All About Japan

แนะนำ 10 สุดยอดกิจกรรมห้ามพลาดเมื่อไปโตเกียว

ครั้งแรกในญี่ปุ่น Tokyo Shinjuku Shibuya Ueno Asakusa Kanto
แนะนำ 10 สุดยอดกิจกรรมห้ามพลาดเมื่อไปโตเกียว

จากสถานการณ์ในปัจจุบันคงทำให้หลายคนคิดถึงประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะโตเกียวซึ่งเป็นเมืองที่มีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำมากมาย วันนี้เราได้รวบรวม 10 กิจกรรมในโตเกียวมาฝากทั้งสำหรับนักท่องเที่ยวหน้าเก่าและหน้าใหม่มาเพื่อใส่ไว้ในแผนการท่องเที่ยวในอนาคต และร่วมนับถอยหลังการได้กลับไปเยือนโตเกียวให้หายคิดถึงไปพร้อมๆ กัน

1. ขึ้นรถไฟสายยามาโนเตะชมวิวโตเกียว (Yamanote Line) และแวะชมสถานีใหม่ Takanawa Gateway

1. ขึ้นรถไฟสายยามาโนเตะชมวิวโตเกียว (Yamanote Line) และแวะชมสถานีใหม่ Takanawa Gateway

https://pixta.jp/

การขึ้นรถไฟ เป็นหนึ่งในกิจกรรมสุดโปรดของคนไทยที่มาเที่ยวญี่ปุ่น และรถไฟสายยามาโนเตะถือเป็นวิธีการเดินทางอันดับแรกๆ ที่หลายคนรู้จักและต้องทำความคุ้นเคย เพราะเป็นรถไฟสายหลักของโตเกียวที่วิ่งวนเป็นวงกลม แถมยังวิ่งผ่านย่านดังๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นอูเอโนะ อากิฮาบาระ ชิบูย่า ฮาราจูกุ หรือชินจูกุ ไกด์บุ๊คหรือรีวิวท่องเที่ยวต่างๆ ก็มักจะแนะนำให้เลือกพักโรงแรมที่อยู่ติดกับสถานีใดสถานีหนึ่งของสายรถไฟนี้ เพราะจะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆ ในโตเกียสะดวกขึ้นอีกมาก

ใครที่เพิ่งเคยมาโตเกียวครั้งแรกและยังไม่คุ้นเคยกับการเดินทางด้วยรถไฟหลายสิบสายภายในเมืองทั้งบนดินและใต้ดิน การขึ้นรถไฟสายยามาโนเตะก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการทำความคุ้นเคยที่ดี ส่วนใครที่เคยมาโตเกียวแล้ว เชื่อว่าหลายคนก็คงคิดถึงบรรยากาศในการขึ้นรถไฟที่ญี่ปุ่น เสียงประกาศชื่อสถานี และวิวสวยๆ นอกหน้าต่าง แค่ได้กลับไปขึ้นรถไฟสายนี้ และค่อยๆ มองเห็นโตเกียวทาเวอร์หรือโตเกียสกายทรีโผล่มาทักทาย ก็อาจทำให้หลายๆ คนรู้สึกหายคิดถึงโตเกียวได้แล้ว แต่ก็อย่าลืมว่ารถไฟสายยามาโนเตะนี้เป็นสายรถไฟที่มีคนขึ้นเยอะเป็นอันดับต้นๆ ในโตเกียว ถ้าอยากนั่งชิมวิวสบายๆ ก็อาจต้องเลี่ยงช่วงเวลาเร่งด่วนทั้งตอนเช้าและตอนเย็นกันหน่อย

ที่สำคัญคือตอนนี้มีปรากฏการณ์ที่หาดูได้ยากเพิ่งเกิดขึ้น นั่นก็คือ มีสถานีแห่งใหม่เกิดขึ้นในระหว่างเส้นทางของสายยามาโนเตะ ชื่อว่าสถานี Takanawa Gateway เป็นสถานีที่เปิดขึ้นมาในปี 2020 นี้เอง เพื่อรองรับโอลิมปิก ใครที่อยากเห็นสถานีใหม่สวยๆ ต้องไม่พลาด

2. ขอพรและถ่ายรูปกับโคมแดงยักษ์วัดเซนโซจิ ที่อาซากุสะ (Asakusa)

