ไปให้ครบ ทั้งเหนือใต้ออกตกของฮอกไกโด
Hokkaido Page 1
ส่วนใหญ่พวกเราไปเที่ยวฮอกไกโดกันในที่ดังๆ ช่วงที่มีดอกไม้บานสวยๆ หรือเทศกาลหิมะที่ขึ้นชื่อ แต่ฮอกไกโดยังมีที่เที่ยวเจ๋งๆ คูลๆ ชิลๆ ให้เลือกชมอีกมากกว่านั้น วันนี้เราเลยจะพาท่องฮอกไกโดแบบทั่วถึงทุกพื้นที่ แล้วเพื่อนๆ จะหลงรักฮอกไกโดมากขึ้นอีก
แต่ก่อนอื่นเรามาทบทวนเรื่องทั่วๆ ไปเกี่ยวกับฮอกไกโดกันก่อน
จังหวัดฮอกไกโดตั้งอยู่ทางทิศเหนือของประเทศญี่ปุ่น เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่นรองจากเกาะฮอนชู แม้ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นภูเขาแต่ก็ยังมีพื้นที่ราบอีกมากที่เหมาะแก่การรองรับการท่องเที่ยว เมืองหลวงคือซัปโปโรที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้าและวัฒนธรรม เป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 5 ของญี่ปุ่นและเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของฮอกไกโด นอกจากซัปโปโรแล้วฮอกไกโดก็แบ่งออกเป็นภาคต่างๆ ไว้อีก 4 โซน ดังต่อไปนี้
1.โดโฮกุ (Dohoku) ภาคเหนือ พื้นที่เหนือสุดยอดแดนญี่ปุ่น เป็นโซนที่ธรรมชาติบริสุทธิ์มาก มีแนวชายฝั่งทะเลยาวและดอกไม้นานาชนิด แบ่งเป็น 3 กิ่งจังหวัด ได้แก่ คามิกาวะ (Kamikawa Subprefecture) รุโมอิ (Rumoi Subprefecture) และโซยะ (Soya Subprefecture) แต่ละกิ่งจังหวัดก็แบ่งเป็นเมืองต่างๆอีกหลายเมือง แต่ส่วนใหญ่จะยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยว
2.โดนัน (Donan) ภาคใต้ เป็นจุดแรกๆที่คนญี่ปุ่นจากเกาะหลักเริ่มเข้ามาตั้งรกราก มีเมืองฮาโกดาเตะ สถานที่เที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ ทิวทัศน์ของเมืองแปลกตาน่าดู สัมผัสได้ถึงความหลากหลายของฤดูกาลทั้งสี่ และมีอาหารทะเลอุดมสมบูรณ์ แบ่งเป็น 2 กิ่งจังหวัดคือ โอชิมะ (Oshima Subprefecture) กับฮิยามะ (Hiyama Subprefecture)
3.โดโอ (Do-ou) ภาคกลาง มีธรรมชาติผสมผสานกลมกลืนกับความเป็นตัวเมือง มีเมืองซัปโปโรเป็นศูนย์กลางความเจริญและแหล่งช็อปปิ้งมากมาย แบ่งออกเป็น 5 กิ่งจังหวัดได้แก่ โซราจิ (Sorachi Subprefecture) อิชิการิ (Ishikari Subprefecture) ชิริเบชิ (Shiribeshi Subprefecture) อิบุริ (Iburi Subprefecture) และฮิดากะ (Hidaka Subprefecture)
4.โดโต (Doto) ภาคตะวันออก ยังคงมีธรรมชาติบริสุทธิ์ที่ยังไม่มีใครแตะต้องอีกมาก มีภูเขาเยอะ และเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ (Shiretoko National Park) แบ่งออกเป็น 4 กิ่งจังหวัด ได้แก่ โอคอตสค์ (Okhotsk Subprefecture) โทกาจิ (Tokachi Subprefecture) คุชิโระ (Kushiro Subprefecture) และเนมุโระ (Nemuro Subprefecture)
