เรียนคำศัพท์ญี่ปุ่นจากที่เที่ยว
1. ฮานามิ (Hanami) (花見)
หนึ่งในคำศัพท์ที่คนไทยรู้จักมานานเพราะเป็นถึงยี่ห้อขนม ฮานามิ (Hanami) มาจากคำว่าฮานะ (Hana) ที่แปลว่าดอกไม้ และคำว่ามิ (Mi) ที่แปลว่า ดูหรือมอง เมื่อมารวมกันจึงมีความหมายว่า ดูดอกไม้ ซึ่งในที่นี้มักจะหมายถึงดอกซากุระ เป็นกิจกรรมสนุกๆ ในฤดูใบไม้ผลิของขาวญี่ปุ่นนั่นเอง สำหรับกิจกรรมฮานามิหรือชมดอกไม้ในญี่ปุ่นถือว่าได้รับความนิยมมาก สถานที่จัดงานชมดอกซากุระแต่ละแห่งทั่วประเทศจะมีการจัดงานเทศกาลและออกร้านขายอาหาร ชาวญี่ปุ่นที่ไปเที่ยวชมงานกับเพื่อนหรือครอบครัวก็จะนำเสื่อไปปูใต้ต้นไม้ เพื่อนั่งชมดอกไม้และทานอาหาร ดื่มเครื่องดื่ม พูดคุยสนทนาเหมือนปิกนิกไปในตัว เป็นภาพที่จะได้พบเห็นทั่วไปเมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงซากุระบาน
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ : ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle), จังหวัดอาโอโมริ (Aomori)
ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle) ตั้งอยู่ในสวนฮิโรซากิ (Hirosaki Park) ได้ชื่อว่าเป็นจุดชมวิวซากุระที่งดงามติดอันดับต้นๆของญี่ปุ่นซึ่งภายในพื้นที่สวนมีต้นซากุระมากมาย ส่วนหนึ่งเป็นซากุระสายพันธ์โซเมอิโยชิโนะ (Somei Yoshino) ที่มีกลีบดอกสีขาวอมชมพูดูนุ่มฟู นอกจากนี้ยังมีอุโมงค์ซากุระสีชมพูที่มีแม่น้ำคั่นกลางและทิวทัศน์แนวต้นซากุระบริเวณคูน้ำรอบปราสาท ช่วงดอกซากุระบานราวๆ กลางเดือนเมษายนเป็นต้นไปจะมีการจัดงานเทศกาลทั้งตอนกลางวันกับงานประดับไปชมซากุระยามค่ำคืนด้วย
ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาทำการ : ช่วงเทศกาล 07.00-21.00 น. (หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาในปีปกติ หลังจากปี 2020 อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เนื่องจากอิทธิพลของ COVID-19)
การเดินทาง : จากสถานีฮิโรซากิ (Hirosaki Station) ขึ้นรถ Konan Bus ไปลงที่ป้าย Shiyakusho-mae Koen Iriguchi ใช้เวลาประมาณ 15 นาที และเดินอีก 5 นาที
2. เรียวกัง (Ryokan) (旅館)
เรียวกัง (Ryokan) คำศัพท์คำนี้ใครที่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่น หรือวางแผนว่าจะไปน่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเรียวกังคือชื่อเฉพาะสำหรับเรียกที่พักค้างแรมประเภทหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ลักษณะเป็นที่พักแบบดั้งเดิม ที่มีให้บริการเป็นจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วประเทศ
และสิ่งที่เรียวกังแตกต่างจากโรงแรม (Hotel) ทั่วไปอย่างชัดเจนก็คือการตกแต่งภายในห้องพัก ซึ่งเรียวกังมักจะ
- ห้องเป็นสไตล์ญี่ปุ่น (Washitsu)
- พื้นปูเสื่อตาตามิ (Tatami)
- ที่นอนเป็นฟูกฟุตอง นอนกับพื้น (Futon)
- ประตูบานเลื่อนฟุสุมะ (Fusuma)
และเอกลักษณ์อื่นๆ เช่นมีโต๊ะญี่ปุ่นตรงกลางห้องสำหรับนั่งดื่มน้ำชา ในห้องพักส่วนใหญ่ก็จะมีชุดยูกาตะ (Yukata) เตรียมไว้ให้ผู้เข้าพัก หรือมักจะมีบ่ออาบน้ำแบบออนเซ็น (Onsen) หรือบางแห่งก็มีออนเซ็นส่วนตัวในห้อง เป็นต้น
