20 จุดชมใบไม้แดงสำหรับคนไปญี่ปุ่นเดือน 11
แนะนำสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น ซึ่งจะได้พบกับภาพทิวทัศน์ของใบไม้ที่เปลี่ยนเป็นสีแดง ส้ม เหลืองหลากสีสันสวยงาม ท่ามกลางบรรยากาศแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่นในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งถือเป็นโอกาสสุดท้ายในแต่ละปีสำหรับคนไปญี่ปุ่นช้า โดยในครั้งนี้จะขอแนะนำจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ยังคงสามารถไปชมได้ทันในช่วงเดือนพฤศจิกายนทั้ง 20 แห่ง ดังต่อไปนี้
1. สวนเมจิจิงกูไกเอ็น โตเกียว (Meiji-jingu Gaien, Tokyo)
สวนเมจิจิงกูไกเอ็น เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางกรุงโตเกียว ซึ่งในพื้นที่บริเวณนี้ก็เป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองที่มีทั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปะ สนามกีฬาหลายประเภท รวมทั้งแนวถนนต้นแปะก๊วย (คนญี่ปุ่นเรียกว่าต้นกิงโกะ) เรียงรายเป็นแนวยาวกว่า 300 เมตร เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วงก็จะกลายเป็นสีเหลืองอร่ามสวยงามอย่างที่เห็น โดยในแต่ละปีช่วงที่ถนนต้นแปะก๊วยกลายเป็นสีเหลือง ก็จะมีการจัดงานเทศกาลชมต้นแปะก๊วยที่จิงกูไกเอ็น (Jingugaien Gingko Festival) พร้อมทั้งมีการออกร้านขายของขายอาหารต่างๆมากมาย
ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี : ปลายเดือนพฤศจิกายน
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟ Tokyo Metro Ginza Line ไปลงที่สถานี Gaiemmae แล้วเดินประมาณ 5 นาที
2. หุบเขาโครังเค จังหวัดไอจิ (Mt.Korankei , Aichi)
ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของนาโกยาและเป็นจุดชมทิวทัศน์ใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงมากเป็นอันดับต้นๆของประเทศ เมื่อถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้พบกับภูเขาขนาดใหญ่ถูกแต่งแต้มด้วยสีเหลือง ส้มและสีแดงสดของต้นเมเปิ้ลญี่ปุ่นหลากสายพันธุ์รวมกว่า 4,000 ต้น อย่างสวยงามและโดดเด่น โดยจุดชมวิวที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือบริเวณสะพานแขวน และทางเดินขึ้นเขาสู่วัดโคชะคุจิ (Koshaku-ji Temple) อีกทั้งยังมีงานประดับไฟ (Light up) เป็นงานที่สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีในยามค่ำคืนได้ทุกปี
ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี : ปลายเดือนพฤศจิกายน
การเดินทาง : จากนาโกย่าขึ้นรถไฟสาย Meitetsu Line ไปลงที่สถานี Higashi Okazaki จากนั้นต่อรถบัสไปลงที่ป้าย Korankei ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที แล้วเดินต่ออีก 2 นาที
3. อาราชิยามา จังหวัดเกียวโต (Arashiyama, Kyoto)
ที่นี่เป็นสถานที่ๆได้รับความนิยมอย่างมากในการเที่ยวชมธรรมชาติ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมืองเกียวโต มีทิวทัศน์ที่สวยงามชมได้ทุกฤดูกาล อย่างในฤดูไม้ใบเปลี่ยนสีก็สามารถชมความงามของธรรมชาติและใบไม้ที่เปลี่ยนไล่ระดับส้ม แดง น้ำตาล ไปทั่วทั้งภูเขาอาราชิยามะ มักถูกเปรียบเทียบว่าดูเหมือนลูกกวาดหลากสี โดยเฉพาะบริเวณสะพานโทเก็ทสึเคียว (Togetsu Bridge) หรือที่เรียกกันว่าสะพานข้ามจันทร์ ภาพสะพานกับแม่น้ำคัทสึระ (Katsura River) ที่ใสสะอาดและภูเขาอาราชิยามาเป็นฉากหลังในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เป็นจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมมาก
ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี : กลาง-ปลายพฤศจิกายน
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Saga-Arashiyama เดินไปประมาณ 10-15 นาที
