allabout japan
allabout japan

สุดยอดปราสาทที่น่าไปเยือนในญี่ปุ่น

สุดยอดปราสาทที่น่าไปเยือนในญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นมีปราสาทหลายแห่งทั่วทุกภูมิภาคซึ่งแต่ละแห่งก็มีประวัติความเป็นมาและสถาปัตยกรรมที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดดเด่น ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางสถาปัตยกรรมยอดนิยมหลายแห่งรวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวรอบๆ ปราสาทที่น่าสนใจด้วย อย่างเช่นที่จะแนะนำทั้งหมด 5 แห่ง ต่อไปนี้

By Japan Travel Editor
1. ปราสาทฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโกะ (Himeji Castle, Hyogo)

https://pixta.jp/

1. ปราสาทฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโกะ (Himeji Castle, Hyogo)

ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ในจังหวัดเฮียวโกะ (Hyogo) ตัวปราสาทหลักที่สำคัญที่สุดสร้างขึ้นในช่วงการก่อสร้างรอบใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1609 แต่หากนับตั้งแต่การก่อตั้งเป็นป้อมปราการ ปราสาทฮิเมจิอาจมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึงปี ค.ศ. 1333 ในชื่อว่าป้อมปราการฮิเมยามะ (Himeyama Fort)

ฮิเมจิคือ 1 ในปราสาทที่มีสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมอย่างงดงามและทรงคุณค่า (ตัวปราสาทหลักส่วนใหญ่ก็ยังมีโครงสร้างจากปี ค.ศ. 1609 ที่อนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี) และยังเป็นปราสาทแห่งแรกในญี่ปุ่นที่ได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์กรยูเนสโก้รวมถึงการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติประจำชาติด้วย

ปราสาทฮิเมจิมีตัวจุดเด่นคือสีขาวที่ดูสง่างามสูง 6 ชั้น ตั้งตระหง่านมองดูคล้ายนกกระยางสยายปีกจึงมีสมญานามว่า ประสาทนกระยางขาว หรือ ฮาคุโระโจ (Hakurojo) และตามประวัติศาสตร์ก็ได้ชื่อว่าเป็นปราสาทที่รอดพ้นการโจมตีของข้าศึกและภัยธรรมชาติอย่างแข็งแกร่งมาตลอดทำให้ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ปราสาทที่ไม่เคยถูกโจมตี”

นอกจากนี้ยังมีความน่าสนใจอีกอย่างคือ ทางเดินเข้าสู่พื้นที่ปราสาทที่มีความซึ่งสลับซับซ้อนจากการก่อสร้างในอดีตเพื่อป้องกันศัตรูไม่ให้บุกรุกเข้าถึงได้ง่าย ทั้งประตูและกำแพงต่างๆ ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีลักษณะคล้ายวงก้นหอยรอบๆอาคารหลักและทางตันที่เป็นกับดักอีกหลายจุด

เวลาทำการ : 09.00 – 17.00 น. (ปลายเดือนเมษายน - สิงหาคม เปิด 09.00 -18.00 น. )
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (18 ปี ขึ้นไป) 1,000 เยน, เด็กประถมศึกษา-มัธยมปลาย 300 เยน

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR Sanyo Main Line ไปลงที่สถานีฮิเมจิ (Himeji Station) และเดินไปอีกประมาณ 15 นาที หรือนั่งรถบัส Himeji Castle Loop Bus

(หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาทำการในช่วงเวลาปกติ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)

2. ปราสาทนาโกย่า จังหวัดไอจิ (Nagoya Castle, Aichi)

https://pixta.jp/

2. ปราสาทนาโกย่า จังหวัดไอจิ (Nagoya Castle, Aichi)

ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle) ในจังหวัดไอจิ (Aichi) สร้างขึ้นราวๆ ปี ค.ศ. 1525 โดยตระกูลโชกุน โทคุงาวะ อิเอยาสุ (Tokugawa Ieyasu) จุดประสงค์เพื่อเป็นป้อมปราการป้องกันศัตรูบุกรุกเข้ามา แต่ปราสาทแห่งนี้ก็ถูกโจมตีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดความเสียหายอย่างหนักแต่ได้มีการบูรณะซ่อมแซมในปี ค.ศ. 1959 จึงกลับมาสง่างามอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง

เอกลักษณ์สำคัญของปราสาทนาโกย่าก็คือ วิวทิวทัศน์โดยรอบแบบเมืองใหญ่ที่ปราสาทอื่นไม่ค่อยมีให้เห็น เพราะตั้งอยู่กลางนาโกย่า หนึ่งในเมืองใหญ่ติดอันดับของญี่ปุ่น

และชาจิโฮโกะ (Shachihoko) ลักษณะเป็นรูปสลักปลาหัวเสือทองคำมีหางและครีบชี้ขึ้นฟ้า ส่วนหลังมีหนามแหลมตั้งอยู่บนยอดปราสาท ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเครื่องรางป้องกันอัคคีภัย

ชาจิโฮโกะ ที่อยู่บนยอดของปราสาทนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของปราสาทแล้ว ก็ยังเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองนาโกย่าด้วย โดยสามารถพบเห็นในรูปแบบสินค้าหรือของฝาก ของที่ระลึกที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชาจิโฮโกะวางจำหน่ายให้พบเห็นและเลือกซื้อได้ตามร้านของฝากทั่วเมืองนาโกย่า

สำหรับด้านในปราสาทก็มีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงนิทรรศการเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของปราสาท อีกทั้งชั้นบนสุดของปราสาทก็เป็นจุดชมวิวมุมสูงของเมืองนาโกย่าและด้านนอกก็มีสวนรอบปราสาทซึ่งแบ่งเป็น 2 ชั้น คือคูเมืองและกำแพงป้อมปราการที่โดดเด่นด้วยการใช้ก้อนหินขนาดใหญ่สร้างซ้อนกันเป็นชั้นสวยงาม

เวลาทำการ : 09.00-16.30 น.
ค่าเข้าชม : เด็กมัธยมปลายและผู้ใหญ่ 500, เด็กมัธยมต้นลงมาเข้าชมฟรี

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟใต้ดิน Nagoya Municipal Subway สาย Meijo Line ลงที่สถานีชิยะคุโช (Shiyakusho Station) และเดินอีก 3 นาที

(หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาทำการในช่วงเวลาปกติ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)

3. ปราสาทฮิโรซากิ จังหวัดอาโอโมริ (Hirosaki Castle, Aomori)

https://pixta.jp/

3. ปราสาทฮิโรซากิ จังหวัดอาโอโมริ (Hirosaki Castle, Aomori)

ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle) เป็นปราสาทเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ ตั้งอยู่ในสวนฮิโรซากิ (Hirosaki Park) จังหวัดอาโอโมริ (Aomori) 1 ใน 12 ปราสาทที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมและยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ให้คงอยู่ในสภาพเดิมอย่างสมบูรณ์ที่สุด

จุดเด่นคือสะพานสีแดงบนคูน้ำที่ล้อมรอบตัวปราสาทรวมทั้งพื้นที่สวนรอบปราสาทและสวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ติดกัน ภายในเต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้กว่า 1,500 สายพันธุ์ ราวๆ กว่า 2 แสนต้น จึงทำให้มีทัศนียภาพสวยงามแตกต่างกันไปทั้ง 4 ฤดูกาล เช่น ฤดูใบไม้ผลิช่วงเดือนเมษายนของทุกปี ที่ปราสาทแห่งนี้ก็จะเป็นจุดชมซากุระที่สวยที่สุดอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น ด้วยจำนวนต้นซากุระกว่า 2,500 ต้น และมีการจัดงานเทศกาลชมดอกซากุระ (Hirosaki Cherry Blossom Festival) ตลอดทั้งวันรวมทั้งตอนกลางคืนก็มีงานประดับไฟชมดอกซากุระยามค่ำคืนด้วย

