สาวออฟฟิศญี่ปุ่นเขากินอะไรกันนะ?

หลายคนมาญี่ปุ่นเห็นสาวๆออฟฟิศที่นี่หุ่นสะโอดสะองกันเหลือเกิน คงอดสงสัยไม่ได้ว่าเหล่าสาวๆเอาเวลาที่ไหนดูแลตัวเอง เพราะการทำงานที่ญี่ปุ่นนั้นบางทีก็หนักแบบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันกันเลยทีเดียว แถมถ้าเป็นงานออฟฟิศ วันๆนั่งอยู่แต่หน้าคอมก็คงไม่มีเวลาไปออกกำลังกายแน่ๆ แล้วสาวๆเขารักษาความเป๊ะกันได้อย่างไรกัน เคล็ดลับก็คืออาหารการกินของพวกนางนั่นเองค่ะ
By ป้าเมโกะที่ญี่ปุ่นเรียกสาวออฟฟิศว่า Office Lady เอามาจากภาษาอังกฤษโดยตรง และเรียกย่อๆว่า สาว OL ซึ่งน่ารักดี ต่อไปนี้เราเลยจะเรียกบ้าง
สาว OL ชาวญี่ปุ่นหลายๆคนนั้นเคร่งครัดเรื่องแคลอรี่กันน่าดู จะกินอะไรสาวๆก็จะเน้นการรักษาคอนเซ็ปต์ที่เรียกว่า Eiyo Balance (栄養バランス) ที่แปลได้ว่าสารอาหารที่สมดุล วิธีการเลือกทานอาหารตามหลัก Eiyo Balance ก็ง่ายๆ คือภายใน 1 มื้อควรประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักคือ
1. พวกข้าว เส้น ขนมปัง แป้งหรือคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายต้องการพลังงานไปใช้ หากทำงานที่ใช้พลังงานน้อย นั่งโต๊ะทั้งวัน ก็ควรลดส่วนนี้
2. กับข้าวจานหลัก ที่ควรประกอบไปด้วย เนื้อสัตว์ต่างๆหรือเต้าหู้ ส่วนนี้เน้นโปรตีน ซึ่งใน 1 จานควรมีอาหารประเภทโปรตีนประมาณ 60-80 กรัม
3. อาหารข้างเคียง หรือ side dish คืออาหารที่เอาไว้ทานกับจานหลัก เช่น พวกสลัด ผัดผัก หรือพวกซุปก็เข้ากันดี
แค่เพียงวางแผนง่าย กินอาหารที่มี 3 ส่วนหลักๆนี้ครบเท่านั้น ก็ทำให้เราได้สารอาหารครบถ้วน ร่างกายแข็งแรงได้แล้ว ดังนั้นมาดูกันดีกว่าว่าสาวๆญี่ปุ่นเขามักจะทานอะไรกันในตอนกลางวัน เพราะเวลาพักกลางวันมีไม่มากไหนจะต้องหาของที่ทานแล้วได้สุขภาพและหาไม่ยากแถวบริษัทอีกจะให้ได้ตามหลัก Eiyo Balance ที่กล่าวไปข้างต้นก็คงต้องใช้่เทคนิคกันหน่อย ดังนั้นสาวญี่ปุ่นมีวิธีปรับเปลี่ยนและเลือกทานอย่างไรกันบ้างไปดูกันเลย!
