รู้รอบเรื่องซัปโปโรและฮอกไกโด
ซัปโปโรอยู่ตรงไหนของฮอกไกโด
เมืองซัปโปโรตั้งอยู่ใจกลางเกาะฮอกไกโดค่อนไปทางตะวันตก เป็นเมืองปกครองส่วนท้องถิ่นพิเศษของประเทศญี่ปุ่นและเป็นศูนย์กลางความเจริญของเกาะฮอกไกโด ประชากรที่อาศัยที่นี่มีจำนวนมากติดอันดับ Top 5 ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว โดยนอกจากจะเป็นเมืองใหญ่ที่มีตึกสูงและประชากรหนาแน่นแล้ว ใกล้ๆกันยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่น่าสนใจอีกมากมายหลายที่ให้ได้ไปชมความงามกันอีกมากมายด้วย
เดินทางไปยังสนามบินซัปโปโร Shin-Chitose
สนามบินซัปโปโรหรือที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่าสนามบินชินจิโตะเสะ (新千歳空港) ตั้งอยู่ที่เมืองจิโตะเสะ ห่างมากจากทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองซัปโปโร เปิดให้บริการในปีพ.ศ. 2531 มีทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ ในปัจจุบัน การบินไทยมีไฟลท์ไปกลับระหว่างสุวรรณภูมิและสนามบินชินจิโตะเสะวันละหนึ่งรอบไปกลับคือ TG670 และ TG671 นอกจากนี้ ก็ยังมีสายการบินภายในประเทศต่างๆมากมาย ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีกว่ารถไฟสำหรับคนที่อยากเที่ยวโตเกียวหรือโอซศาก้ากับฮอกไกโด พร้อมๆกันในทริปเดียว อ่านเพิ่มเติมเรื่องการนั่งสายการบินโลว์คอสต์ภายในประเทศญี่ปุ่น
จากสนามบินมีรถไฟ JR และรถบัสให้บริการเพื่อเดินทางเข้าเมืองซัปโปโร โดยสถานีรถไฟ JR จะตั้งอยู่บริเวณชั้น B1 และจุดขึ้นรถบัสจะอยู่ที่ชั้น 1
ที่พักในซัปโปโรเป็นแบบไหน
ที่พักในเมืองซัปโปโรมีมากมายหลายแบบมีตั้งแต่ระดับเกสท์เฮาส์ธรรมดาไปจนถึงโรงแรมหรู เรียวกัง สกีรีสอร์ท ซึ่งใช่ว่าทุกจังหวัดจะมีครบครันแบบนี้
โดยใจกลางเมืองจะคล้ายๆกับจังหวัดใหญ่ต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นแนว Business Hotel คือโรงแรมแบบประหยัด มีของใช้ในห้องพร้อม แต่ไม่ได้หรูจนจ่ายไม่ไหว เหมาะสำหรับผู้ที่ค้างแบบง่ายๆไม่คิดมาก หรือผู้ที่ต้องการเน้นอยู่กลางเมืองและไม่สนความหรูหรา โรงแรม Business Hotel ส่วนใหญ่จะมีโลเคชั่นดีมากๆ เช่นใกล้สถานี หรือสำหรับโรงแรมที่เจาะตลาดผู้ขับรถก็อาจจะใกล้ทางด่วนและมีที่จอดฟรี เป็นต้น
ถ้าหากอยากเลือกโลเคชั่นดีสุดๆ กลางเมืองสุดๆละก็ เราขอแนะนำให้หาโรงแรมใกล้ๆ Odori Park สวนสาธารณะกลางเมือง ซึ่งหากเลือกห้องสูงๆ อาจมีโอกาสได้เห็นวิวแบบในภาพก็ได้ (ในภาพเป็นวิวจาก Sapporo TV Tower)