นอกจากนี้บริเวณทางทิศเหนือของปราสาทก็เป็นที่ตั้งของเขตหมู่บ้านซามูไร (Hirosaki Former Samurai District) ซึ่งได้รับการอนุรักษ์ไว้มาจนถึงปัจจุบันเพื่อให้นักท่องเที่ยวที่สนใจได้เข้าไปเที่ยวชมวิถีชีวิตของซามูไรในสมัยก่อน

เวลาทำการ : 09.00-17.00 (ช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือช่วงที่จัดงานเทศกาลจะมีการขยายเวลาทำการยาวขึ้น)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 310 เยน, เด็ก 100 เยน

การเดินทาง : จากสถานีฮิโรซากิ (Hirosaki Station) ขึ้นรถประจำทาง Konan Bus ไปลงที่ป้าย Hirosaki Shiyakusho-mae Koen Iriguchi ใช้เวลา 15 นาที และเดินอีก 5 นาที

(หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาทำการในช่วงเวลาปกติ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)

4. ปราสาทมัตสึโมโตะ จังหวัดนากาโนะ (Matsumoto Castle, Nagano)

https://pixta.jp/

4. ปราสาทมัตสึโมโตะ จังหวัดนากาโนะ (Matsumoto Castle, Nagano)

ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) ในจังหวัดนากาโนะ (Nagano) หนึ่งในปราสาทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติของชาติ สร้างขึ้นราวๆ 400 ปีก่อน และยังคงสภาพสมบูรณ์แบบที่สุดอีกแห่งหนึ่ง จุดเด่นสำคัญคือวิวเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น (Japan Alps) ที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนและเป็นหนึ่งในปราสาทไม่กี่แห่งที่สามารถถ่ายภาพคู่กับเทือกเขาเบื้องหลังได้อย่างสวยงาม

สถาปัตยกรรมตัวปราสาทที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยวิธีการสร้างด้วยไม้ทั้งหมดโดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียวและได้รับสมญานามว่า ปราสาทอีกา (Crow Castle) จากภาพลักษณ์ของผนังปราสาทมีสีดำและปีกทุกด้านของปราสาทแผ่กางออกเหมือนปีกนก อีกทั้งยังมีทำเลที่ตั้งที่แตกต่างจากปราสาทหลายแห่งในญี่ปุ่นเนื่องสร้างขึ้นบนพื้นที่ราบไม่ใช่บนเนินเขา เมื่อนักท่องเที่ยวมาเยือนปราสาทแห่งนี้จะได้พบกับหน่วยต้อนรับที่สวมชุดซามูไร ชุดนินจา ชุดเจ้าหญิงมาปรากฏตัวเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกๆ วัน และสามารถถ่ายภาพเป็นที่ระลึกได้ด้วย

สำหรับด้านในตัวปราสาทมีการจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ทางประวัติศาสตร์ เช่น ชุดเกราะซามูไร ปืนกับอาวุธที่เคยใช้สู้รบในสมัยก่อน และด้านบนสุดของปราสาทมีหน้าต่างที่สามารถชมวิวเมืองมัตสึโมโตะและมองเห็นไปถึงเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น (Japan Alps) ที่งดงามทุกฤดูกาลโดยเฉพาะฤดูหนาวที่มีหิมะสีขาวปกคลุม นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลประจำปีสำคัญๆ มากมาย เช่น เทศกาลชินชูโซบะ (Shinshu Soba Festival) เนื่องจากเมืองนี้เป็นแหล่งปลูกโซบะขึ้นชื่อซึ่งในงานก็จะมีร้านโซบะชื่อดังและร้านอาหารท้องถิ่นมารวมตัวตั้งแผงขายให้ได้เลือกชิมเลือกซื้อกัน

