ร้านนี้เปิดทุกวันตั้งแต่ 10.30-21.30 น. เดินทางง่ายมากจากสถานีเกียวโตประมาณ 25 นาที ขึ้นรสบัสสาย 5 ต่อเดียว 230 เยน มาลงที่ป้าย Shijo-kawaramachi เดินต่ออีกร้อยเมตรก็ถึงตึกที่ร้านนี้ตั้งอยู่แล้ว โดยร้านอยู่ในตึกชื่อ Koto Cross ชั้น 6 สังเกตง่ายๆคือตึกเดียวกับ Disney Shop

ในส่วนของราคาก็จะแยกของเด็กกับผู้ใหญ่ โดยราคาหลักๆมี 3 แบบคือ

แบบที่ 1
เวลา 70 นาที ผู้ใหญ่ 1,530 เยน เด็ก 860 เยน ไม่สามารถทานไอศครีมได้
แบบที่ 2
เวลา 90 นาที ผู้ใหญ่ 1,730 เยน เด็ก 1,060 เยน สามารถทานไอศครีมได้
แบบที่ 3
เวลา 100 นาที ผู้ใหญ่ 1,980 เยน เด็ก 1,310 เยน ทานไอศครีมได้และมีเมนูพิเศษอื่นๆเพิ่มให้

เราเลือกแบบที่ 2 เพราะอยากกินไอศครีมด้วย หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อย พนักงานก็พาไปที่โต๊ะพร้อมให้ถ้วยไอศครีม เป็นถ้วยสำหรับคนเลือกแบบที่ 2 โดยเฉพาะ

ส่วนบรรยากาศภายในร้านค่อนข้างโปร่ง ดูแล้วไม่แออัดแม้ลูกค้าเยอะ

ระหว่างเดินไปนั่งที่โต๊ะเราแอบเห็นตู้เค้กตู้ใหญ่ล่อตาล่อใจอยู่ แต่ก่อนอื่นเราไปดูอาหารกันก่อนดีกว่า ว่ามีอะไรน่าทานบ้าง มุมแรกที่เห็นเป็นมุมสลัด มีสลัดมันฝรั่ง เส้นพาสต้า ผักนานาชนิด ข้าวโพด ให้เลือกตักได้ตามใจชอบ

ถัดไปเป็นพิซซ่าโดยวันที่ไปมี 2 หน้าให้เลือก เป็นแบบครีมซอสข้าวโพดกับซอสมะเขือเทศ แป้งจะเป็นแบบบางกรอบ ที่เห็นเหลือน้อยเป็นเพราะเขาไม่ทำทิ้งไว้ครั้งละเยอะๆ เพราะมันจะเย็นชืดไม่อร่อย เวลาเขาทำเสร็จใหม่ๆ พนักงานจะสั่นกระดิ่งให้เป็นสัญญาณ ลูกค้าก็จะกรูมาตักกันไป

ต่อไปเป็นพาสต้า มีซอสให้เลือกมากถึง 6 แบบ ทั้งซอสมะเขือเทศแบบออริจินัล ซอสเปปเปอร์โรนี่ ซอสเนื้อ ฯลฯ ซึ่งเส้นพาสต้าก็จะมีพนักงานสั่นกระดิ่งเช่นกันเวลาเอาอาหารร้อนๆมาลงใหม่ๆ

นอกจากนี้ยังมีซุปและแกงกะหรี่อีก ที่ลองกินแล้วเด็ดสุดคือซุปฟักทอง เนื้อเนียนไม่หวานแสบคอ ได้รสชาติฟักทองจริงๆ ส่วนแกงกะหรี่ที่จะตักราดบนอุด้งหรือกินกับข้าวสวยร้อนๆก็ได้ตามใจชอบ ที่เราชอบคือเขาจะมีเครื่องปรุงให้เราเลือกใส่เพิ่มเองได้ เช่น พริกไทย งาขาว งาดำ พริกป่น ขนมปังกรอบ เบคอนกรอบ

ถัดไปไปดูโซนเครื่องดื่มกัน มีทั้งกาแฟ โกโก้ จะร้อนหรือเย็นเลือกได้เลย แน่นอนต้องมีน้ำอัดลมและน้ำผลไม้อยู่แล้ว แต่ที่พิเศษคือมุม flavor water หรือน้ำเปล่าที่มีรสชาติ