ต่อไปเราไปดูที่เที่ยวในแต่ละโซนกันเลย
ซัปโปโร (SAPPORO)
ซัปโปโร (Sapporo) เป็นเมืองหลวงของจังหวัดฮอกไกโด (และเป็นศูนย์กลางของพื้นที่โดโอ และกิ่งจังหวัดอิชิการิ) เป็นเมืองใหญ่อันดับ 5 ของญี่ปุ่นที่มีประชากรประมาณ 2 ล้านกว่าคน เคยเป็นเมืองที่จัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 1972 และโด่งดังในเรื่องของเทศกาลหิมะที่จัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ในงานเทศกาลหิมะซัปโปโรมีรูปปั้นหิมะและรูปแกะสลักจากน้ำแข็งหลากหลายรูปแบบ ประดับประดาไฟและแสงสีสวยงาม
แต่ก่อนที่จะเป็นเขตการปกครอง ซัปโปโรเคยเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชาวไอนุ ชื่อซัปโปโรมาจากภาษาไอนุซึ่งมีความหมายว่าแม่น้ำสายใหญ่ ต่อมาในปี ค.ศ. 1868 รัฐบาลสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิพิจารณาว่าเมืองท่าฮาโกดาเตะอยู่ในที่ตั้งที่ไม่เหมาะสมต่อการพัฒนาของเกาะ ซัปโปโรจึงถูกเลือกให้เป็นศูนย์กลางการจัดการและพัฒนาของฮอกไกโดแทน
เปิดม่านซัปโปโรมา ที่เที่ยวแรกที่เจ้าบ้านรอต้อนรับก็คือตัวสนามบินนั่นเอง มีที่เที่ยวมากมายในสนามบินเองแต่เปอบร์หนึ่งคือที่นี่เลย Doraemon Wakuwaku Sky Park ที่เที่ยวชิวๆในสนามบินชินจิโตเสะ (New Chitose Airport) ของเมืองซัปโปโร โดราเอมอนวากุวากุสกายปาร์คนี้เหมือนเป็นอาณาจักรย่อมๆ ของโดราเอมอน เพราะมีทั้งพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับโดราเอมอน สวนสนุกสำหรับเด็กเล่น ห้องสมุด และร้านขายของโดราเอมอนที่สามารถซื้อเป็นของฝากเก๋ๆ ให้ที่บ้านได้ หรือใครอยากเก็บไว้เป็นที่เที่ยวปิดท้ายตอนขากลับก็ได้ตามสะดวกเลยไม่ว่ากันอยู่แล้วจ้า
การเดินทาง
เดินทางมาถึงซัปโปโรที่ New Chitose Airport ถึงสนามบินแล้วเดินขึ้น Domestic Terminal Building ชั้น 3
สวนชิโร่ยโคยบิโตะ (Shiroi Koibito Park)
มาเที่ยวซัปโปโรก็ต้องไม่พลาดสวนชิโร่ยโคยบิโตะ (Shiroi Koibito Park) ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานทำช็อกโกแลตชิโร่ยโคยบิโตะ ของฝากท็อปฮิตของฮอกไกโดนั่นเอง ซึ่งหลายคนก็คงรู้จักกันดีอยู่แล้ว
Shiroi Koibito ที่ว่าก็คือคุ้กกี้รูปสี่เหลี่ยมอบกรอบนุ่มกำลังดี ขอบสีน้ำตาล สอดไส้ไวท์ช็อกโกแลตกับอีกแบบสอดไส้แบล็คช็อกโกแลต เราสามารถเข้าไปชมวิธีทำชิโร่ยโคยบิโตะในแต่ละขั้นตอน ศึกษาความรู้ในส่วนของพิพิธภัณฑ์แนะนำการผลิตช็อคโกแลต แวะชิมขนมในคาเฟ่ และซื้อช็อกโกแลตติดมือเป็นของฝากจากที่นี่ได้เลย นอกจากโรงงานทำช็อกโกแลตแล้วก็ยังมีสวนดอกไม้ สวนสนุกให้เที่ยวเล่น และร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ไว้รองรับนักท่องเที่ยวด้วย
เวลาทำการ
09.00 - 18.00 น.