1. ร้านสะดวกซื้อ
อย่างแรกเลยก็คือร้านสะดวกซื้อค่ะ มีอยู่ทั่วไป มีช้อยส์ให้เลือกเยอะและราคาไม่แพง
ร้านสะดวกซื้อนับวันจะเอาใจคุณผู้หญิงกันมากขึ้น ผ่านการคำนวณแคลอรี่มาแล้วอย่างเหมาะสม มีฉลากบอกสารอาหารชัดเจน สาวๆหยิบปุ๊บรู้ปั๊บว่าจานนี้แคลอรี่เท่าไร เช่น ในร้านสะดวกซื้อตอนนี้จะเห็นได้ชัดว่ามีสลัดผัก และน้ำสลัดที่ลดน้ำมันลงะมากขึ้น สาวๆเขาก็มีวิธีการจับคู่ของกินในวันเร่งรีบ เช่น เลือกทานสลัดกับข้าวปั้น หรือ ทานรีบจริงต้องทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป สาวๆก็จะเลือกแบบที่ลดแป้ง ลดโซเดียม (ที่นี่มีแบบนี้เยอะมาก อร่อยด้วยนะ)
สลัดตามร้านสะดวกซื้อก็มีให้เลือกมากมาย หน้ากล่องบอกแคลอรี่เสร็จสรรพ ไม่ต้องมานั่งกะเองให้ยุ่งยาก
ข้าวปั้นกับสลัด คู่กันได้สารอาหารครบ
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป(แบบวุ้นเส้น) แคลอรี่น้อย อย่างถ้วยนี้เพียง 90 แคลอรี่ต่อถ้วยเท่านั้น

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบใหม่ ลดคาร์โบไฮเดรตถึง 50% ห่วงใยสุขภาพมากขึ้น
แต่ทีเด็ดเคล็ดลับและถือเป็นโชคดีของสาวญี่ปุ่น คือที่นี่มีน้ำประเภท 0 Calorie เยอะมากๆ เวลาทำงานเหนื่อยๆก็อยากจะจัดน้ำอะไรหวานๆ แต่ที่นี่ดื่มแล้วไม่รู้สึกผิดแน่นอนเพราะมันไม่มีแคลอรี่เลยแถมรสชาติก็เหมือนน้ำปกติทั่วไปเลย เช่น
น้ำแอปเปิ้ล 0 แคลอรี่ รสชาติเหมือนน้ำแอปเปิ้ลปกติเป๊ะ
น้ำอัดลมแบบ 0 แคลอรี่ รสต่างๆที่มีมากกว่าที่ไทย
เลิศสุดๆ (แอบกระซิบ ตอนดิฉันอยู่ไทย น้ำหนักขึ้นเพราะชานมไข่มุก ชาไทย กาแฟ น้ำตาจะไหล แต่อยู่นี่มีทางเลือกมากขึ้น ซาบซึ้ง)
2. ร้านอาหารทั่วไป
ร้านอาหารทั่วไปแต่ไม่ทั่วไป (เอ๊ะ อ่านแล้วงง) เป็นเลดี้ทั้งทีจะมาทั่งทานข้าวหน้าเนื้ออย่างชายฉกรรจ์ ได้อย่างไรกัน (สาว OL ที่นี่ไม่น้อยมีความคิดอย่างนี้จริงๆ…) สาวๆอย่างเราต้องทานอะไรที่แลดูรักตัวเอง เป็นสาวห่วงสุขภาพ ร้านที่มักเลือกเข้าร้านที่ดีต่อสุขภาพ เช่นร้าน Soup Stock (ร้านที่ขายเฉพาะซุปและเน้นอาหารสุขภาพ) ที่เราจะยกตัวอย่างต่อไปนี้ หรือไม่ก็ร้านอาหารเซ็ตเบาๆ ที่มีเซตสลัดติดมาด้วย อันนี้ถือว่าผ่านในสายตาสาวๆค่ะ
ร้านข้าวหน้าเนื้อ เป็นอาหารที่มีอยู่ทั่วไปในญี่ปุ่น ซึ่งถ้าจะให้เปรียบเทียบก็คงเทียบได้กับผัดกะเพราะไข่ดาวของไทยเรา
อย่างในภาพนี้คือร้าน Yoshinoya เป็นร้านที่มีสาขาทั่วญี่ปุ่นมากกว่า 1,200 สาขา (และที่ไทยเราก็มีเหมือนกันนะ) เป็นที่ฝากท้องในมื้่อเที่ยงของชาวญี่ปุ่นหลายๆคน ตั้งแต่วัยเรียนจนถึงวัยทำงานใครๆก็กินได้ และในเรื่องของราคาก็ถือว่าเป็นร้านประเภทที่ถูกที่สุด แค่มี 500 เยนก็อิ่มได้แล้ว
แต่...มันไม่ใช่สิ่งที่สาว OL ตามหากันค่ะ.....
