มีงบเท่านี้ เที่ยวญี่ปุ่นได้แค่ไหน (3แปลน)
แม้ว่าในปัจจุบันการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นจะเป็นเรื่องง่ายดายไปแล้ว แต่สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวก็คือการวางแผนเดินทางและการคำนวณงบประมาณ ที่หลายๆ คนยังไม่มั่นใจว่าต้องใช้งบเท่าไรถึงจะพอ หรือมีงบอยู่แค่นี้ จะเที่ยวได้มากแค่ไหน เราจึงมาแนะนำสูตรในการคำนวณงบ ข้อมูลค่าใช้จ่ายพื้นฐานในการเที่ยวญี่ปุ่น รวมถึงตัวอย่างทริปสำหรับงบแต่ละระดับ
1. ค่าตั๋วเครื่องบิน
ค่าใช้จ่ายอย่างแรกที่ต้องมีแน่นอน และต้องพิจารณาไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มวางแผนเที่ยว ก็คือค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ โดยราคาแตกต่างกันมากพอสมควรในแต่ละช่วงเวลาของปี แต่จากการสังเกตคร่าวๆ จะอยู่ในช่วงนี้
- สายการบินโลว์คอสต์ ราคาไปกลับจะอยู่ที่ประมาณ 4,000 – 10,000 บาท
- สายการบินฟูลเซอร์วิส ราคาไปกลับชั้น Economy จะอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 18,000 บาท
2. ค่าอาหารในญี่ปุ่น
- อาหารในร้านสะดวกซื้อ โดยเฉพาะประเภทข้าวกล่อง ราคาจะอยู่ที่กล่องละประมาณ 400-800 เยน
- อาหารในร้านอาหารทั่วไปที่มีที่นั่งทาน (รวมถึงร้านในห้างสรรพสินค้า) ราคาจะอยู่ที่เมนูละประมาณ 700-1,500 เยน
- อาหารในภัตตาคารหรูๆ หรือมาเป็นคอร์สแบบยกมาเสิร์ฟทีละอย่าง ราคาเฉลี่ยต่อมื้อต่อคนจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 เยนขึ้นไป
3. ค่าที่พักในญี่ปุ่น
- โรงแรมแคปซูล, ห้องพักแบบเตียงรวม ราคาอยู่ที่คืนละประมาณ 2,500 – 5,000 เยน
- ห้องพักเตียงเดี่ยว/คู่ในโรงแรมทั่วไป ราคาต่อคน ต่อคืน อยู่ที่ประมาณ 5,000 – 10,000 เยน
- เรียวกัง หรือโรงแรมระดับ 4-5 ดาว ราคาต่อคน ต่อคืน อยู่ที่ประมาณ 15,000 – 100,000++ เยน หลากหลายมากแล้วแต่ประเภทและเกรดของโรงแรมหรือเรียวกัง
4. ค่าเดินทางในประเทศญี่ปุ่น
- เดินทางในเมืองใหญ่ที่มีระบบรถไฟใต้ดิน เช่นโตเกียว โอซาก้า นาโกย่า โดยปกติจะมีพาสรถไฟใต้ดินหรือรถบัสแบบ 1 วันของเมืองนั้นๆให้เลือกใช้ ราคาประมาณ 500 – 1,200 เยน หรือหากขึ้นรถไฟ รถไฟใต้ดิน หรือรถบัสแบบไม่มีพาส ราคาต่อเที่ยวจะอยู่ที่ประมาณ 150-300 เยน อาจถูกหรือแพงกว่านี้ขึ้นอยู่กับระยะทาง และแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละเมือง
- เดินทางข้ามเมืองที่อยู่ใกล้ๆ หรืออยู่ในภูมิภาคเดียวกัน ส่วนใหญ่จะมีพาสราคาประหยัดในแต่ละภูมิภาคให้เลือกใช้ เช่น