ค่าเข้าชม
600 เยน
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสาย Tozai จากสถานี Odori ไปลงสถานี Miyanosawa แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาที
สวนโอโดริ (Odori Park)
สวนโอโดริ (Odori Park) เป็นสวนขนาดใหญ่อยู่ใจกลางเมืองซัปโปโร ลักษณะของสวนคล้ายกับเกาะกลางถนนขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นเส้นแบ่งเขตเมืองฝั่งเหนือกับฝั่งใต้ ในสวนปลูกพรรณไม้ไว้นานาชนิดรวมทั้งต้นซากุระด้วย ปกติใช้เป็นที่จัดงานเทศกาลดอกไม้นานาชาติช่วงฤดูร้อนและเทศกาลหิมะซัปโปโร (Sapporo Snow Festival) จากสวนเราสามารถเดินไปเที่ยวได้หลากหลายที่ เช่นหอนาฬิกา (Sapporo Clock Tower) ที่มีการจัดเป็นพิพิธภัณฑ์สองชั้น ใครที่มาซัปโปโรต้องแวะมาถ่ายรูปที่จุดนี้กัน และถ้าเดินมาทางตะวันออกของสวนโอโดริก็จะเป็น Sapporo TV Tower เป็นอีกจุดชมวิวยอดฮิต ถ้าใครอยากชมวิวเมืองซัปโปโรในมุมสูงก็ต้องขึ้นไปบนหอนี้ล่ะ
เวลาทำการ
เปิดตลอด
ค่าเข้าชม
ฟรี
ถ้าจะเข้า Sapporo TV Tower เสียค่าเข้า 720 เยน
เปิด 09.00 - 22.00 น.
ถ้าจะเข้าไปชม Sapporo Clock Tower เสียค่าเข้า 200 เยน
เปิด 08.45 - 17.10 น.
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Tozai หรือ Nanboku หรือ Toho ลงสถานี Odori ออกมาก็เจอสวนโอโดริทันที
พิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Museum)
ถ้าเป็นคอเบียร์คงรู้จักซัปโปโรเบียร์แน่ แต่ถึงไม่ใช่คอเบียร์ก็น่าจะเคยได้ยินกันมาบ้าง เบียร์ของญี่ปุ่นนั้นผลิตกันที่ฮอกไกโดเป็นครั้งแรก และเมืองซัปโปโรก็เป็นแหล่งผลิตเบียร์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศเลยล่ะ ดังนั้นใครมาเที่ยวซัปโปโรก็ไม่ควรพลาดพิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Museum) เพราะจะได้ทำความรู้จักเบียร์ของฮอกไกโดที่มีชื่อเสียงระดับโลก พิพิธภัณฑ์มีอยู่ 3 ชั้นด้วยกัน ชั้น 1 มีเลาจ์ให้บริการชิมเบียร์ชนิดต่างๆ ส่วนชั้น 2 กับชั้น 3 จัดแสดงกระบวนการผลิตเบียร์และให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเบียร์ อย่าลืมมาชมกันให้ได้นะ
เวลาทำการ
11.30 - 20.00 น.
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
ขึ้นรถบัส Loop 88 Factory Line bus จากสถานี Odori หรือที่หน้าห้างสรรพสินค้า Seibu ใกล้กับสถานี Sapporo
โดโฮกุ (DOHOKU) ภาคเหนือของฮอกไกโด
ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไปกันก็คือพื้นที่ทางเหนือของฮอกไกโด ในฤดูร้อนบรรดาดอกไม้ต่างๆจะบานสะพรั่งสวยงามโดยเฉพาะดอกลาเวนเดอร์ ซึ่งเป็นจุดขายอย่างหนึ่งของฮอกไกโดเลยทีเดียว คนมาออกทริปดูลาเวนเดอร์กันแถวๆ ฟุราโนะเยอะมากทุกปี อย่างเช่น ฟาร์มโทมิตะที่โด่งดัง แต่เดี๋ยวเราค่อยไปชมดอกไม้กันทีหลัง ไปดูที่เที่ยวอื่นกันก่อน โดยเฉพาะที่เมืองวักกะไน (Wakkanai) กับเกาะริชิริ (Rishiri Island)
สวนสัตว์อาซาฮิยามะ (Asahiyama Zoo) เป็นสวนสัตว์ชื่อดังอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่เมืองอาซาฮิกาวะ (Asahikawa) ไฮไลท์ของที่นี่คือการจัดแสดงน้องสัตว์ทั้งหลายต่างกับที่อื่นๆ คือเขาออกแบบให้จุดที่สัตว์อยู่ใกล้เคียงธรรมชาติที่สุด ไม่ได้เป็นกรงสี่เหลี่ยมให้สัตว์อยู่ในกรงเดินไปเดินมาให้เราถ่ายรูป แต่เราจะได้สัมผัสชีวิตและพฤติกรรมของพวกน้องๆ ได้แบบ 360 องศา มองได้รอบทิศทาง เช่นถ้าเป็นสัตว์ที่ใช้ชีวิตอยู่ในน้ำหรือว่ายน้ำได้ก็เป็นทางเดินอุโมงค์ใต้น้ำใสๆ ให้เราชมน้องได้รอบตัว หมีขาวกับเพนกวินเป็นตัวเอกของที่นี่เลยก็ว่าได้ หรือถ้าเป็นโซนป่าเราก็เดินชมแบบโล่งๆโดยมีสะพานลอยฟ้าใกล้ต้นไม้ให้พวกลิงกับแพนด้าแดงโหนข้ามไปมาได้อิสระเป็นต้น ยังมีอีกหลายโซนที่ดีไซน์ให้เราสามารถใกล้ชิดกับสัตว์ได้ ต้องลองไปชมกันดู
เวลาทำการ
ปลายเดือนเมษายน - กลางเดือนตุลาคม 09.30 - 17.15 น.