2. ขอพรและถ่ายรูปกับโคมแดงยักษ์วัดเซนโซจิ ที่อาซากุสะ (Asakusa)

https://pixta.jp/

แลนด์มาร์กอันดับหนึ่งของโตเกียวที่ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องแวะมาเยือน และถือเป็นจุดท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัย เพราะมีกิจกรรมให้ทำมากมายตั้งแต่ขอพรจากเจ้าแม่กวนอิมอันศักดิ์สิทธิ์ภายในสวนเจ้า เลือกของฝากและชิมของอร่อยๆ บริเวณถนนนากามิเซะภายในตัววัด และที่พลาดไม่ได้ก็คือการถ่ายรูปที่ระลึกคู่กับโคมแดงขนาดยักษ์บริเวณประตูวัด นอกจากนี้บริเวณรอบตัววัดที่เรียกว่าย่านอาซากุสะยังถือเป็นย่านที่มีกลิ่นอายของความย้อนยุคอยู่พอสมควร บ้านเรือนและอาคารหลายแห่งยังเป็นแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้อย่างดี มีรถลากให้เช่าสำหรับใครที่อยากชมบรรยากาศของเมืองแบบสบายๆ หรือหากเดินจากตัววัดไปเพียงนิดเดียวก็จะได้พบกับแม่น้ำสุมิดะและสวนสาธารณะริมแม่น้ำที่มีบรรยากาศสบายๆ และมองเห็นโตเกียวสกายทรีตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกล

เวลาเปิดปิด: 06.00 – 17.00 น., 06.00 – 16.30 น. (เดือนตุลาคม - มีนาคม)
การเดินทาง: สถานี Asakusa สาย Tokyo Metro Ginza Line หรือ Toei Asakusa Line

(หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาทำการในช่วงเวลาปกติ)

3. เที่ยวตลาดปลาโทโยซุและทานซูชิ

3. เที่ยวตลาดปลาโทโยซุและทานซูชิ

https://pixta.jp/

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับชื่อตลาดปลาซึคิจิ แต่ในปัจจุบันตลาดปลาซึคิจินั้นได้ย้ายจากที่ตั้งเก่ามาอยู่ในอาคารแห่งใหม่ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากที่เดิมประมาณ 3 กิโลเมตร พร้อมกับชื่อใหม่คือตลาดปลาโทโยซุ และยังคงทำหน้าที่เป็นแหล่งรวมวัตถุดิบสดใหม่จากท้องทะเลที่นำมาจำหน่ายในทุกๆ เช้าของแต่ละวัน

พื้นที่ของตลาดโทโยซุจะแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือโซนตลาด ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับขายวัตถุดิบที่หามาได้จากทะเล ไม่ว่าจะเป็นปลา ปู หอย กุ้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการขายให้กับร้านอาหารหรือนักท่องเที่ยวที่มีห้องครัวในที่พักมากกว่า เพราะเป็นวัตถุดิบที่ต้องซื้อกลับไปปรุงอาหารต่อเหมือนกับการเดินตลาดทั่วไป นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงมักจะเข้ามาเพื่อเดินชมบรรยากาศการซื้อขาย และออกไปสัมผัสกับไฮไลท์ที่โซนร้านอาหารซึ่งมีร้านหลายสิบร้านที่นำวัตถุดิบสดๆ จากตลาดปลามาปรุงให้กินกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาหารประเภทซูชิ ซาชิมิ และข้าวหน้าทะเลที่รวมวัตถุดิบต่างๆ มาให้กินได้อย่างจุใจ ส่วนใครที่เคยมาเดินตลาดปลาซึกิจิเดิมและมีร้านอาหารโปรดอยู่ ปัจจุบันร้านอาหารส่วนใหญ่ที่เปิดทำการอยู่นอกตัวตลาดก็ยังคงตั้งอยู่ที่เดิม ไม่ได้ย้ายมาพร้อมกับตัวตลาดแห่งใหม่ แต่ทั้งนี้ก็ควรตรวจสอบข้อมูลเฉพาะของแต่ละร้านอีกครั้ง

เวลาเปิดปิด: 08.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม: ฟรี
การเดินทาง: สถานี Shijo-Mae ของรถไฟลอยฟ้าสาย Yurikamome

(หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาทำการในช่วงเวลาปกติ)