Kansai Wide Area Pass 5 วัน ราคา 9,200 เยน
All Kyushu Area Pass 3 วัน ราคา 15,280 เยน
Tokyo Wide Pass 3 วัน ราคา 10,000 เยน
- เดินทางข้ามภูมิภาคระยะไกล เช่นโตเกียวข้ามไปโอซาก้า โตเกียวข้ามเกาะไปถึงฮอกไกโดและเมืองซัปโปโร ส่วนใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวไทยจะนิยมใช้ JR Pass 7 วัน ราคา 29,110 เยน เนื่องจากค่ารถไฟชินคันเซ็นแค่เที่ยวเดียวก็มักจะมีราคาเกือบครึ่งของ JR Pass ไปแล้ว ถ้านั่งไปกลับไกลๆ ซักหนึ่งรอบขึ้นไปก็คุ้มค่าแน่นอน
แต่หากมองหาวิธีเดินทางราคาประหยัด ก็ยังมีสายการบินโลวคอสต์ภายในประเทศที่ราคาอยู่ที่เที่ยวละประมาณ 3,000 – 10,000 เยน หรือรถบัสกลางคืน ที่มีราคาอยู่ที่เที่ยวละประมาณ 2,000 – 12,000 เยน แแล้วแต่ระดับของรถบัส
งบ 30,000 บาท
โดยปกติแล้ว ผู้เขียนจะมีสูตรส่วนตัวในการคำนวณค่าใช้จ่ายในการเที่ยวญี่ปุ่นแบบคร่าวๆ คือ วันละ 3,000 บาท (หรือ 10,000 เยน) เลขกลมๆ แบ่งเป็นค่าที่พัก 1,000 บาท ค่าอาหาร 1,000 บาท และค่าใช้จ่ายจิปาถะเช่นค่าเดินทางหรือค่าเข้าสถานที่อีก 1,000 บาท (หากไม่มีตรงนี้ก็นำไปบวกเพิ่มงบที่พักหรืออาหาร) ราคานี้คือเที่ยวแบบสนุกและไม่ได้อดอยากอะไร ได้นอนโรงแรมห้องมาตรฐาน กินข้าวตามร้านทั่วไปหรือบนห้างก็ได้ และเที่ยวได้ทั้งในเมืองหรือข้ามเมืองใกล้ๆ ถ้ายึดตามสูตรนี้ และสมมติว่าหักค่าตั๋วเครื่องบินออกไปประมาณ 8,000 บาท ก็จะเหลือ 22,000 บาท ซึ่งเพียงพอต่อการเที่ยวญี่ปุ่นได้สูงสุดถึง 7 วัน และหากลดจำนวนวันลงมาน้อยกว่านี้ เช่น 5 วัน ก็ทำให้มีงบเหลืออีกอย่างน้อย 6,000 บาทสำหรับไปเพิ่มในส่วนที่ต้องการ เช่นกินอาหารราคาแพงขึ้น นอนโรงแรมดีขึ้น หรือเอาไปช้อปปิ้งก็ได้
สำหรับคนที่มีงบ 30,000 บาท ปัจจัยหลักที่ต้องคำนึงมากที่สุดก็คือราคาตั๋วเครื่องบิน เพราะหากไม่ได้โปรโมชั่นดีๆก็จะเกินงบทันที ราคาตั๋วนั้นคิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของงบ ยิ่งหาได้ถูกเท่าไร ก็ยิ่งเหลืองบสำหรับท่องเที่ยวมากขึ้น และโดยทั่วไปแล้วอยากแนะนำให้เที่ยวแบบปักหลักในเมืองเดียว แล้วมี One Day Trip หรือไปค้างคืนที่เมืองใกล้ๆ อีกหนึ่งหรือสองคืนเท่านั้น ซึ่งเป็นรูปแบบที่สะดวกสบายและงบไม่บานปลาย
และหากไม่ซีเรียสเรื่องฤดูกาล การเลือกเที่ยวในช่วงที่ไม่ใช่ไฮซีซั่น ไม่ใช่ช่วงซากุระหรือใบไม้แดง ไม่ใช่ช่วงเทศกาลสำคัญหรือหยุดยาว ก็ทำให้มีโอกาสที่จะหาตั๋วและที่พักราคาถูกได้ง่ายยิ่งขึ้นอีกด้วย
