นิงเกียวโจ ย่านลับๆ ใจกลางโตเกียว
สถานที่ในวันนี้ก็คือย่าน “นิงเกียวโจ”
เป็นถนนสายเล็กๆที่เต็มไปด้วยร้านรวงน่าสนใจ มาถึงได้ด้วยรถไฟใต้ดินสาย Asakusa หรือ Hibiya Line ลงที่สถานี Ningyocho และอีกวิธีคือนั่งสาย Hanzomon ไปลงสถานี Suitengu-mae
เมื่อลงจากสถานี เราจะขึ้นมาเจอหอนาฬิกาสัญลักษณ์ของย่านนิงเกียวโจ พร้อมกับถนนและตึกรามบ้านช่องที่ดูกลางเก่ากลางใหม่ คือไม่ถึงกับเก่าแก่ระดับร้อยปี แต่ก็ไม่ได้ทันสมัย เท่าที่ค้นข้อมูลมาตึกรามบ้านช่องในย่านนี้หลายส่วนมีการปรับปรุงอยู่เรื่อยๆ
แม้จะน้อย แต่ก็มีบางส่วนที่คงสภาพตัวตึกสมัยยุคเอโดะเอาไว้ได้ และอาจจะเพราะความที่อยู่ตรงระหว่างกลางระหว่างเก่ากับใหม่นี้เอง ที่ทำให้มันไม่มีเอกลักษณ์ และถูกมองข้ามไปจากสายตาของนักท่องเที่ยวทั่วไป แต่ย่านนิงเกียวโจนั้นมีร้านขนมเก่าแก่ที่เปิดกิจการมานาน และร้านรวงอื่นๆที่น่าสนใจอีกหลายร้านค่ะ ซึ่งวันนี้เราจะขอแนะนำให้ชมกัน
ร้านไทยากิ Yanagiya (柳屋)
เป็นร้านไทยากิชื่อดังเจ้าเก่าแก่ โดดเด่นในเรื่องของกรรมวิธีการย่างไทยากิทีละตัวๆแบบโบราณ ไส้ถั่วแดงที่ไม่หวานเลี่ยน แป้งบางกรอบ รวมทั้งการให้ไส้กันแน่นๆ อย่างถึงอกถึงใจ เรียกได้ว่าใส่กันมาให้เต็มๆตั้งแต่หัวจรดหางเลยทีเดียว ใครที่ชอบไทยากิควรจะต้องมาลองสักครั้งค่ะ รวมทั้งท่านที่อยากเห็นการย่างไทยากิสดๆทีละตัวแบบเก่าที่ต่างจากเตาทุ่นแรงแบบพับครึ่งสมัยใหม่ แล้วจะรู้ค่ะว่ารสชาติมันไม่เหมือนกันจริงๆนะ
มีใส้ถั่วแดงอย่างเดียว ราคาตัวละ 160 เยนถ้าจะห่อกลับบ้าน ถ้าทานเดี๋ยวนั้นเลยจะเหลือตัวละ 150 เยน
เปิดทุกวันยกเว้นวันอาทิตย์ 12:30 - 18:00
ร้านโดรายากิ Seijuken (清寿軒)
ถัดจากไทยากิก็เป็นโดรายากิค่ะ เซย์จูเคนเป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1861 ค่ะ เรียกได้ว่ามีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยเอโดะกันเลยทีเดียว ได้ยินว่าในอดีตโดรายากิของร้านนี้เป็นของฝากขึ้นชื่อในหมู่พวกไดเมียว (ซามูไร) ยุคนั้นด้วยค่ะ แน่นอนว่ากรรมวิธีก็ยังเป็นแบบโบราณ ทำทุกขั้นตอนด้วยมือ โดรายากิในร้านมีให้เลือกทั้งแบบพับครึ่งและแบบสอดไส้ค่ะ นอกจากโดรายากิแล้วก็ยังมีขนมญี่ปุ่นอื่นๆอีกหลายชนิดให้เลือกซื้ออีกด้วย
เปิดทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ 9:00 - 17:00
วันเสาร์ 9:00 - 12:00
ปิดวันอาทิตย์
ร้านมีด Ubukeya
ร้านนี้ก็เป็นร้านขายมีดเก่าแก่เปิดมาตั้งแต่สมัยสองร้อยกว่าปีก่อน เจ้าของร้านคนล่าสุดน่าจะเป็นรุ่นที่ 9 แล้วค่ะ