เวลาทำการ : 08.30-17.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 610 เยน, เด็ก 300 เยน

การเดินทาง : เดินประมาณ 15 นาที จากสถานีมัตสึโมโตะ (Matsumoto Station) สาย JR Chuo Main Line

(หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาทำการในช่วงเวลาปกติ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)

5. ปราสาทมัตสึเอะ จังหวัดชิมาเนะ (Matsue Castle, Shimane)

https://pixta.jp/

5. ปราสาทมัตสึเอะ จังหวัดชิมาเนะ (Matsue Castle, Shimane)

ปราสาทมัตสึเอะ (Matsue Castle) ในจังหวัดชิมาเนะ (Shimane) ก็เป็นอีกหนึ่งปราสาทอันสวยงาม ที่ถูกเลือกให้เป็นสมบัติสำคัญทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น แม้จะอยู่ในเมืองที่เดินทางไปได้ค่อนข้างยาก แต่ก็มีผู้มาเยือนไม่น้อย

ลักษณะเป็นปราสาท 6 ชั้น ที่มีสีโทนดำจึงทำให้ได้รับสมญานามว่า “ปราสาทดำ” โดดเด่นด้วยรูปทรงหลังคาที่สวยงามคล้ายนกกำลังสยายปีกบินและมีส่วนของหอคอยยอดปราสาทอันเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมปราสาทญี่ปุ่นดั้งเดิม และจากชั้นบนสุดของปราสาทสามารถมองเห็นวิวโดยรอบได้แบบ 360 องศา กับทิวทัศน์รอบปราสาทที่งดงามแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล เช่น ฤดูใบไม้ผลิที่จะได้พบกับเทศกาลชมดอกซากุระ ในฤดูร้อนก็จะได้พบกับสีเขียวชอุ่ม

และกิจกรรมสำคัญอีกอย่างหนึ่งเมื่อมาเยือนที่ปราสาทแห่งนี้ก็คือการล่องเรือนำเที่ยวขนาดเล็กที่ล่องไปตามคูน้ำรอบปราสาทมัตสึเอะ เพื่อชมความงามของตัวปราสาทและบ้านเมืองแบบย้อนยุคที่ยังคงอนุรักษ์ไว้โดยใช้เวลาประมาณ 50 นาที

นอกจากนี้ทางทิศเหนือของปราสาทเป็นที่ตั้งบ้านพักของแล็ฟคาดิโอ เฮิร์น (Lafcadio Hearn’s Residence) นักเขียนชาวตะวันตกชื่อดังที่เคยมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองมัตสึเอะช่วงระยะเวลาหนึ่งซึ่งบ้านพักแห่งนี้ก็เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมบรรยากาศด้วยในด้วยรวมทั้งยังมีหมู่บ้านซามูไรตั้งแต่สมัยอดีตที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้ๆ กัน

เวลาทำการ : 08.30-18.30 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 560 เยน, เด็ก 280 เยน

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย San'in Main Line ไปลงสถานีมัตสึเอะ (Matsue Station) จากนั้นเดิน 30 นาที หรือโดยสารรถแท็กซี่ประมาณ 10 นาที

(หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาทำการในช่วงเวลาปกติ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)

ผู้เขียน: หนึ่ง
นักอ่านและนักเขียนที่ชอบการเดินทางไปในที่ต่างๆ โดยเฉพาะญี่ปุ่น รักการดูอนิเมะญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ :)

Japan Travel Editor

เรารวบรวมไอเดียเที่ยวญี่ปุ่นอันหลากหลายมาให้คุณ ตั้งแต่ถนนใหญ่สายช้อปปิ้งในเมืองโตเกียว วัดและศาลเจ้าโบราณสุดขลัง แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติทั้งดอกซากุระสีชมพู ใบไม้แดง วิวหิมะขาวๆ ทีมงานของเราจะนำข้อมูลดีๆมาให้คุณ