ลองสัมผัสญี่ปุ่นแบบใหม่ๆ ที่ฟุคุชิมะและมิยางิ
วันที่สาม
มัตสึชิมะและอิชิโนะมากิ
ช่วงเช้าเราไปที่มัตสึชิมะ ที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในวิวที่งดงามที่สุดของญี่ปุ่น ส่วนอีกที่ก็คือเมืองอิชิโนะมากิ เมืองแห่งการ์ตูนที่มีสีสันตลอดเวลา และสามารถฟื้นตัวจากภัยพิบัติซึนามิได้อย่างน่าประทับใจครับ
มัตสึชิมะ
คนญี่ปุ่นว่ากันว่า มัตสึชิมะคือหนึ่งในสามสุดยอดวิวที่งดงามที่สุดของญี่ปุ่น และเป็นเป้าหมายเบอร์หนึ่งของนักเดินทางแทบทุกคนที่เดินทางมายังเซนไดครับ
โดยมัตสึชิมะเป็นกลุ่มของเกาะเล็กเกาะน้อยที่เต็มไปด้วยต้นสนญี่ปุ่นแบบในภาพครับ คำว่า มัตสึชิมะ นั้นเป็นชื่อที่มาจากคำภาษาญี่ปุ่นสองคำ นั่นคือมัตสึ ที่แปลว่าต้นสน (松) และชิมะ ที่แปลว่าเกาะ (島) เอามารวมกันเป็นคำว่ามัตสึชิมะ (松島) หรือเกาะแห่งต้นสนนั่นเองครับ
วิวจากด้านบนก็แบบนึง แต่หากลงมานั่งเรือเฟอรี่เองก็จะเห็นอีกแบบนึงครับ
หลายๆคนคงต้องเลือกว่า จะขึ้นเรือเฟอรี่มาดูเกาะต่างๆทีละเกาะอย่างใกล้ชิด หรือขึ้นจุดชมวิวเพื่อมองลงมาเห็นทีเดียวเป็นร้อยๆเกาะ ก็แล้วแต่ความชอบครับ และแน่นอนว่าจะเลือกทำทั้งสองอย่างเลยก็ได้
กรณีขึ้นเรือจากเมืองมัตสึชิมะ นี่คือต้นทางของคุณครับ เป็นวัดเล็กๆกลางน้ำที่มีชื่อว่า โกะไดโด五大堂 อยู่ใกล้ๆกับท่าเรือที่ขึ้นเฟอรี่ชมวิวของมัตสึชิมะเลย ระหว่างรอรอบของเรือเฟอรี่ก็เดินมาชมที่นี่ก่อนได้ครับ
ชมงานศิลปะและภาพวาดฝาผนังแบบยิ่งใหญ่สุดๆ ที่วัดซุยกังจิ
ใกล้ๆกับท่าเรือเฟอรี่ หลังจากนั่งเรือชมเกาะเสร็จแล้วเราแนะนำให้มาต่อกันที่วัดซุยกังจิครับ
นี่เป็นหนึ่งในวัดที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวและซึนามิเมื่อปี2011 แม้ตัววัดจะไม่เป็นอะไร แต่ต้นสนในบริเวณทางเข้าวัดนั้นไม่ทนต่อความเค็มของน้ำทะเล ทำให้ล้มตายกันไปเยอะครับ
นี่คือทางเดินเข้าวัด ความจริงแล้วสองข้างทางต้องรายล้อมด้วยต้นไม้สูงๆ อย่างในฉากหลัง แต่หลังจากโดนน้ำทะเลไป บางต้นก็ล้ม บางต้นก็ต้องโค่นทิ้งเพื่อความปลอดภัยจนออกมาโล่งๆอย่างที่เห็นครับ
บริเวณทีี่แขวนเอมะหรือป้ายขอพรที่มักเห็นได้ในวัดญี่ปุ่น
วัดซุยกังจินับเป็นสมบัติแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่น ภายในวัดนั้นมีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจมากๆ ให้ชมกันแบบนี้ครับ
ภายในวัดมีรูปวาดฝาผนังและงานแกะสลักดีๆแบบนี้มากมายครับ
จริงๆแล้ว ภายในวัดนั้นห้ามถ่ายรูปครับ อันนี้เราทำการขออนุญาติกันมาแล้วแต่หากใครไปเยือน ขอให้ดื่มด่ำกับบรรยากาศให้เต็มที่ ใช้ใจเป็นกล้องถ่ายรูปกันนะครับ