งบ 30,000 บาท อาจจะพอเที่ยวญี่ปุ่นแบบข้ามภูมิภาคไกลๆ เช่นโตเกียว - โอซาก้าได้ด้วยวิธีประหยัด อย่างการจองตั๋วขาไปลงที่สนามบินนาริตะ แล้วจองตั๋วขากลับจากสนามบินคันไซ แล้วขึ้นรถบัสกลางคืนหรือสายการบินโลวคอสต์ในประเทศเพื่อเดินทางข้ามเมือง แต่ก็เอาไว้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่สนใจหรือมีที่ที่ต้องการจะไปจริงๆ เท่านั้น เพราะด้วยจำนวนงบและจำนวนวันเพียงสั้นๆเท่านี้ ค่อนข้างเหมาะสมกับการปักหลักเที่ยวในเมืองใดเมืองหนึ่งตลอดทั้งทริปมากกว่า
ตัวอย่างทริปแนะนำ : คันไซ 5-7 วัน (โอซาก้า เกียวโต นารา) ใช้พาส Kansai Wide Area Pass 5 วัน หรือโตเกียว 5 วัน (โตเกียว 4 วัน + ดูภูเขาไฟฟูจิที่ทะเลสาบคาวากุจิโกะ 1 วัน) ฟุกุโอกะ 5-7 วัน (ฟุกุโอกะ คุมาโมโตะ นางาซากิ) ใช้ Nothern Kyushu Pass แบบ 5 วัน เน้นนอนโรงแรมสามดาวแบบราคาประหยัด ไม่จำเป็นต้องมีบริการพร้อม เลือกกินอาหารได้พอสมควรไม่อดอยาก แต่ก็ต้องกินง่ายอยู่ง่ายในระดับนึง และดูป้ายราคาก่อนเดินเข้าร้าน
งบ 50,000 บาท
สำหรับคนที่มีงบ 50,000 บาท ถือเป็นจำนวนเงินที่สามารถเที่ยวญี่ปุ่นได้แบบสะดวกสบาย และมีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูง สามารถปรับตัวเลือกในการท่องเที่ยวได้หลายรูปแบบ ทั้งการเลือกเที่ยวสั้นๆ 5 วันแบบกินหรูอยู่สบาย ไปจนถึงสายแบ็คแพ็คเน้นเที่ยวเยอะและเที่ยวนานด้วยการใช้ JR Pass 7 วัน โดยสมมติว่าหักค่าตั๋วเครื่องบินออกไป 10,000 และค่า JR Pass อีกประมาณ 8,000 แล้ว ถ้าคำนวณงบต่อวันตามสูตรของผู้เขียน ก็ยังสามารถเที่ยวได้สูงสุดถึง 10 วัน
หากให้พูดแบบกว้างๆ แล้ว การมีงบ 50,000 บาทในการเที่ยวญี่ปุ่นนั้นเลือกเที่ยวได้ทั้งแบบปักหลักอยู่เมืองเดียวหรือข้ามภูมิภาคไกลๆ ก็ได้ โดยมีระยะเวลาการท่องเที่ยวที่เหมาะสมอยู่ที่ 5-10 วัน และยังเป็นการเที่ยวที่ได้มาตรฐานในทุกด้านทั้งที่พัก อาหาร และการเดินทาง แถมยังเหลืองบสำหรับตอบสนองความชอบหรือความสะดวกสบายส่วนตัวของแต่ละคน เช่นเอางบที่เหลือไปซื้อตั๋วเครื่องบินแบบฟูลเซอร์วิสแทนโลวคอสต์ ขึ้นแท็กซี่แทนการใช้รถไฟเป็นบางครั้ง นอนโรงแรมระดับ 4 ดาวทั้งทริปหรือนอนเรียวกังดีๆ คืนละหลักหมื่นบาทสักคืน รวมถึงเอางบที่เหลือไปช้อปปิ้งตามต้องการก็ได้
แม้งบจำนวนนี้อาจจะฟังดูค่อนข้างเยอะ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องพิจารณาก็คือหากเลือกเดินทางในช่วงเทศกาล เลี่ยงการจองตั๋วช่วงวันหยุดยาวที่มีราคาสูงไม่ได้ ส่วนต่างทั้งค่าตั๋วและค่าที่พักที่เพิ่มขึ้นมาก็อาจทำให้รูปแบบและข้อจำกัดในการท่องเที่ยวไม่ต่างจากการใช้งบ 30,000 บาทเช่นกัน