ถ้าห่างออกมาจากใจกลางเมืองซัปโปโรละก็ จะมีโรงแรมประเภทเรียวกังให้บริการอยู่มากมาย แน่นอนว่ามีทั้งแบบใหญ่โตที่บริการครบวงจร และแบบชาวบ้านที่ไม่ใหญ่มากดูแลกันเองอย่างครอบครัว แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน โรงแรมส่วนใหญ่ในซัปโปโรมักจะมีบ่อน้ำร้อนให้ทั้งนั้น เพราะถือว่าเป็นจุดขายของเมืองหนาว (ถ้าไม่ใช่ที่ๆราคาถูกจนเกินไป) หากไปพักที่ฮอกไกโดกลางฤดูหนาวละก็ ยังไงซะก็ต้องเลือกที่ๆมีให้แช่อยู่แล้ว
และไกลออกมาอีกในที่ๆเป็นโซนภูเขาอย่างเช่นเมืองนิเซโกะ ฟุราโนะ บิเอ ก็จะมีสกีรีสอร์ทให้เลือกหลายที่สำหรับคนที่อยากลองเล่นกับหิมะ สกี หรือสโนว์บอร์ด โดยรวมแล้วเป็นจังหวัดที่มีโรงแรมทุกแบบจริงๆ
ทำไมต้องไปซัปโปโรหน้าร้อน
หลายๆคนคงอยากจะสัมผัสหิมะที่ซัปโปโร ซึ่งแน่นอน ช่วงหน้าหนาวเป็นฤดูท่องเที่ยวใหญ่ของซัปโปโร มีของดีคือหิมะที่ขาว เม็ดเล็ก สะอาด และหนามากๆ อย่างที่ทุกคนรู้กันดีแล้ว เพราะงั้นวันนี้เราจึงอยากมาแนะนำซัปโปโรในหน้าร้อน
โดยปกติหน้าร้อนของญี่ปุ่นจะเริ่มต้นตั้งแต่เดือน 7-8 เป็นต้นไป ความร้อนของที่นี่ ในจังหวัดอื่นๆก็แทบไม่ต่างจากเมืองไทยมากนักแต่ฮอกไกโดและซัปโปโรจะเย็นกว่าเล็กน้อยเพราะอยู่เหนือกว่า ทำให้เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน คนญี่ปุ่นจากภูมิภาคอื่นๆหลายคนนิยมหนีอากาศอบอ้าวไปสัมผัสอากาศเย็นสดชื่นกันที่ฮอกไกโด เรียกกันว่าช่วงประมาณเดือน 6-9 ของฮอกไกโดถือเป็นสรวงสวรรค์สำหรับคนญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
อีกสิ่งที่ทำได้ในหน้าร้อนที่ทำไม่ได้ในหน้าหนาวก็คือ การเช่ารถขับชมวิวและการชมดอกไม้ โดยทุ่งลาเวนเดอร์ที่เมืองฟุราโนะ ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากจากซัปโปโรนั้นเป็นหนึ่งในที่หมายอันดับต้นๆของคนไทยเลยละ
นอกจากอากาศจะเย็นกว่าที่อื่นๆ แม้ในหน้าร้อนแล้ว ช่วงฤดูนี้จะเป็นช่วงที่มีของอร่อยถูกใจคนไทยเต็มไปหมด เช่น อาหารทะเลต่างๆ อย่างไข่หอยเม่นสีเหลืองนวล หอยปีกนก ปลาหมึก ปูตัวใหญ่ๆเช่นพันธ์ุฮานะซากิ รวมไปถึงเมล่อนลูกโตหวานฉ่ำของเมืองยูบาริ มันฝรั่งฮอกไกโด นอกจากนี้สินค้าจากนม ไม่ว่าจะเป็นเนย ชีส ช็อกโกแลต ขนมที่ใส่นมเช่นคุกกี้ต่างๆ ก็ล้วนเป็นของกินและของฝากชื่อดัง
เมนูขึ้นชื่อประจำหน้าร้อนของที่นี่คือเนื้อแกะย่าง เจงกิสข่าน (ジンギスカン) ทานคู่กับเบียร์เย็นๆ เข้ากันได้ดียิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น!
