หากพูดถึงหอยนางรมเราคงต้องนึกถึงจังหวัดที่อยู่ทางใต้ของญี่ปุ่นมากกว่าที่จะเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือแต่ที่จังหวัดมิยากินั้นก็มีหอยนางรมให้ได้รับประทานเช่นกันและจะมีมากสุดในช่วงเดือนตุลาคม หากหวังที่จะได้ลองรับประทานหอยนางรมตัวโตๆเต็มปากเต็มคำแล้วล่ะก็เตรียมแผนท่องเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จังหวัดนี้ได้เลยรับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน หรือหากแวะไปในช่วงฤดูหนาวก็รอกินหม้อไฟหอยนางรมก็อร่อยไปอีกแบบ

หากมาถึงเมืองเซนไดแล้วไม่ได้กินลิ้นวัว ก็เหมือนกับมาไม่ถึง ลิ้นวัวเป็นเนื้อส่วนที่มีความยืดหยุ่น และชุ่มฉ่ำมากกว่าส่วนอื่นๆ พอนำมาย่างแล้วทำให้เคี้ยวเพลินสุดๆ ตามร้านอาหารทั่วไปจะเซ็ทข้าว ซุป เสิร์ฟพร้อมลิ้นวัว โดยมากจะมีรสให้เลือกทั้งหมด 3 รส ด้วยกันคือ รสเกลือ รสมิโสะ และรสทาเระ หากได้เจอร้านที่รู้จักการย่างเป็นอย่างดีเข้าล่ะก็แทบจะละลายในปากเลยทีเดียวสำหรับอาหารชนิดนี้ เป็นอีกหนึ่งเมนูไม่ควรพลาดจริงๆ

จัดได้ว่าเป็นของขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งเลยในจังหวัดมิยากิ นั่นก็คือเนื้อวัวเซนไดเป็นวัวที่มีสีขนดำขลับถูกเลี้ยงในเมืองเซนไดด้วยข้าวและธัญพืชอย่างดีรวมถึงการดูแลที่เอาใจใส่อย่างสะอาดและผ่อนคลายทำให้เนื้อวัวของเซนไดนั้นได้รับการรับรองมาตรฐานว่าเป็นวัวที่ได้คุณภาพเป็นอย่างมากทั้งรสชาติที่หอมหวานและความสดใหม่ของเนื้อ

หากเห็นสีของขนมชนิดนี้อย่าพึ่งตกใจกลัวว่าเป็นวาซาบิเพราะมันไม่มีรสเผ็ดแสบขึ้นจมูกแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเลยเพราะมันมีทั้งรสชาติที่หวานและนุ่มละมุนเป็นเอกลักษณ์ซึ่งสีเขียวที่ปรากฏคือ เอดะมาเมะ หรือถั่วแระญี่ปุ่นนั่นเอง
ที่จังหวัดมิยากิจะนำถั่วชนิดนี้มาประกอบของหวานหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นโมจิเอดะมาเมะ เค้กโรลเอดะมาเมะ ชีสเค้กเอดะมาเมะ น้ำเอดะมาเมะปั่น ไม่ว่าจะเป็นเมนูไหนก็น่าทานไปเสียหมด

ซาซาคามาโบโกะเป็นอาหารท้องถิ่นของจังหวัดมิยากิที่ไม่ว่าจะเดินไปไหนก็ต้องพบเห็นรวมถึงได้กลิ่นหอมๆของมันจนอดไม่ได้ที่จะต้องขอลองชิมและแน่นอนว่าเมื่อได้ลิ้มรสแล้วไม่อาจจะหยุดรับประทานได้เพราะมันเป็นเค้กปลาที่รูปร่างคล้ายใบไผ่ เมื่อถูกย่างจนสุกออกเกรียมสีน้ำตาลด้านนอกก็จะกรุบกรอบเป็นอย่างมากแต่ในเวลาเดียวกันด้านในก็จะรู้สึกได้ถึงความนุ่มราวกับกำลังกินโมจิร้อนๆอยู่เลยล่ะ