ตัวอย่างทริปแนะนำ : คันไซ 5 วัน (โอซาก้า นารา นอนเรียวกังหรูในเกียวโต 1 คืน) โตเกียว 5 วัน (นอนรีสอร์ทวิวภูเขาไฟฟูจิริมทะเลสาบคาวากุจิโกะ 1 คืน) โตเกียว-โอซาก้า 7-10 วัน ฮอกไกโด 7-10 วัน (ซัปโปโร โอตารุ นิเซโกะ ฮาโกดาเตะ)
งบ 100,000 บาท
งบ 100,000 บาทอาจเรียกได้ว่ามากเกินพอและสามารถเที่ยวญี่ปุ่นได้ทุกรูปแบบ โดยรูปแบบหลักที่พบบ่อยในการใช้งบประมาณระดับนี้คือการจัดทริปเที่ยวทั้งครอบครัว หรือทริปแบบพาผู้สูงอายุท่องเที่ยว ที่ต้องขึ้นแท็กซี่หรือเช่ารถขับแทนการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ หรือการเที่ยวญี่ปุ่นเต็มจำนวนวีซ่า 15 วันพร้อมกับใช้ JR Pass ทั่วประเทศแบบ 14 วัน ไปทุกที่ที่ต้องการ ไปจนถึงการเที่ยวแบบนอนเรียวกังชั้นดี หรือโรงแรมระดับสี่หรือห้าดาวเกือบทั้งทริป พร้อมกับทานเมนูอร่อยๆในร้านอาหารดีๆได้โดยไม่กังวล
นอกจากการเที่ยวได้ไม่จำกัดรูปแบบแล้ว ด้วยงบประมาณระดับนี้ ทำให้มีตัวเลือกในการเที่ยวญี่ปุ่นในรูปแบบใหม่ๆที่ไม่เหมือนใครอยู่มากมาย เช่นการขึ้นเฮลิคอปเตอร์ชมเมืองในยามค่ำ การเช่ารถซูเปอร์คาร์ขับเที่ยวเท่ๆ ล่องเรือสำราญพร้อมกินอาหารบุฟเฟ่ต์กลางอ่าวโตเกียว หรือการซื้อ JR Pass แบบกรีนคาร์ (ตู้พิเศษ) เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง หรือหากคุณเป็นคนที่เคยฝันว่าอยากอยู่ญี่ปุ่นนานๆ ก็สามารถขอวีซ่าญี่ปุ่นยาวเกิน 15 วัน เช่าห้องรายเดือน หรือตะลอนเที่ยวญี่ปุ่นให้ครบทุกเมืองก็ได้ โดยถ้าใช้แบบประหยัดได้เท่าๆกับตัวอย่างของคนที่มีงบ 30,000 บาท ก็สามารถเที่ยวได้ประมาณ 30 วันเลย
ตัวอย่างทริปแนะนำ : ญี่ปุ่นเหนือจรดใต้ 15 วัน, ทริปพาครอบครัวเที่ยวทั้งครอบครัว, ทริปเช่ารถขับทั่วทั้งภูมิภาค
ผู้เขียน: ชินพงศ์ มุ่งศิริ
เริ่มต้นทำงานเป็นช่างภาพอิสระหลังเรียนจบ เดินทางไปถ่ายภาพที่ประเทศญี่ปุ่นบ่อยครั้งจนครบทั้ง 4 ฤดูอันสวยงาม และเกือบครบทุกภูมิภาค มีผลงานภาพถ่ายตีพิมพ์ในไกด์บุ๊คระดับโลกอย่าง Lonely Planet ถึง 3 เล่ม คือ Discovery Japan, Japan และ Kyoto รวมถึงเว็บไซต์ท่องเที่ยวชั้นนำอย่าง National Geographic Traveler UK, BBC Travel, Travel+Leisure, TIME และอีกมาก
นอกจากการถ่ายทอดความสวยงามของประเทศญี่ปุ่นผ่านภาพถ่าย ปัจจุบันยังหันมาถ่ายทอดเรื่องราวผ่านทางตัวอักษรทั้งในฐานะนักเขียนและนักแปลควบคู่กันไปอีกด้วย