ด้วยอากาศที่เย็นสบายกว่าที่อื่น ทำให้ซัปโปโรและฮอกไกโด รวมๆแล้วเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ช่วงหน้าร้อนจึงเป็นช่วงที่เหมาะสมเป็นอย่างมากที่ต้องมาเยี่ยมเยียนซับโปโรให้ได้สักครั้ง
อุณหภูมิในซัปโปโร
ในเมืองซัปโปโร แม้ในช่วงหน้าร้อน อุณหภูมิเฉลี่ยก็ยังอยู่ต่ำกว่า 25 องศา เรียกว่าไม่ร้อนเลยสำหรับคนไทย โดยทั้งหมดนี้เป็นเพียงค่าเฉลี่ย บางวันที่พีคหน่อยๆก็จะมีวันที่สูงทะลุเกิน 30องศาบ้าง แต่ตอนกลางคืนก็จะมีลดต่ำกว่า 20 องศาเหมือนกัน เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ อย่างโตเกียวที่มีเฉียด 35 องศาให้เห็นทุกปีแล้วถือว่าเย็นสบายมากทีเดียว
เสื้อผ้าที่เหมาะสมคือเสื้อยืดธรรมดาสำหรับคนขี้ร้อน และเสื้อยืดแขนยาว หรือเสื้อคาร์ดิแกนแบบบางสำหรับคนขี้หนาวขึ้นมาหน่อย โดยต้องเข้าใจไว้ว่า อุณหภูมิกลางวันและกลางคืนของประเทศทางเหนือนั้นต่างกันพอสมควร เที่ยงวันกับเที่ยงคืนต่างกันเกิน 10 องศาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะฉะนั้นจึงควรเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะกับเวลาที่จะออกมาข้างนอกด้วย (โดยเฉพาะคนที่อยากเดินเที่ยวเมืองจอนกลางคืน)
ส่วนหน้าหนาวนั้นไม่ต้องพูดถึง อุณหภูมิโดยเฉลี่ยติดลบในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ พีคสุดอาจจะลงต่ำไปเกิน -10องศาก็มีให้เห็นอยู่เป็นรายปี แถมเราจะได้เห็นหิมะตกมากสุดในช่วงเดียวกันนี้อีกด้วย เสื้อผ้าที่จำเป็นนอกจากต้องหนาและให้ความอบอุ่นแล้ว ถุงมือ ผ้าพันคอ และรองเท้าสำหรับเดินบนหิมะก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน
เช่ารถขับในซัปโปโร
เมืองซัปโปโรมีขนาดใหญ่ถึง 1,121ตารางกิโลเมตร ด้วยความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ และสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละจุดก็อยู่ห่างกันไป วิธีการเดินทางท่องเที่ยวที่เหมาะสมที่สุดน่าจะเป็นการเช่ารถขับเอง
ที่สนามบินจิโตะเสะ คุณสามารถหาเช่ารถได้ที่เคาน์เตอร์บริการชั้น 1 โดยมีบริษัทรถเช่าหลากหลายที่ให้เลือก เคาน์เตอร์ส่วนใหญ่เปิดทำการตั้งแต่เช้าประมาณ 7โมง และดึกสุดประมาณ 5ทุ่ม รถเช่าหลายที่ให้บริการชาวต่างชาติเป็นอย่างดี เช่น จะมีการติดสติ๊กเกอร์เตือนไว้ที่ด้านหลังรถว่าผู้ขับรถคันนี้เป็นชาวต่างชาติเพื่อให้ผู้ร่วมถนนคันอื่นได้ทราบ และขับขี่กันอย่างระมัดระวัง นอกจากนี้รถญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีระบบนำทาง บางที่ก็มีเครื่องนำทางเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษไว้ให้บริการด้วย
ยกเว้นสำหรับผู้ที่ต้องการจะเที่ยวแค่ในกลางตัวเมืองซัปโปโร เช่นบริเวณสวนโอโดริ ศาลาว่าการเมือง ภูเขาโมอิวะ และย่านช้อปปิ้งอย่างซุซุกิโนะ หรือทานุกิโคจินั้น ไม่จำเป็นต้องเช่ารถ เพราะบริเวณเหล่านี้สามารถเชื่อมต่อกันได้ด้วยรถไฟใต้ดินและรถรางเมืองซัปโปโร แนะนำให้ใช้การเดินทางโดยรถไฟเหมือนเที่ยวโตเกียวโอซาก้า แต่หากอยากจะเดินทางไปไกลๆ เช่นไปถึงฟุราโนะ บิเอ อาซาฮิคาวะ นิเซโกะ รถเช่าจะมีประโยชน์ขึ้นมาทันที (แต่แน่นอนว่าทั้งหมดที่ยกตัวอย่างมานี้ สามารถไปด้วยรถไฟได้)
ชมดอกไม้ในฮอกไกโด
ที่ฮอกไกโดมีจุดชมดอกไม้ประจำฤดูอยู่หลายต่อหลายแห่ง แต่ละแห่งก็จะมีความน่าสนใจแตกต่างกันไป วันนี้เราขอยกตัวอย่างจุดชมดอกไม้ดังๆ 2แห่ง ให้ได้เป็นตัวเลือกกัน
ชมลาเวนเดอร์ที่ฟาร์มโทมิตะ (ファーム富田) เมืองฟุราโนะ
ฟาร์มนี้ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของดอกลาเวนเดอร์ เป็นฟาร์มดอกลาเวนเดอร์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมดอกไม้คือเดือนกรกฎาคม แต่ไม่ใช่แค่ดอกลาเวนเดอร์เท่านั้น ที่ฟาร์มแห่งนี้คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับทุ่งดอกไม้ 4ฤดู (ช่วงฤดูหนาวจะจัดให้ชมใน Greenhouse)
นอกจากดอกไม้แล้วที่นี่ยังจำหน่ายผลิภัณฑ์จากดอกลาเวนเดอร์ด้วย เช่น สบู่ น้ำหอม ลาเวนเดอร์ออยล์ เป็นต้น ขอบอกว่าน้ำมันหอมระเหยที่นี่เคยได้รับรางวัลจากฝรั่งเศสด้วยนะ หลังจากเหนื่อยเดินชมดอกไม้ก็แวะพักทานอาหาร และเมนูขึ้นชื่ออย่างลาเวนเดอร์ซอฟท์ครีมได้
Farm Tomita
Kisen Kita 15-go, Nakafurano-cho, Sorachi-gun, Hokkaido 071-0704
Tel +81-167-39-3939
สถานีรถไฟ JR Nakafurano เดินต่ออีก 25นาที หรือต่อรถขบวนพิเศษ JR Furano-Biei Norokko มาลงที่สถานีรถไฟ JR Lavender-Batake ได้เลย แต่ขบวนรถและสถานีพิเศษนี้จะเปิดให้บริการเพียงแค่ช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายนเท่านั้น (สามารถตรวจสอบวันที่รถวิ่งได้จากเวปไซต์ของฟาร์ม)
เข้าชมได้ตลอด 24ชั่วโมง
ไม่คิดค่าบริการเข้าชม และค่าสถานที่จอดรถ
- www.farm-tomita.co.jp (อังกฤษ)
สนุกกับกิจกรรมมากมายและดอกไม้สวยๆ ที่ฟาร์มชิกิไซ โนะ โอกะ (四季彩の丘) เมืองบิเอ
ฟาร์มที่เรียกตัวเองว่าเป็น "Entertainment Garden" นอกจากคุณจะได้ชมดอกไม้สวยๆ แล้วที่นี่ยังมีน้องอัลปาก้าหน้าตาน่ารักรอให้ทุกคนไปเล่นด้วย พร้อมทั้งชิมช็อปผักผลไม้สดๆ กลับไปทานกันได้ ส่วนใครที่อยากพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ที่ฟาร์มนี้เขาก็มีห้องพักให้บริการอีกด้วย เรียกว่าครบครันทุกสิ่งจริงๆ
ช่วงเวลาที่เปิดให้เข้าชมนั้นแบ่งเป็น 2ช่วง คือช่วง Green Season ที่คุณจะได้ชมทุ่งดอกไม้หลากสีสันแบบพาโนราม่ากว้างสุดลูกหูลูกตา ใครไม่อยากเดินก็เช่ารถกอล์ฟขับรับลมชมวิวกันได้เก๋ๆ อีกช่วงคือ Winter Season ที่คุณจะได้สนุกกับกิจกรรมกลางหิมะ Snow Mobil Tour เอาให้มันกันจนลืมความหนาวไปเลย
Farm Shikisai-no-Oka
Shinsei 3 Biei-cho, Kamikawa-gun, Hokkaido 071-0473
Tel +81-166-95-2758
สถานีรถไฟ JR Bibaushi เดินต่ออีก 25นาที
หรือสถานีรถไฟ JR Biei นั่งแท๊กซี่ต่ออีก 12นาที
*หมายเหตุ ที่สถานี JR Bibaushi ไม่มีแท๊กซี่รอให้บริการ
ช่วงเวลาเปิดปิดตามฤดูกาล ตรวจสอบได้จากทางเวปไซต์
ค่าเข้าชม (เฉพาะชมสวน) 200เยน
(ค่าบริการอื่นๆ สามารถตรวจสอบได้จากทางเวปไซต์)
- www.shikisainooka.jp (อังกฤษ)
สรุป
หน้าร้อนคงจะเป็นฤดูท่องเที่ยวฮอกไกโดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนประเทศเมืองร้อนอย่างคนไทย ที่นี่อุดมไปด้วยอาหารดีๆ กิจกรรมต่างๆ และความงามจากแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีให้เดินทางไปชมกันได้แบบนับไม่ถ้วน ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมเยียนต่อปีนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฮอกไกโดได้ปรับตัวเองเป็นเมืองที่มีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกรูปแบบ หากพอมีเวลาว่าง ลองเคลียร์เวลาสัก7วัน บินไปซัปโปโร เช่ารถขับเที่ยวทั่วฮอกไกโดช่วงหน้าร้อน ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวนะ...คุณว่ามั๊ย?