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ : คุซัทสึออนเซ็น (Kusatsu Onsen), จังหวัดกุมมะ (Gunma)
คุซัทสึออนเซ็น (Kusatsu Onsen) แหล่งออนเซ็นบรรยากาศธรรมชาติในจังหวัดกุมมะ (Gunma) ที่มีจุดเด่นคือบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่และสวยงาม ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
นอกจากนี้ ที่นี่ก็มีบริการที่พักแบบเรียวกังมากมายหลายรูปแบบ หลายระดับราคาให้เลือก ท่ามกลางบรรยากาศบ้านเรือนเก่าแก่แบบญี่ปุ่นที่ทำให้รู้สึกถึงวัฒนธรรมดั้งเดิมหลายแง่มุมระหว่างเข้าพัก โดยเรียวกังที่คุซัทสึจะมีบริการบ่อออนเซ็นทั้งแบบสาธารณะและออนเซนส่วนตัวกลางแจ้งที่สามารถชมทิวทัศน์ขณะผ่อนคลายกับการแช่ออนเซ็นได้ด้วย นอกจากนี้ส่วนของการบริการอื่นๆ ก็เป็นไปตามมาตรฐานเรียวกังทั่วไป เช่น การเสิร์ฟอาหารท้องถิ่นที่ปรุงจากวัตถุดิบตามฤดูกาลรวมถึงเครื่องดื่มด้วย
การเดินทาง : จากสถานี Naganohara-Kusatsuguchi ขึ้นรถบัส JR Bus Kanto ไปลงที่ Kusatsu Onsen ใช้เวลาประมาณ 25 นาที
3. วาซาบิ (Wasabi) (わさび)
วาซาบิ (Wasabi) คือคำเรียกชื่อของพืชดั้งเดิมชนิดหนึ่งของญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือมีสีเขียวกลิ่นฉุนจัดกับรสชาติเผ็ดร้อน กรรมวิธีในการนำวาซาบิมารับประทานมีทั้งการรับประทานสดในรูปแบบเครื่องเคียงโดยนำรากและลำต้นมาขูดเป็นฝอยด้วยเครื่องขูดชนิดพิเศษที่เรียกว่า วาซาบิโอโรชิ (Wasabi Oroshi) เมื่อขูดแล้วนำไปผสมกับโชยุ มักจะเสิร์ฟพร้อมอาหารประเภท ซูชิ ซาชิมิ เนื่องจากสามารถดับคาวของอาหารทะเลได้ดี นอกจากวาซาบิสดก็จะมีการแปรรูปเป็นวาซาบิผง วาซาบิหลอด ซึ่งทำให้เก็บรักษาให้อยู่ได้นานยิ่งขึ้นและยังนำไปใช้ปรุงรสอาหารร่วมกับเครื่องปรุงอื่นๆ เช่น มายองเนสสำหรับรับประทานกับผักสลัดหรือดัดแปลงเป็นรสชาติของอาหาร ขนม เช่น ขนมขบเคี้ยวรสวาซาบิ, ไอศกรีมวาซาบิ เป็นต้น
อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องรู้ก็คือ วาซาบิที่เรากินกันตามร้านอาหารนั้นส่วนใหญ่จะไม่ใช่วาซาบิจริงๆ แต่จะเป็นผงที่บดจากผักชนิดอื่นที่มีลักษณะคล้ายวาซาบิ เช่นฮอร์สแรดิช และนำมาแต่งสีแต่งรสให้คล้ายวาซาบิ เพราะวาซาบิของแท้นั้นมีราคาค่อนข้างแพง
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ : ฟาร์มวาซาบิไดโอ (Daio Wasabi Farm), จังหวัดนากาโนะ (Nagano)
ฟาร์มวาซาบิไดโอ (Daio Wasabi Farm) ตั้งอยู่ในเมืองอะซุมิโนะ (Azumino) จังหวัดนากาโนะ (Nagano) ที่นี่เป็นฟาร์มวาซาบิอายุเก่าแก่ขนาดใหญ่ และมีชื่อเสียงในเรื่องทิวทัศน์ที่งดงามโดยเฉพาะภาพของกังหันน้ำกลางลำธารและท้องทุ่งซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมการปลูกวาซาบิของแท้ได้ที่นี่ รวมถึงกิจกรรมน่าสนใจอื่นๆ เช่น ล่องเรือชมทิวทัศน์ที่ลำธาร ชมทุ่งปลูกวาซาบิและโรงงานแปรรูป รับประทานอาหารอร่อยๆ ในร้านอาหารของฟาร์ม ชิมซอฟต์ครีมรสวาซาบิและคร็อกเก็ตรสวาซาบิ โซบะวาซาบิ เทมปุระวาซาบิ รวมถึงเลือกซื้อสินค้าของฝากของที่ระลึกจากวาซาบิ เช่น ไวน์วาซาบิตลอดจนวาซาบิแปรรูปต่างๆ และแน่นอนว่าทุกอย่างใช้วาซาบิของแท้
ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาทำการ :
มีนาคม- ตุลาคม 09.00-17.20 น.
พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ 09.00 – 16.30 น.
(หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาในปีปกติ หลังจากปี 2020 อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เนื่องจากอิทธิพลของ COVID-19)
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟโฮทากะ (Hotaka Station) ขึ้นรถบัส Azumino Sightseeing Bus หรือรถแท็กซี่ไปลงที่ฟาร์ม ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
4. กิโมโน (Kimono) (着物)
คำว่ากิโมโน (Kimono) นั้นน่าจะเป็นคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นที่คนไทยรู้จักดีอีกคำหนึ่ง โดยหมายถึงชุดญี่ปุ่นรูปแบบดั้งเดิมชนิดหนึ่ง ซึ่งคนมักจะเข้าใจผิดและจำสลับกับยูคาตะ (Yukata) ซึ่งเป็นชุดที่สบายๆ มีความเป็นพิธีการน้อยกว่ากิโมโน และใส่ง่ายกว่า
กิโมโน (Kimono) มีที่มาจากคำว่า คิรุ (Kiru) ที่หมายถึงสวมใส่ กับคำว่า (Mono) ที่หมายถึงสิ่งของ รวมกันเป็นสิ่งที่ใช้สวมใส่นั่นเอง กิโมโนถือเป็นชุดเครื่องแต่งกายแบบโบราณที่มีประวัติความเป็นมายาวนานและมีรูปแบบการสวมใส่ที่ค่อนข้างซับซ้อน ชุดที่ใส่มีซ้อนกันอย่างน้อยสองชั้น ใช้เวลาเปลี่ยนนานและมักต้องให้คนอื่นช่วย และยังมีขั้นตอนพิธีการต่างๆ ในแบบฉบับญี่ปุ่นอีกมากมาย แต่กิโมโนมักจะมีลักษณะเด่นที่ลวดลายอันสวยงามโดยเฉพะชุดกิโมโนของผู้หญิง เช่นลวดลายยอดนิยมอย่างดอกซากุระ ดอกโบตั๋น ส่วนของผู้ชายมักจะมีลวดลายน้อยกว่า
ชุดกิโมโนส่วนใหญ่ตัดเย็บจากผ้าฝ้ายเนื้อดีกว่ายูคาตะ และมีส่วนประกอบหลายอย่างกว่า เช่น
- จุบัง (Juban) เสื้อที่เป็นเหมือนกิโมโนสีขาว เป็นซับในที่ใส่ไว้ด้านล่างของกิโมโน
- สายโอบิ (Obi) ที่เป็นเหมือนเข็มขัดใช้รัดกิโมโน
- ถุงเท้าทาบิ (Tabi) ที่มีการแยกนิ้วโป้งออกจากนิ้วอื่นๆ
- เสื้อเฮาริ (Haori) ที่มีลักษณะเป็นเสื้อคลุมที่ใส่ทับไว้ด้านนอกกิโมโนอีกที เป็นต้น
สำหรับการสวมใส่ชุดกิโมโนนั้น ก็มีในหลากหลายโอกาส อาทิงานพิธีการเกี่ยวกับวัฒนธรรมอย่างการเล่นดนตรีโบราณบนเวที พิธีชงชา งานฉลองบรรลุนิติภาวะ งานแต่งงาน งานจบการศึกษา เป็นต้น
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ : ย่านอาซากุสะ (Asakusa), โตเกียว (Tokyo)
ย่านอาซากุสะ (Asakusa) แห่งกรุงโตเกียวคือย่านเก่าแก่บรรยากาศย้อนยุคแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมมีแลนด์มาร์คสำคัญคือวัดเซ็นโซจิ (Sensoji) หรือวัดโคมแดงที่นักท่องเที่ยวรู้จักเป็นอย่างดี
กิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจเมื่อมาเยือนย่านนี้ก็คือการ "เช่าชุดกิโมโน" ใส่เดินเที่ยวพร้อมทั้งถ่ายภาพสวยๆ ที่โคมแดงกับประตูคามินาริมง (Kaminarimon Gate) ไปจนถึงถนนนากามิเสะ(Nakamise Avenue) ที่ขึ้นชื่อเรื่องของกินแสนอร่อยๆ ประจำย่านนี้ เช่น ซาลาเปาทอด ไอศกรีมชาเขียว เซมเบ้ย่าง เมล่อนปัง เป็นต้น และถ้าเช่าชุดกิโมโนใส่เที่ยวแล้วก็ขอแนะนำให้ใช้บริการรถลากญี่ปุ่น (Jinrikisha) ที่ใช้แรงคนลากพาเที่ยวไปตามย่านอาซากุสะและถนนเลียบแม่น้ำสุมิดะ (Sumida River)