4. สวนไมซุรุ จังหวัดฟุกุโอกะ (Maizuru Park, Fukuoka)
สวนไมซุรุเป็นสวนสาธารณะเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง ตั้งอยู่ไม่ไกลจากย่านเทนจิน ในบริเวณมีร่องรอยของปราสาทฟุกุโอกะ (หรือปราสาทไมซุรุ) ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเอโดะ ปัจจุบันยังคงหลงเหลือฐานปราสาทที่เป็นหิน และหอสังเหตุการณ์ให้พอได้ชมบรรยากาศในอดีต ด้านในสวนเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ที่ออกดอกสวยงามตลอดทั้งปี เช่น ซากุระ ดอกบ๊วย ดอกโบตั๋น รวมทั้งยังเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงามและได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งในภูมิภาคคิวชู
ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี : กลาง-ปลายเดือนพฤศจิกายน
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟใต้ดิน Akasaka หรือสถานี Ohorikoen ของรถไฟสายสนามบิน (Kuko Line) เดินไปประมาณ 8 นาที
5. สวนสาธารณะโชวะคิเน็น โตเกียว (Showa Kinen Park, Tokyo)
สวนที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 40,000 ไร่ ภายในแบ่งออกเป็น 5 โซน นอกจากเป็นสวนสาธารณะเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจแล้วตลอดทั้งปีก็จะมีการจัดงานอีเวนท์มากมาย และในฤดูใบไม้ร่วง ก็จะมีการจัดงานเทศกาลชมใบไม้เปลี่ยนสี (Koyo Matsuri) ซึ่งจะได้พบกับแนวถนนต้นแปะก๊วยคาตาราอิ (Katarai Promenade) สีเหลืองทองนับร้อยต้นเป็นระยะทางราวๆ 300 เมตร รวมทั้งต้นเมเปิ้ลญี่ปุ่นสีแดงอีกกว่า 300 ต้น ตลอดจนกิจกรรมในงานที่น่าสนใจอย่างหลากหลาย เช่น พิธีชงชาญี่ปุ่น การแสดงดนตรี เป็นต้น
ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี : ปลายเดือนพฤศจิกายน
การเดินทาง : นั่งรถไฟ Chuo Line ไปลงที่สถานี Tachikawa จากนั้นเดินอีกประมาณ 15 นาที
6. สวนยาฮิโกะ จังหวัดนีงาตะ (Yahiko Koen Momiji Dani, Niigata)
สวนยาฮิโกะเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ในเมืองยาฮิโกะ ซึ่งในแต่ละฤดูกาลก็จมีทิวทัศน์ของต้นไม้ดอกไม้ที่แตกต่างกันไป โดยในฤดูใบไม้ร่วงก็จะมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีบริเวณลำธารของสวนที่เรียกว่า Maple Valley ถือเป็นจุดชมใบไม้แดงที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่และมีชื่อเสียงมาก นอกจากนี้ในบริเวณใกล้ๆ กับสวน ก็สามารถเดินไปยังศาลเจ้ายาฮิโกะ ที่เต็มไปด้วยทิวทัศน์ใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามไม่น้อยไปกว่ากัน อีกทั้งยังเป็นจุดเสริมพลังชีวิต (Power Spot) ชื่อดังในนีงาตะด้วย
ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี : กลางเดือนพฤศจิกายน
การเดินทาง : จากสถานี Tokyo นั่งรถไฟชินคันเซ็นสาย Joetsu Line ไปลงที่สถานี Tsubamesanjo จากนั้นต่อรถไฟสาย Yahiko line ไปลงที่สถานี Yahiko และเดินอีก 15 นาที
7. วัดไดโคเซ็นจิ จังหวัดซากะ (Daikozenji Temple, Saga)
ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาที่เป็นพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดฟุกุโอกะกับซากะ มีชื่อเสียงในเรื่องเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของคู่รัก ปัจจุบันที่นี่คือสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมมากจากนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะที่ด้านหลังอาคารหลักซึ่งเป็นสวนชิงิริเอ็น (Shigiri-en) ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็จะได้พบกับภาพทิวทัศน์ธรรมชาติที่จากต้นเมเปิ้ลหลายร้อยต้น รวมทั้งมีทางเดินลอดอุโมงค์ใบไม้แดงขึ้นไปตามขั้นบันไดหิน และมีการจัดงานประดับไฟ (Light up) ยามค่ำคืนให้ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศพร้อมกิจกรรมออกร้านต่างๆ มากมายอีกด้วย
ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี : กลาง-ปลายเดือนพฤศจิกายน
การเดินทาง : จากสถานี Hakata โดยสารรถไฟสาย JR Kagoshima Main Line ไปลงที่สถานี Kiyama จากนั้นต่อรถแท็กซี่ไป 7 นาที
เฉพาะช่วงเทศกาลชมใบไม้เปลี่ยนสีจะมีรถ Nishitetsu Bus วิ่งให้บริการระหว่างสถานี JR Kiyama ไปยังวัดไดโคเซ็นจิด้วย
8. ฟูจิคาวากูจิโกะ จังหวัดยามานาชิ (Fujikawaguchiko, Yamanashi)
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลังที่ทะเลสาบฟูจิคาวากูจิโกะ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีชื่อดังซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยในทุกปีจะมีการจัดงานเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสีแห่งฟูจิคาวากูจิโกะ (Fuji Kawaguchiko Autumn Leaves Festival) ซึ่งจะได้พบกับความงามของใบไม้เปลี่ยนสีและภูเขาฟูจิ กับท้องฟ้าที่แจ่มใสในฤดูใบไม้ร่วง จุดที่เป็นไฮไลท์ของงานจะอยู่ที่อุโมงค์ใบไม้แดง (Maple Corridor) ที่มีต้นเมเปิ้ลเก่าแก่จำนวนมาก ช่วงกลางคืนก็จะมีการประดับไฟที่สร้างบรรยากาศให้โรแมนติกมาก
ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี : กลาง-ปลายเดือนพฤศจิกายน
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR Chuo Line จากสถานี Shinjuku ไปลงที่สถานี Otsuki แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Fujikyu Railway ไปลงที่สถานี Kawaguchiko ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที หรือจากสถานี Shinjuku นั่งรถบัสไปยังสถานี Kawaguchiko ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
จากนั้นต่อรถเรโทรบัสไปลงที่ Maple Corridor (ป้ายหมายเลข 19 Itchiku Kubota Art Museum)
9. วัดโคไดจิ จังหวัดเกียวโต (Kodaiji Temple, Kyoto)
วัดเก่าแก่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็นสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งในเกียวโต โดยมีจุดเด่นอยู่ตรงวิวใบไม้เปลี่ยนสีท่ามกลางสวนญี่ปุ่น มีการจัดงานชมใบไม้แดงที่วัดแห่งนี้ทั้งตอนกลางวันและกลางคืน ท่ามกลางการประดับไฟที่มีการออกแบบอย่างมีศิลปะ รวมทั้งมีงานแสดงศิลปะแห่งแสงสี (Projection Mapping) กับภาพใบไม้เปลี่ยนสีที่สะท้อนลงบนผิวน้ำในสระการิวจิ (Garyuchi Pond) งานประดับไฟของที่นี่มีชื่อเสียงมากในทุกๆปี จนต้องต่อแถวยาวเหยียดเพื่อเข้าคิวซื้อบัตรเข้าชม
ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี : กลาง-ปลายเดือนพฤศจิกายน
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Kyoto ขึ้นรถบัส Kyoto City Bus หมายเลข 100, 206 หรือ 110 ไปลงที่ป้าย Higashiyama Yasui แล้วเดินอีกประมาณ 5 นาที
10. สวนมิโน จังหวัดโอซาก้า (Mino Park, Osaka)
ที่สวนมิโน เป็นที่ตั้งของน้ำตกมิโน (Minoh falls) ซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามตลอดทั้งปีและยังได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 100 น้ำตกแห่งญี่ปุ่น จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้สีเหลือง ส้ม แดง ที่มีน้ำตกมิโนเป็นองค์ประกอบของภาพทิวทัศน์ เป็นภาพธรรมชาติที่สวยงามอลังการ อีกทั้งภายในพื้นที่นี้ยังมีจุดชมธรรมชาติและจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีบริเวณอื่นที่แตกต่างออกไป เช่น วัดเก่าแก่ สะพาน ให้ได้เที่ยวชมกันอีกด้วย
ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี : ปลายเดือนพฤศจิกายน
การเดินทาง : จากสถานี Umeda ใจกลา.โอซาก้า ขึ้นรถไฟสาย Takarazuka Line ไปลงที่สถานี Ishibashi จากนั้นต่อรถไฟสาย Mino Line ไปลงที่สถานี Mino แล้วเดินอีก 5 นาที