4. เที่ยวสวนสนุกอันหลากหลายของโตเกียว เช่นดิสนีย์แลนด์ ซานริโอ

4. เที่ยวสวนสนุกอันหลากหลายของโตเกียว เช่นดิสนีย์แลนด์ ซานริโอ

https://pixta.jp/

โตเกียวนั้นเป็นเมืองแห่งความบันเทิง ที่เป็นที่ตั้งของสวนสนุกมากมายสำหรับทุกคน และมีสวนสนุกสวยๆ ให้เลือกหลายที่

สำหรับคนที่ชอบคาแรกเตอร์ของซานริโอ อย่างเช่นแมวเหมี่ยวคิตตี้ ต้องไม่พลาดสวนสนุกของทางซานริโอเอง นั่นก็คือสวนสนุกซานริโอ พูโรแลนด์ (Sanrio Puroland) ที่เป็นสวนสนุกใหญ่ทางตะวันตกของโตเกียว ที่รวมคาแรกเตอร์น่ารักๆ ของซานริโอ อย่างคิตตี้ (Hello Kitty) ซินนามอนโรล (Cinnamonroll) กุเดะทามะ (Gudetama)

โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland) คือสวนสนุกอันดับหนึ่งของโตเกียวที่รวมความสนุกของเครื่องเล่นหลากหลายรูปแบบและความน่ารักสดใสของตัวละครมากมายจากเครือดิสนีย์เอาไว้ทั้งหมด โดยพื้นที่ด้านในของโตเกียวดิสนีย์แลนด์จะแบ่งออกเป็น 7 โซนหลักๆ แต่ละโซนก็จะมีธีมเฉพาะ และยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ ทั้งการพักในดิสนีย์รีสอร์ทกับโรงแรมที่ตกแต่งด้วยธีมการ์ตูนเรื่องต่างๆ การช้อปปิ้งของที่ระลึกมากมายหลายรูปแบบ รวมถึงการรอชมขบวนพาเหรดอันยิ่งใหญ่พร้อมกับการจุดพลุตระการตาในช่วงค่ำของทุกวัน ถือเป็นจุดท่องเที่ยวที่ใช้เวลาหมดไปหนึ่งวันได้อย่างรวดเร็ว และถ้ายังไม่จุใจ ก็ยังมีโตเกียวดิสนีย์ซี สวนสนุกอีกหนึ่งแห่งของดิสนีย์ในธีมท้องทะเลซึ่งตั้งอยู่ติดกับโตเกียวดิสนีย์แลนด์เลย

ส่วนที่โยโกฮาม่า ซึ่งเดินทางสะดวกจนเหมือนเป็นเมืองเดียวกับโตเกียว ก็มีย่านอันสวยงามที่เรียกว่า ท่าเรือแห่งอนาคต มินาโตะมิไร (Minatomirai) ซึ่งเป็นย่านท่องเที่ยวที่มีจุดเด่นคือวิวอันสวยงามในยามกลางคืน ที่เต็มไปด้วยแสงไฟหลากสีสัน และหนึ่งในที่เที่ยวของย่านนี้ก็คือสวนสนุกคอสโมเวิร์ลด์ (Yokohama Cosmo World) ที่มีเอกลักษ์อยู่ที่รถไฟเหาะและชิงช้าสวรรค์ ที่เปิดไฟประดับอย่างสวยงามในยามกลางคืน จะขึ้นไปนั่งเล่นก็ได้ หรือสำหรับคนชอบถ่ายรูป จะมาเดินถ่ายรูปไฟประดับอย่างเดียวก็ถือว่าคุ้มค่าเช่นกัน

5. ขึ้นไปชมวิวมุมสูงบนโตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree)