กลางเดือนตุลาคม - ต้นเดือนพฤศจิกายน 09.30 - 16.30 น.
กลางเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนเมษายน 10.30 - 15.30 น.
วันหยุด
วันที่ 30 ธันวาคม - 1 มกราคม
ค่าเข้าชม
820 เยน
การเดินทาง
จากสถานี JR Asahikawa ขึ้นรถบัสสาย 41 หรือ 42 หรือ 47 ที่ป้ายหมายเลย 6 ไปลงหน้าสวนสัตว์ Asahiyama
แหลมโซยะ (Cape Soya) จุดเหนือสุดของญี่ปุ่น
เรามาเที่ยวโซนเหนือของจังหวัดฮอกไกโด ดังนั้นเราก็ต้องไปให้สุดอย่าหยุดอยู่แค่สวนสัตว์ เราจะไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกตรงอนุสาวรีย์ที่แหลมโซยะ (Cape Soya) เมืองวักกะไน (Wakkanai) ซึ่งเป็นจุดที่อยู่เหนือสุดในประเทศญี่ปุ่นกัน ต้องบอกว่าถ้ามาไม่ถึงแลนค์มาร์กของวักกะไนนี้ถือว่าพลาดนะจ๊ะ เพราะเราจะได้ถ่ายรูปเก๋ๆ ไปให้ใครต่อใครดูได้ว่าฉันเนี่ยมาถึงจุดเหนือสุดยอดของญี่ปุ่นแล้ว อีกอย่างทิวทัศน์ที่แหลมโซยะก็สวยมากด้วย ไม่ไกลจากอนุสาวรีย์จุดเหนือสุดมีรูปปั้นมามิยะ รินโซ (Mamiya Rinzo) ที่เป็นนักสำรวจชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในปลายยุคโชกุน หันหน้าไปทางทิศที่เป็นที่ตั้งของเกาะซาคาลินของประเทศรัสเซีย (Sakhalin island) ที่เพียงข้ามทะเลไปอีกฝั่งก็ถึง ซึ่งเขานี่เองที่เป็นผู้ค้นพบเกาะซาคาลิน
เวลาทำการ
เปิดตลอด
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
ขึ้นรถบัส Soya Bus จากสถานี Wakkanai ไปลงป้าย Omisaki Shogakko-mae
เกาะริชิริ (Rishiri Island) ฟูจิกลางทะเล
อีกที่เที่ยวยอดนิยมสุดๆ ของฝั่งเหนือจังหวัดฮอกไกโดต้องยกให้นี่เลย เกาะริชิริ (Rishiri Island) เกาะที่มีลักษณะเป็นรูปวงกลม อยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติริชิริ-เรบุน-ซาโรเบ็ตสึ (Rishiri-Rebun-Sarobetsu National Park) โดยไฮไลท์ของที่นี่ก็คือการมาชมความงามของภูเขาไฟริชิริ ภูเขาไฟที่ดับมอดไปแล้วซึ่งอยู่ใจกลางของเกาะ และติดอันดับ 1 ใน 100 ภูเขาที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นซะด้วย
ภูเขาไฟชิริชินี้ได้รับการขนานนามว่าริชิริฟูจิ เพราะรูปลักษณ์ที่งดงามละม้ายคล้ายคลึงกับภูเขาไฟฟูจิที่ตั้งอยู่กลางทะเลนั่นเอง ถ้าอยากได้จุดชมวิวภูเขาไฟชิริชิสวยๆ ต้องไปที่บึงโอตาโตมารินุมะ (Otatomarinuma Pond) ทัศนียภาพสวยงามเหมาะกับการถ่ายรูป นอกจากกิจกรรมถ่ายรูปแล้วยังมีสวนสาธารณะเซ็มโบชิมิซากิ (Senboshimisaki Park) ซึ่งมีแมวน้ำป่าและกิจกรรมให้เราซื้ออาหารไปให้แมวน้ำได้ พวกมันน่ารักมากๆเลยล่ะ และส่วนใหญ่ที่มาที่นี่กันเพราะอยากสัมผัสกับธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ จึงมีนักท่องเที่ยวสายเดินป่า และผู้ที่ชอบขี่จักรยานชมวิวตั้งเป้ามาที่เกาะริชิริกัน และเมื่อมาแล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ สำหรับจักรยานเราสามารถขนขึ้นเรือเฟอร์รี่ได้สบายๆ
เวลาทำการ
15 เมษายน – 15 ตุลาคม
08.00 - 18.00 น.