ต้องแบบนี้เลยที่สาวๆชอบ ร้าน Soup Stock Tokyo ร้านเบาๆ ดีต่อสุขภาพ ถูกใจสาวญี่ปุ่น
ร้าน soup stock เป็นร้านที่เน้นเสิร์ฟซุปร้อนๆ มีหลากหลายแบบให้เลือก โดยทางร้านเน้นว่าใน 1 จานจะต้องประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดรตและไฟเบอร์ที่เพียงพอ ที่ร้านนี้มีทั้งซุปรสชาติแบบญี่ปุ่นและแบบฝรั่ง ทั้งแบบร้อนแบบเย็น เช่น ซุปผัก 7 ชนิด หรือ ซุปครีมส้มยูซุแซลมอนฮอกไกโด ฯลฯ สาวๆที่ใส่ใจในแคลอรี่ก็ไม่ต้องกังวล ที่นี่สามารถเลือกขนาดของถ้วย เล็ก กลาง ใหญ่ ได้ตามความต้องการและเขาก็คำนวณแคลอรี่ และสารอาหารต่างๆไว้ให้ดูอย่างครบครัน อ้อ! ใครอยากทาน ของหวาน ที่นี่ก็มีเหมือนกัน เป็นของหวานเบาๆได้สุขภาพ โดยส่วนใหญ่จะทำมาจากงาดำและผลไม้ต่างๆ เลิศสุดๆ
ร้านนี้มีสาขาอยู่ตามหลายเมืองใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น แต่ที่เยอะที่สุดก็จะเป็นโตเกียว โดยเฉพาะในห้างและสถานีรถไฟใหญ่ๆ หากทำงานกลางโตเกียวละก็ แค่เดินแถวๆออฟฟิศก็อาจจะเจอซักร้านก็ได้ ราคาก็ไม่แพงมาก ประมาณ 700-800 กว่าเยนขึ้นไป ก็ได้หนึ่งอิ่ม และถ้าใครยุ่งๆอยากซื้อกลับไปทานที่บ้าน ที่ทำงาน ที่ร้านเขาก็มีซุปแบบสำเร็จรูปแบบซอง เพียงแค่เอาเข้าไมโครเวฟก็อร่อยเหมือนกินที่ร้านเลย อิ่ม สบายพุง และที่สำคัญไม่รู้สึกผิดต่อร่างกายอีกด้วย
ใครสนใจ สามารถดูเมนูอาหาร สาขาต่างๆและรายละเอียดโภชนาการได้ที่เว็บไซต์
3. หิ้วข้าวกล่องมาเอง หรือกินที่โรงอาหารบริษัท

สาวๆหลายคนก็ทำอาหารมาทานเอง โดยจะใส่มาในกล่องข้าวที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่าเบนโตะ ซึ่งในกล่องก็จะใส่อะไรมาก็ได้ตามที่ตัวเองต้องการ ทำให้เหมาะมากๆกับสาวๆที่ต้องการดูแลสุขภาพค่ะ ใส่ข้าวมาน้อยหน่อย ผักมาเยอะหน่อย ยังงี้ก็ดีนะ
นอกจากนี้ บางบริษัทก็จะมีโรงอาหารหรือเบนโตะให้พนักงานทานในราคาย่อมเยา เพราะเป็นอาหารที่ทางบริษัทจัดไว้ให้ สาวๆเขามีวีธีเลือกทานให้ได้สุขภาพกันอย่างไรนั้น พวกเธอก็จะยึดกฎเหล็ก นั่นคือการไม่เน้นแป้ง และต้องมีซุปตบท้ายทำให้ร่างกายอบอุ่น เร่งการเผาผลาญ และทำให้อยู่ท้องมากขึ้นนั่นเอง เพราะซุปมิโซะนั้นใน 1 ถ้วย มีแคลอรี่ไม่ถึง 90 แคลอรี่ นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยวัตถุดิบที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น สาหร่าย ผัก และเต้าหู้ และมิโซะที่หมักจากถั่วเหลือง ทานแล้วร่างกายอบอุ่นช่วยเร่งการเผาผลาญแถมยังอุดมไปด้วยโปรตีนอีกด้วย