5. ขึ้นไปชมวิวมุมสูงบนโตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree)

https://pixta.jp/

จุดชมวิวมุมสูงยอดนิยมของโตเกียว และยังถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความทันสมัยของโตเกียวเช่นกัน โดยโตเกียวสกายทรีนั้นมีความสูง 634 เมตร และมีจุดชมวิวอยู่สองชั้น ชั้นแรกอยู่ที่ระดับความสูง 350 เมตร และอีกชั้นอยู่ที่ 450 เมตร โดยสามารถมองเห็นวิวได้แบบ 360 องศา และสามารถมองเห็นไปไกลถึงภูเขาไฟฟูจิในวันที่มีอากาศแจ่มใส พื้นที่โซนจุดชมวิวยังมีร้านอาหารที่สามารถทานอาหารไปพร้อมกับชมวิวสวยๆ ด้านนอก และมีร้านขายของที่ระลึกต่างๆ และสำหรับใครที่มองหากิจกรรมเพิ่มเติม บริเวณด้านล่างของโตเกียวสกายทรียังมีทั้งห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารจำนวนมาก และด้านล่างยังมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซุมิดะที่สามารถแวะไปสัมผัสความน่ารักของนกเพนกวินได้อีกด้วย

เวลาเปิดปิด: 08.00 – 22.00 น.
ค่าเข้าชม: ชั้น 350 เมตร 2300 เยน, ชั้น 450 เมตร 1,100 เยน ตั๋วแบบรวม 2 ชั้น 3,400 เยน (วันธรรมดาจะถูกลงอีกเล็กน้อย)
การเดินทาง: สถานี Tokyo Skytree ของรถไฟสาย Tobu Skytree Line ที่เริ่มต้นจากสถานี Asakusa

(หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาทำการในช่วงเวลาปกติ)

6. ช้อปปิ้งที่ชิบูย่า (Shibuya)

6. ช้อปปิ้งที่ชิบูย่า (Shibuya)

https://pixta.jp/

โตเกียวมีย่านที่เหมาะสำหรับการช้อปปิ้งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชินจูกุ กินซ่า หรือฮาราจูกุ แต่หนึ่งในย่านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจก็คือชิบูย่า พื้นที่ที่เรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวมตัวของวัยรุ่นญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยความทันสมัย และแฟชั่นใหม่ล่าสุดของแต่ละแบรนด์ โดยมีห้างที่เป็นแลนด์มาร์คสำหรับสายแฟชั่นก็คือห้างชิบูย่า 109 และห้างมาตรฐานของญี่ปุ่นอีกมากมายเช่นห้างมารูอิ ห้างชิบูย่าฮิคาริเอะ หรือลอฟท์

และนอกจากห้างสรรพสินค้าแล้ว ชิบูย่ายังเป็นแหล่งรวมคาเฟ่และร้านอาหารแทบทุกรูปแบบที่เปิดยาวไปจนถึงช่วงดึก แน่นอนว่าเมื่อมาถึงชิบูย่าแล้วก็ไม่ควรพลาดสัมผัสกับความวุ่นวายที่มีสเน่ห์ของห้าแยกชิบูย่า ห้าแยกที่ถือว่ามีผู้คนข้ามไปมาตลอดทั้งวันเยอะที่สุดในโลกจนกลายเป็นจุดท่องเที่ยว รวมถึงรูปปั้นฮาจิโกะ สุนัขผู้ซื่อสัตย์ที่ชาวญี่ปุ่นพร้อมใจกันสร้างอนุสาวรีย์ให้ และล่าสุดก็คือ SHIBUYA SKY จุดชมวิวแห่งใหม่ในย่านชิบูย่าซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 47 ของตึก Shibuya Scramble Square ที่สามารถมองเห็นวิวมุมสูงของห้าแยกชิบูย่า และชมวิวเมืองรอบๆ ได้แบบ 360 องศา

7. ชมงานศิลปะสุดเจ๋งที่ Teamlab Borderless

7. ชมงานศิลปะสุดเจ๋งที่ Teamlab Borderless

Teamlab Borderless เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสุดล้ำจากกลุ่มศิลปินที่ชื่อว่า Teamlab ซึ่งร่วมกันสร้างสรรค์งานศิลปะดิจิตอลที่เป็นการผสมผสานศาสตร์มากมายเข้าด้วยกันทั้งกราฟิก งานออกแบบ สถาปัตยกรรม แอนิเมชั่น ดนตรี และอีกมากมาย ทำให้แม้ว่าที่นี่จะได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ แต่ก็ไม่ใช่พื้นที่ที่จำกัดเฉพาะคนที่สนใจและรักในงานศิลปะเท่านั้น เพราะทั้งความสวยงาม ความคิดสร้างสรรค์ และความแปลกใหม่ ได้ก่อให้เกิดผลงานศิลปะที่สวยและล้ำสมัยหลากหลายรูปแบบที่ไม่ว่าใครได้เห็นก็อยากมาสัมผัสด้วยตาตัวเองสักครั้ง และยังทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดถ่ายรูปเช็คอินเจ๋งๆ สำหรับการมาเยือนโตเกียวไปโดยปริยาย ซึ่งแม้แต่เด็กๆ ก็สามารถสนุกไปด้วย เพราะภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีการจัดโซนแสดงศิลปะและกิจกรรมสำหรับเด็กเอาไว้โดยเฉพาะอีกด้วย