อีกหนึ่งภาพวาดบนบานประตูจากในตัววัด หากชอบอะไรแบบนี้ขอให้ลองแวะมาชมด้วยตาตัวเองนะครับ ภาพที่ผมถ่ายมาให้นี่เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นครับ
ภายในบริเวณวัดซุยกังจิ นอกจากจะมีสิ่งก่อสร้าง งานศิลปะ รูปปั้น และภาพวาดฝาผนังที่สวยงามแล้ว บรรยากาศรวมๆก็ยังเงียบสงบและร่มรื่นจนนั่งสมาธิได้ สมกับที่เป็นสมบัติแห่งชาติของญี่ปุ่นครับ หากเป็นคนที่ชอบดูวัดวาอารามอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็อยากให้ลองมาชมที่นี่กันดูนะครับ
เสร็จแล้ววันนี้ เรายังจะไปต่อกันอีกหนึ่งที่ครับ
เมืองอิชิโนะมากิ
เมืองอิชิโนะมากิ เป็นเมืองคึกคักในจังหวัดมิยางิ ที่ใหญ่และมีประชากรมากเป็นอันดับสองรองจากเซนไดครับ จุดเด่นที่สุดของเมืองนี้ก็คงหนีไม่พ้นรูปปั้นของตัวละครจากการ์ตูนเรื่อง Cyborg009 และการ์ตูนอื่นๆ ที่กระจายอยู่ทั่วเมืองครับ
อีกหนึ่งรูปปั้นของตัวละครจากการ์ตูน Cyborg009 ที่พบได้ภายในเมือง
ในวันที่ผมเดินทางไปเมืองอิชิโนะมากิ เป็นวันทานาบาตะพอดีครับ โดนในเมืองก็จะมีการประดับประดาด้วยสิ่งประดับของเทศกาลทานาบาตะอย่างที่เห็นครับ แน่นอนว่านี่เป็นหนึ่งในเทศกาลใหญ่ของญี่ปุ่นครับ
ทานาบาตะ เป็นเทศกาลที่คนญี่ปุ่นเฉลิมฉลองกันทั้งประเทศ ไม่ได้เป็นของเมืองใดเมืองหนึ่งเป็นพิเศษ แต่มีแค่บางเมืองเท่านั้นที่ทำการตกแต่งภายในเมืองแบบนี้ครับ โดยเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการตกแต่งภายในเมืองช่วงทานาบาตะ ก็อย่างเช่นอิชิโนะมากิแห่งนี้ และอีกเมืองก็คือเซนไดที่อยู่ใกล้ๆ ในจังหวัดมิยางิด้วยกันครับ
บรรยากาศซุ้มขายของในงานทานาบาตะ อันนี้เป็นของเล่นชิ้นเล็กๆในน้ำ ให้เด็กช้อนใส่ขวดครับ ช้อนได้เท่าไหร่ก็เอากลับบ้านไป
การละเล่นยอดนิยมของญี่ปุ่นทุกที่ๆมีเทศกาลอีกอย่างนึงก็คือ การช้อนปลาทองแบบนี้ครับ อันนี้คิดเงินตามจำนวนที่ช้อนกระดาษที่ใช้ไป ในภาพที่ช้อนขาดหมดแล้วยังไม่ได้ซักตัว แต่สำหรับคนที่เก่ง ที่ช้อนอันเดียวได้เป็นสิบๆตัวก็มี ใครมีฝีมือก็เอากลับบ้านไปเลี้ยงกันครับ
แผงขายน้ำขายขนมก็มีแน่นอนครับ
โชคดีมากๆที่ได้มาในวันนี้ จากเมืองใหญ่ที่คึกคักอยู่แล้ว กลายเป็นเมืองที่มีสีสันยิ่งกว่าเดิมด้วยสิ่งประดับภายในเมืองและชาวเมืองที่ออกมาใส่ยูกาตะเดินตามท้องถนนกันอย่างสนุกสนาน แล้วก็ยังมีเหล่านักแสดงที่มาร่วมขบวนพาเหรดแบบในภาพอีกด้วย
อีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ของวันนี้ที่ผมไม่คิดว่าจะเจอก็คือ การบินโชว์ผาดโผนของกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นครับ ซึ่งไม่คิดเลยว่าจะเจอ และนี่ใช่อะไรที่มีทุกวันแน่นอน
เครื่องบินที่บินวาดลวดลายบนท้องฟ้า บินผ่านมาทีไรพวกเด็กๆที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็จะส่งเสียงเฮฮากันใหญ่ครับ แล้วบินวนไปมาหลายรอบมากๆ
พิพิธภัณท์การ์ตูน Ishinomori Manga Museum
เป้าหมายหลักเบอร์หนึ่งที่แท้จริงของเมืองนี้ ที่คนเยอะทุกฤดูกาลไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเทศกาล ก็คือที่นี่ครับ Ishinomori Manga Museum ซึ่งเป็นตึกที่มีหน้าตาโดนเด่นอย่างที่เห็นครับ ผู้ที่สนใจการ์ตูนก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะไปเยือนแน่นอน
สรุปสั้นๆแล้ว อิชิโนะมากิโดยรวมๆแล้วเป็นเมืองที่มีสีสันน่าเดินอย่างที่เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าเทศกาลอย่างหน้าร้อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของปีในการมาเยือนภูมิภาคโทโฮคุครับ ตั้งแต่จังหวัดมิยางิ เมืองเซนไดที่อยู่ใกล้เคียง แล้วก็อิชิโนะมากิแห่งนี้ด้วยครับ
ไม่ว่าใครๆ เพศไหน วัยอะไร ก็สามารถมาสนุกกันที่เมืองนี้ได้ แต่คนที่พลาดไม่ได้สุดๆก็คือคนที่เป็นแฟนการ์ตูนอย่าง Cyborg009 และซุเปอร์เซ็นไต ดังๆของญี่ปุ่นอย่างคาเมนไรเดอร์ เพราะเมืองนี้เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณท์ที่ระลึกของ อิชิโนะโมริ โชทาโร่ นักเขียนการ์ตูนและโปรดิวเซอร์ผู้ให้กำเนิดคาเมนไรเดอร์ หรือไอ้มดแดงที่คนไทยเรารู้จักกัน และการ์ตูนอื่นๆอีกมากมายครับ
สำหรับผู้ที่กังวลในเรื่องของความปลอดภัยนั้น ก็อย่างที่เห็น เวลาผ่านมาหลายปีพอสมควร เมืองก็ฟื้นตัวกลับมาอยู่ในภาวะปกติแล้ว ไม่มีอะไรให้กังวลครับ มีหลายๆเรื่องที่ไม่ได้มีภาพอยู่ในบทความนี้อย่างเช่น การก่อสร้างกำแพงกั้นคลื่นซึนามิ และการเตรียมความพร้อมของระบบเตือนภัยซึนามิ มีสิ่งต่างๆมากมาย ที่จะช่วยรับรองความปลอดภัยของประชากรและนักท่องเที่ยวทุกคนในพื้นที่เหล่านี้ครับ
ชาวเมืองเองก็ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลืออะไร นอกจากให้คุณลองลบอคติเกี่ยวกับภัยพิบัติที่คุณอาจมีต่อเมืองริมฝั่งทะเลที่โดนซึนามิ แล้วลองมาเยี่ยมชมเองซักครั้ง นี่จะเป็นการช่วยเหลือที่ดีกว่าเงินบริจาคใดๆครับ
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับชายฝั่งแปซิฟิคของโทโฮคุได้ที่นี่
http://tohoku-pacific-coast.com/th/