มุม flavor water จะมีไซรัปให้เลือกมากกว่า 5 ชนิด เช่น แอปเปิ้ล แครนเบอรี่ มะนาว ขิง ให้เราสามารถมิกซ์รสชาติที่ชอบเองได้

ยังไม่หมดแค่นั้น มีชาให้เลือกมากถึง 25 ชนิด เช่น ชาสตรอเบอรี่ ชามิ้นต์ ชาส้มยูซุ ชาแอปเปิ้ล ฯลฯ ใครที่ชอบดื่มชานี่ต้องชอบแน่นอน

ตรงกลางก็จะมีมุม snack bar ที่มีเหมือนแป้งทอดกรอบคลุกกับผงรสชาติต่างๆ คล้ายๆเลย์บ้านเรา แล้วก็ยังมีป็อปคอร์น สายไหม ให้หมุนๆกันเองอีกด้วย

มาถึงไฮไลต์ที่หลายคนรอดู ของที่มาร้านนี้แล้วต้องกินให้ได้ก็คือเค้กนั่นเอง โดยเริ่มจากมุมแรก เป็นโซนพาร์เฟต์ ที่มีโมจินุ่มๆ ถั่วแดง ส้ม วุ้น เยลลี่ เป็นเครื่องเคียงให้เลือกตักกันตามที่ชอบเลย

ตู้ถัดไปเป็นเค้กที่มีมากกว่า 15 แบบ เช่น บราวนี่ แยมโรล ชูครีม พุดดิ้ง ทีรามิสุ ชิฟฟ่อนสตอเบอรี่ มัชฉะชิฟฟ่อน ทาร์ตถั่วหลากชนิด ชีสเค้ก คาราเมลชิฟฟ่อนเค้ก ฯลฯ ซึ่งทางร้านจะหั่นเค้กเตรียมไว้ให้เป็นชิ้นเล็กๆ ลูกค้าจะได้ชิมได้หลายชนิด

โซนสุดท้ายคือไอศครีม ที่นี่มีให้เลือกทั้งหมด 12 รสชาติ เช่น ชาเขียว ช็อคโกแลต กาแฟ สตอเบอรี่ วานิลาเป็นต้น รสชาเขียวและช็อคโกแลตเข้มข้นมาก อยากให้มาลองกัน ที่เราชอบร้านนี้เพราะไม่ว่าจะขนมหรือไอศครีมก็ไม่หวานมาก ทำให้กินได้เรื่อยๆ

หลังจากดูเมนูจนครบสุดท้ายนี่คือสิ่งที่เราตักมา มีอุด้งแกงกะหรี่ ซุปฟักทอง พาสต้ามะเขือเทศ สลัด และน้ำส้ม ตักมาอย่างละนิด

จากที่เห็น ใครที่ชอบกินเนื้อเราไม่แนะนำร้านนี้นะ เพราะเขาเน้นของหวานมากกว่า เนื้อน้อยมากแทบไม่มีเลย สลัดมันฝรั่งและซุปฟักทองอร่อยเลยแหละ เราถึงกับไปตักเติมอีกรอบ

อันนี้เป็นพาร์เฟต์ที่พูดถึงเมื่อกี้ โมจินุ่มมาก ถั่วแดงก็กลมกล่อม ทานด้วยกันแล้วฟิน ^^

ถึงเวลาจานหลักของร้าน สามารถตักเค้กมาลองหลายๆแบบได้เลย
ช่วงที่เราไปใกล้เทศกาลฮาโลวีน ทางร้านเลยออกเค้กธีมฮาโลวีนน่ารักๆหลายแบบมาให้เลือก

หลังจากวนตักกินไปหลายรอบ ก็ปิดท้ายด้วยมอคค่าร้อนซักแก้ว กินมื้อนี้แล้วเต็มอิ่ม หายอยากขนมไปอีกนานเลย

คนรักของหวานที่แวะเวียนมาเที่ยวที่ญี่ปุ่น และอยากลองร้านบุฟเฟ่ต์ของหวานอันเลื่องชื่อ ที่เป็นเหมือนวัฒนธรรมการกินของสาวญี่ปุ่น อย่าลืมลองมองหาร้าน Sweets Paradise ดูนะคะ

หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ (ภาษาอังกฤษ)
สาขาของร้าน Sweet Paradise (ภาษาญี่ปุ่น)