เวลาเปิดปิด: 11.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม: 3,200 เยน
การเดินทาง: สถานี Tokyo Teleport หรือ Aomi

(หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาทำการในช่วงเวลาปกติ)

8. ชมความอลังการของโลกใต้น้ำที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซันไชน์ (Ikebukuro Sunshine)

8. ชมความอลังการของโลกใต้น้ำที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซันไชน์ (Ikebukuro Sunshine)

https://pixta.jp/

โตเกียวนั้นอาจจะไม่มีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่สุดอลังการอย่างไคยูคังที่โอซาก้า หรือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูราอุมิที่โอกินาว่า แต่ก็ยังมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครอยู่เช่นกัน หนึ่งในนั้นก็คือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซันไชน์ (Sunshine Aquarium) ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 3 ชั้นบนสุดของศูนย์การค้าซันไชน์ซิตี้ (Sunshine City) ภายในย่านอิเคบุคุโระ ด้วยที่ตั้งซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของอาคาร ทำให้จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้คือมีบ่อและอุโมงค์ชมสัตว์ทะเลที่มองเห็นพื้นหลังเป็นตึกสูงในโตเกียว จนกลายเป็นภาพที่เหมือนกับเหล่าสัตว์น้ำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปลา สิงโตทะเล หรือเพนกวินกำลังแหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้า

จากการปรับปรุงพื้นที่ครั้งล่าสุด พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซันไชน์แห่งนี้ได้มีจุดเด่นใหม่ล่าสุดคือโซนแสดง “แมงกะพรุน” ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งมีทั้งตู้แมงกระพรุนแบบพาโนรามา แบบอุโมงค์ให้เดินลอด และตู้แบบหยดน้ำที่อยู่บนเพดาน เมื่อรวมกับการประดับแสงไฟและเปิดเพลงประกอบเบาๆ ขณะที่ชมเหล่าแมงกะพรุนล่องลอยอยู่ในน้ำอย่างเชื่องช้า ทำให้เกิดบรรยากาศที่สงบและมีความแปลกใหม่ที่หลายคนอาจไม่เคยได้สัมผัสจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งอื่นๆ

เวลาเปิดปิด: 10.00-18.00 น
ค่าเข้าชม: 2,200 เยน
การเดินทาง: สถานี Ikebukuro

(หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาทำการในช่วงเวลาปกติ)

9. ตระเวนราตรีที่ย่านชินจูกุ (Shinjuku)

9. ตระเวนราตรีที่ย่านชินจูกุ (Shinjuku)

https://pixta.jp/

ย่านชินจูกุถือเป็นย่านธุรกิจสำคัญแห่งหนึ่งของโตเกียวที่มีทั้งห้างสรรพสินค้า คาเฟ่ ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลากหลายรูปแบบที่สามารถแวะไปเที่ยวได้ตลอดทั้งวัน แต่ช่วงเวลาที่ย่านชินจูกุจะมีความคึกคักที่สุดก็คือหลังตะวันตกดินเป็นต้นไป เพราะชินจูกุนั้นได้ชื่อว่าเป็นแหล่งรวมร้านกินดื่มและความบันเทิงยามราตรียอดฮิตของโตเกียว