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
ขึ้นเรือ Heartland Ferry จากฝั่งวักกะไนไปที่ท่า Oshidomari Port ของเกาะริชิริ
บ่อน้ำสีฟ้า (Aoi Ike)
บ่อน้ำสีฟ้า (Aoi Ike) ของเมืองบิเอ (Biei) เป็นที่เที่ยวอันซีนที่งดงามขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งของจังหวัดฮอกไกโด เกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อนป้องกันโคลนถล่มบริเวณภูเขาไฟแถบนั้น แร่อลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ที่อยู่ในน้ำสะท้อนกับแสงแดดที่ส่องลงมาทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่น้ำในบ่อเป็นสีฟ้าสดใส เราสามารถมาเที่ยวชมความงามของบ่อน้ำได้ตลอดทั้งปี ในฤดูหนาวรอบๆบ่อน้ำจะกลายเป็นทุ่งหิมะสีขาว และจะมีการจัดงานประดับแสงสี Winter Illumination ที่สวยงามน่าประทับใจด้วย
เวลาทำการ
เปิดตลอด
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
ขึ้นรถบัสสาย Biei-Shirogane Onsen จากสถานีรถไฟ JR Biei ไปลงที่ Shirogane Aoiike Iriguchi
ฟาร์มลาเวนเดอร์ต่างๆในเมืองฟุราโนะ (Furano)
แล้วก็มาถึงเมืองฟุราโนะที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวหลายๆคนที่ต้องการมาชมดอกไม้สวยๆที่ฮอกไกโด ฟุราโนะเป็นเมืองที่ธรรมชาติสมบูรณ์ ทัศนียภาพงดงาม และโด่งดังเรื่องทุ่งดอกไม้หลากสี แต่ที่เป็นตัวท็อปของไฮไลท์ทั้งหลายก็คือดอกลาเวนเดอร์ ซึ่งปลูกกันมากในเมืองนี้ทั้ง Kita-Furano Naka-Furano และ Minami-Furano แต่ละฟาร์มก็อยู่ไม่ไกลกันมาก
หนึ่งในฟาร์มที่หลายคนรู้จักกันดีก็คือฟาร์มโทมิตะ (Farm Tomita) ที่ปลูกดอกไม้เป็นแถบริ้วสลับสีกันคล้ายสีรุ้ง เหมือนเป็นสัญลักษณ์อันดับต้นๆ ของฮอกไกโดที่ไม่ว่าหนังสือนำเที่ยวเล่มไหนเมื่อเขียนถึงฮอกไกโดจะต้องเอาภาพทุ่งดอกไม้ริ้วสีนี้มาลงให้สะดุดตา ฟาร์มโทมิตะนี้นอกจากจะมีทุ่งดอกไม้ให้ชมแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากดอกไม้มาผสมด้วย โดยเฉพาะดอกลาเวนเดอร์ มีน้ำหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ สบู่ โลชั่นบำรุงผิว แล้วยังมีคาเฟ่บริการอีกด้วย อย่าลืมไปอุดหนุนซอฟท์ครีมรสลาเวนเดอร์ของเขาหน่อยล่ะ
เวลาทำการ
08.30 - 18.00 น.
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
-ขึ้นรถไฟสาย JR Furano ลงสถานี Nakafurano แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 25 นาที
-ขึ้นรถไฟสาย JR Furano ลงสถานี Lavenderbatake ถึงทุ่งดอกลาเวนเดอร์ Lavender East (เดินจากฟาร์มโทมิตะมาประมาณ 7 นาที)