ในอดีตช่างตีดาบซามูไรจำนวนไม่น้อยต้องผันตัวมาทำเครื่องใช้ในบ้าน เช่นมีด กรรไกร และเครื่องใช้อื่นๆ เนื่องจากกฎหมายห้ามพกพาดาบซามูไรของอิเอยาสุในยุคเอโดะทำให้ดาบซามูไรแทบไม่มีความจำเป็น ร้านนี้เองก็เข้าข่ายหนึ่งในนั้น และยังคงสืบทอดศิลปะในการทำมีดและกรรไกรแบบโบราณมาตลอดจนถึงปัจจุบัน
สินค้าแนะนำสำหรับท่านที่มาท่องเที่ยว และไม่อยากซื้อมีดเล่มใหญ่ๆ เพราะยุ่งยากและกลัวปัญหาเรื่องการเอากลับ เราขอแนะนำมีดตัดเล็บค่ะ จากประสบการณ์ส่วนตัวเราซื้อมีดตัดเล็บจากร้านนี้ตั้งแต่มาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อ 6 ปีก่อน จนถึงตอนนี้ก็ยังใช้อันเดิม ไม่เคยเปลี่ยน แต่ยังคมกริบตัดได้เนี้ยบเหมือนวันแรกที่ซื้อเลยค่ะ
เปิดทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ 9:00 - 18:00
วันเสาร์ 9:00 - 16:00
ปิดวันอาทิตย์
ศาลเจ้าซุยเทนกุ
พักกินกันก่อน แล้วมาชมพระเอกของวันกันค่ะ ที่นี่คือศาลเจ้าใหญ่ประจำย่านนี้ ถึงแม้ตัวเทพดั้งเดิมจะถูกอัญเชิญมาประทับที่นี่ตั้งแต่ปี 1818 แต่ศาลเจ้าก็มีการบูรณะสร้างใหม่หลายครั้ง จนมีรูปแบบกึ่งสมัยใหม่ สวย สะอาดอย่างที่เห็น (บูรณะครั้งล่าสุดเมื่อปี 2016) อย่างไรก็ตามนี่ก็ยังเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ จนชาวโตเกียวจำนวนไม่น้อยนิยมมาขอพรค่ะ
ร้านเค้ก Occitanial
เปลี่ยนบรรยากาศมาที่ร้านเค้กสไตล์ฝรั่งเศสบ้าง ร้านนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามศาลเจ้าซุยเทนกุ (水天宮) ขายเค้กชิ้นเล็กๆ ตกแต่งหน้าตาได้น่ากิน รสชาติดีมาก เรียกได้ว่าอร่อยทั้งรูปลักษณ์และรสชาติครบพร้อมเลยทีเดียว (แนะนำเค้กกุหลาบสีแดงที่ชื่อ ヒラリ - Hirari กับเลมอนทาร์ตรูปดอกทานตะวันค่ะ)
นอกจากนี้ยังมีขนมอย่างอื่นทั้งมาการอง คุกกี้ ทอฟฟี่คาราเมล ในร้านยังมีโซนคาเฟ่สำหรับให้สั่งเค้กของร้านพร้อมกับเครื่องดื่มมานั่งทานอีกด้วย
เปิดทุกวัน 10:00-19:00
ขนมนิงเกียวยากิ จากร้าน Shigemori-Eishindo
ปิดท้ายกันที่ขนมนิงเกียวยากิ ที่มีแค่ที่นิงเกียวโจนี้เพียงที่เดียวเท่านั้น เหมาะสำหรับซื้อเป็นของฝากของที่ระลึกกันหลังจากเดินเที่ยวเสร็จแล้วค่ะ
นอกจากร้านที่นำเสนอไปในวันนี้ นิงเกียวโจยังมีร้านชา ร้านราเมง ร้านขายของทอดและไข่หวานเจ้าเก่าแก่ รวมไปถึงร้านขายจานชามและของที่ระลึกสไตล์ญี่ปุ่นอีกหลายร้าน เรียกได้ว่าเป็นถนนที่เดินเล่น ซื้อของไป ชิมอาหารไปได้สบายๆเลย
ที่สำคัญคือนักท่องเที่ยวต่างชาติยังรู้จักน้อยมาก เมื่อเทียบกับย่านดังใจกลางโตเกียวย่านอื่นๆ ท่านใดที่มาเที่ยวโตเกียวแล้ว อยากหาที่เดินเล่นแบบสบายๆ คนไม่เยอะมา ลองดูที่นี่ไว้ก็ไม่เสียหายนะคะ