นี่คือซุปเต้าเจี้ยวหรือซุปมิโซะสำเร็จรูป (แบบซอง)
สาวๆที่ไม่มีเวลา ก็มักจะพกซุปมิโซะแบบซองในภาพ เพราะเพียงแค่เทน้ำร้อนใส่ก็สามารถทานได้เลย แคลอรี่ก็ไม่เยอะ ได้ซดอะไรอุ่นๆทำให้ร่างกายอบอุ่น ออฟฟิศไหนก็ทำได้ขอแค่มีกาน้ำร้อน
4.บาร์ให้พลังงาน

สุดท้ายนี้ก็คืออาหารประเภท บาร์ให้พลังงาน ฝรั่งเรียก Energy Bar แต่ที่ญี่ปุ่นมีอาหารสำเร็จรูปชนิดแท่งแบบนี้เยอะมากๆเหมือนกัน ที่ฮิตๆก็เช่นยี่ห้อ Calorie Mate หาซื้อก็ง่ายมีทั้งที่ร้านสะดวกซื้อทั่วไป ร้านขายยา ซุปเปอร์ ฯลฯ ราคาประมาณร้อยกว่าเยนนิดๆเท่านั้นต่อกล่อง ทั้งแท่งนี้จะมีการคำนวณสารอาหารมาอย่างดี ข้อดีคือทานเพียงบาร์เดียวก็ได้สารอาหาร 5 ชนิด ได้แก่ โปรตีน ไขมัน น้ำตาล วิตามิน 11 ชนิดและแร่ธาตุ 6 ชนิด ที่มีสารอาหารสมดุลก็เพราะผ่านการคำนวณมาแล้วเป็นอย่างดีนั่นเอง
ตอนนี้บาร์ให้พลังงานแบบนี้ถือเป็นอาหารสุดสะดวกของสาวๆเลยก็ว่าได้ เพราะสาวๆที่ทั้งวันมัวแต่ทำงานยุ่ง ไม่มีเวลาไปสรรหาอาหารดีๆ สาวๆก็มักจะพกเจ้าบาร์ให้พลังงานเหล่านี้ไว้ในกระเป๋า หิวเมื่อไหร่ก็หยิบขึ้นมากิน แต่ว่า!ห้ามกินแทนอาหารสามมื้อนะ ไว้กินเวลาที่ยุ่งจริงๆ หรืออยากเพิ่มเติมจากอาหารหลักสามมื้อเท่านั้น
ที่วางขายอยู่ตอนนี้มีหลายรสมากๆ ไม่ว่าจะเป็น รสช็อกโกแลต ชีส ผลไม้ หรือบางยี่ห้อก็ครีเอตสุดๆ มีการผสมผลไม้อบแห้ง ถั่ว ธัญพืชต่างๆ เพิ่มสารอาหารเข้าไปอีก นอกจากจะเป็นในรูปแบบอัดแท่ง (แบบในภาพ)แล้ว ยังมีแบบเจลลี (ประมาณ 200 แคลอรี่ต่อซอง) ที่ดื่มง่าย พกพาไปไหนก็สะดวกด้วย
สรุป
เป็นยังไงบ้างคะ
แม้พักเที่ยงจะมีเวลาน้อยนิด แต่สาวญี่ปุ่นก็ยังสามารถเลือกทานอาหารที่ได้สุขภาพแบบไม่ทำให้หุ่นเสียได้ เยี่ยมจริงๆ สาวไทยที่ดูแลหุ่นก็ลองดูบ้างนะคะ ตัวอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น สาวๆบ้านเราก็เอา (เฉพาะข้อดี) ไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสมนะคะ บางอย่างก็ดูจะฮาร์ดคอร์เกินไปสำหรับดิฉันผู้ที่ยังอยากกินคอหมูย่าง ข้าวเหนียวส้มตำ ข้างออฟฟิศเหมือนเดิม
เอาใจช่วยทุกคนนะคะ
รัก