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน เหล่ามนุษย์เงินเดือนชาวญี่ปุ่นมักจะตรงมาที่ร้านกินดื่มต่างๆ ภายในย่านนี้จนแน่นขนัด นอกจากนี้ยังมีร้านคาราโอเกะ ร้านปาจิงโกะ เกมเซนเตอร์ และแหล่งบันเทิงอีกหลายรูปแบบที่สามารถสนุกได้ตลอดทั้งคืน โดยหนึ่งในย่านยอดนิยมก็คือ คาบุกิโจ (Kabukicho) ที่มีร้านค้าร้านอาหารมากมาย เหมาะกับนักท่องเที่ยวทั้งสายช้อป สายกิน และสายถ่ายรูป และคนที่ชอบระลุกความหลัง ยังมีจุดที่เป็นเอกลักษณ์อย่างย่าน โกลเด้นไก (Shinjuku Golden Gai Street) ซึ่งเป็นถนนสายเล็กๆ ที่รวมร้านกินดื่มกว่า 280 ร้านเอาไว้ พร้อมกับบรรยากาศที่มีกลิ่นอายย้อนยุคที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองของย่านนี้ตั้งแต่เมื่อ 70 ปีที่แล้ว

10. ชมดอกซากุระที่สวนสาธารณะอุเอโนะ (Sakura at Ueno Park)

10. ชมดอกซากุระที่สวนสาธารณะอุเอโนะ (Sakura at Ueno Park)

https://pixta.jp/

ช่วงดอกซากุระบานถือเป็นช่วงไฮซีซั่นที่สุดช่วงหนึ่งสำหรับการเที่ยวญี่ปุ่น และจุดชมซากุระที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ในโตเกียว ก็คือสวนสาธารณะอุเอโนะ สวนสาธารณะขนาดใหญ่ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่ดอกซากุระบาน ชาวญี่ปุ่นทุกเพศทุกวัยจะพากันมาปูผ้าพลาสติกจับจองพื้นที่เพื่อ “ฮานามิ” หรือการชมดอกไม้ซึ่งเป็นธรรมเนียมของชาวญี่ปุ่นมากว่าพันปี โดยระหว่างการชมดอกไม้ก็มักจะมีการเตรียมอาหารและเครื่องดื่มมาด้วยจนกลายเป็นการสังสรรค์เล็กๆ ซึ่งมีทั้งแบบเครือญาติ คู่รัก หรือพนักงานในบริษัทเดียวกัน

สำหรับนักท่องเที่ยวแล้วก็เป็นบรรยากาศที่ทำให้การได้เห็นดอกซากุระมีความคึกคักขึ้นมากกว่าการได้ชมดอกไม้เฉยๆ นอกจากนี้ภายในสวนอุเอโนะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวย่อยที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสวนสัตว์อุเอโนะ (Ueno Zoo) พิพิธภัณฑ์ศิลปะโตเกียว (Tokyo Metropolitan Art Museum) พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Museum of Nature and Science) รวมถึงวัดและศาลเจ้าอีกด้วย ถือเป็นจุดท่องเที่ยวที่เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย และสามารถใช้เวลาเที่ยวได้ตลอดทั้งวัน

เวลาเปิดปิด: สวนสาธารณะมีเวลาทำการ 05.00 – 23.00 น.
ค่าเข้าชม: ฟรี แต่สถานที่บางแห่งในสวน เช่นพิพิธภัณฑ์ อาจมีค่าเข้าชมเพิ่มเติม
การเดินทาง: สถานี Ueno ของสายรถไฟต่างๆ อย่างเช่น JR Yamanote Line หรือ Tokyo Metro Ginza Line / Hibiya Line

(หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาทำการในช่วงเวลาปกติ)

ผู้เขียน: ชินพงศ์ มุ่งศิริ
เริ่มต้นทำงานเป็นช่างภาพอิสระหลังเรียนจบ เดินทางไปถ่ายภาพที่ประเทศญี่ปุ่นบ่อยครั้งจนครบทั้ง 4 ฤดูอันสวยงาม และเกือบครบทุกภูมิภาค มีผลงานภาพถ่ายตีพิมพ์ในไกด์บุ๊คระดับโลกอย่าง Lonely Planet ถึง 3 เล่ม คือ Discovery Japan, Japan และ Kyoto รวมถึงเว็บไซต์ท่องเที่ยวชั้นนำอย่าง National Geographic Traveler UK, BBC Travel, Travel+Leisure, TIME และอีกมาก
นอกจากการถ่ายทอดความสวยงามของประเทศญี่ปุ่นผ่านภาพถ่าย ปัจจุบันยังหันมาถ่ายทอดเรื่องราวผ่านทางตัวอักษรทั้งในฐานะนักเขียนและนักแปลควบคู่กันไปอีกด้วย

know-before-you-go