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro Ginza Line ไปลงที่สถานีอาซากุสะ (Asakusa Station)
5. ทานาบาตะ (Tanabata) (七夕)
คำศัพท์นี้ หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาจากการ์ตูนหลายเรื่อง เพราะเป็นเทศกาลที่คนญี่ปุ่นทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องเคยเข้าร่วมมาแล้ว
ทานาบาตะ (Tanabata) คือตำนานดวงดาวตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นที่เล่าสืบต่อกันมาซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักระหว่างดาวเจ้าหญิงทอผ้าหรือ โอริฮิเมะโบชิ (Orihimeboshi) กับดาวชายเลี้ยงวัว (Hikoboshi) ที่จะเดินทางข้ามทางช้างเผือกมาพบกันแค่ปีละ 1 ครั้งในคืนวันที่ 7 กรกฎาคม ด้วยเหตุนี้ในวันที่ 7 กรกฎาคมของทุกปีจึงมีการจัดงานเทศกาลทานาบาตะกันในหลายเมืองทั่วญี่ปุ่น
ประเพณีสำคัญของทานาบาตะ ก็คือการเขียนคำอธิษฐานขอพรลงบนแผ่นกระดาษหลากสีสันที่เรียกว่า ทันซากุ (Tanzaku) เมื่อเขียนแล้วก็จะนำไปแขวนบนกิ่งไผ่ที่ปลูกหรือประดับตกแต่งอยู่ตามงานเทศกาลที่จัดขึ้นหลายแห่งทั่วประเทศ ซึ่งบางแห่งก็จะจัดในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมหรือต้นเดือนสิงหาคม
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ : เทศกาลทานาบาตะเมืองเซ็นได (Sendai Tanabata Festival), จังหวัดมิยางิ (Miyagi)
เทศกาลทานาบาตะเมืองเซ็นได (Sendai Tanabata Festival) ในจังหวัดมิยางิ (Miyagi) เป็นงานประเพณีที่จัดต่อเนื่องมายาวนานและมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่ง โดยมีเอกลักษณ์คือการตกแต่งเมืองด้วยโคมกระดาษหลากสีสันที่ว่ากันว่าตกแต่งได้ยิ่งใหญ่กว่าเมืองอื่นๆ ในญี่ปุ่น
สำหรับเทศกาลนี้ในแต่ละปี เลือกที่จะจัดในช่วงต้นเดือนสิงหาคมต่อเนื่องกัน 3 วัน ตามบริเวณย่านการค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ซึ่งมีการตกแต่งสถานที่ด้วยกิ่งไผ่สูงใหญ่นับพันกิ่ง และโคมกระดาษสีสันสดใส รวมถึงกระดาษเขียนคำอธิษฐานที่นักท่องเที่ยวสามารถเขียนและนำมาแขวนได้ อีกทั้งยังมีการออกร้านขายอาหารอร่อยๆ ให้ได้ชมและชิมขณะเดินชมงาน นอกจากนี้ที่พลาดไม่ได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ คืนก่อนจัดงานเทศกาลทานาบาตะจะมีการแสดงดอกไม้ไฟฤดูร้อนกว่าหมื่นลูกให้ได้ชมกันด้วย
การเดินทาง : สถานีเซ็นได (Sendai Station) ภายในเมืองมีย่านการค้าหลายที่จัดงานทานาบาตะ
ผู้เขียน: หนึ่ง
นักอ่านและนักเขียนที่ชอบการเดินทางไปในที่ต่างๆ โดยเฉพาะญี่ปุ่น รักการดูอนิเมะญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ :)