ่นแล้วเคยเห็นร้านอาหารที่มีป้ายคิงคองหน้าตาถมึงทึงรอต้อนรับลูกค้าอยู่บ้าง?

นั่นคือร้านข้าวแกงกะหรี่ Go! Go! Curry! ชื่อดังที่มีสาขาอยู่ในเมืองใหญ่ทั่วประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง ร้านข้าวแกงกะหรี่นี้เป็นร้านข้าวแกงกะหรี่สไตล์เมืองคานาซาว่า ซึ่งเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องแกงกะหรี่เป็นอย่างมาก จุดเด่นอยู่ที่สีที่เข้มสนิท (จนแทบจะเป็นสีดำ) เนื้อแกงจะเข้มข้นและมีความหนืดมาก เสิร์ฟมาบนจานสเตนเลสขนาดใหญ่ ทานคู่กับกะหล่ำปลีหั่นฝอย บนแกงกะหรี่นั้นจะวางทับด้วยหมูทอดทงคัตสึชิ้นโตหรือเครื่องเคียงอื่่นๆ เช่นไส้กรอกหรือไก่ทอด ส่วนแกงกะหรี่ก็จะราดมาจนมิดแบบมองไม่ให้เห็นข้าวสวยด้านล่างเลย

แกงกะหรี่ของร้าน Go! Go! Curry! นั้นจะต้องผ่านกระบวนการต่างๆ มากถึง 55ขั้นตอน โดยใช้เวลาในการต้มเคี่ยวทั้งหมด 5ชั่วโมง ยังไม่พอ! หลังจากเคี่ยวทุกอย่างแล้วก็จะพักทิ้งไว้นานถึง 55ชั่วโมง!! จนได้แกงกะหรี่รสชาติเฉพาะของที่ร้านที่อร่อย เข้มข้นไม่เหมือนใคร

ปริมาณของข้าวแกงกะหรี่ที่ร้านนั้นบอกเลยว่าไม่ธรรมดา มีให้เลือกตั้งแต่แบบเบาๆ อย่าง Soft Size ไปจนถึงแบบ First Class ส่วนราคาก็ถูกแบบสุดๆ อิ่มท้องสบายกระเป๋ากันไป ส่วนใครกล้าบ้าพอ ที่ร้านเขาก็มี "World Champion Curry" รวมทุกท็อปปิ้งไว้ในจานเดียวให้ได้ทานกันแบบจุกกันไปข้าง แถมนอกจากที่ญี่ปุ่นแล้ว ร้านนี้ยังมีสาขาอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและบราซิลอีกด้วย และซักวันนึงอาจจะมาเปิดที่เมืองไทยก็เป็นได้

ส่วนร้านข้าวแกงกะหรี่อีกร้านที่เราขอแนะนำก็คือ Curry Shop C&C ที่มีสาขาอยู่มากมายในโตเกียว

น้ำแกงกะหรี่ของที่นี่สีสันจะคล้ายๆกับแกงกะหรี่มาตรฐานของญีปุ่นมากกว่า สีสันจะไม่เข้มเท่ากับร้าน Go! Go! Curry! โดยเคล็ดลับความอร่อยของแกงกะหรี่ที่นี่คือเครื่องเทศ 28ชนิดที่ให้ทั้งความเผ็ดร้อน และความหอมที่เมื่อได้ทานครั้งหนึ่งแล้วจะถึงกับลืมไม่ลง ในส่วนของเมนูนั้นก็มีให้เลือกหลายสิบรายการ ในราคาเริ่มต้นเพียง 410เยนเท่านั้น

นอกจากท็อปปิ้งอย่างของทอดต่างๆ แล้ว ยังมีเมนูสำหรับสายเฮลท์ตี้อย่างผักล้วน ไข่ต้ม หรือจะเป็นไส้กรอกก็เหมาะสำหรับคุณหนูๆ สำหรับบางสาขาจะมีเมนูเฉพาะอย่าง Omu Curry หรือว่าเมนูข้าวห่อไข่แกงกะหรี่ เป็นตัวเลือกน่าอร่อยให้ลองด้วย แถมราคาเริ่มต้นยังเพียงแค่ 550เยนเท่านั้นเองจ้า หากกลัวเลี่ยนก็สั่งสลัดมาทานเพิ่มได้อิ่มกระเพาะสบายกระเป๋าจริงๆ