แลนด์มาร์กสำคัญแห่งเมืองนาโกย่าที่มาเมืองนี้แล้วต้องมาปักหมุดให้ได้ไม่งั้นเหมือนมาไม่ถึง ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในยุคเริ่มต้นสมัยเอโดะ โดยท่านโชกุน โทคุกาวะ อิเอยาสึ ในปี ค.ศ. 1612 ที่นี่ได้รับการบูรณะหลายครั้งเนื่องจากสงครามบ้าง ความทรุดโทรมบ้าง และเสียหายที่สุดหลังถูกเพลิงไหม้จนเสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการบูรณะใหม่จนเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

ตัวปราสาทถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองนาโกย่า รวมถึงรูปสลักปลาหัวเสือทองคำ “Kinshachi” ที่อยู่บนปราสาท ซึ่งเป็นเครื่องรางป้องกันอัคคีภัย ตัวปราสาทหลักมีทั้งหมด 7 ชั้น ปัจจุบันเป็นอาคารคอนกรีตสมัยใหม่ ภายในมีพิพิธภัณฑ์ที่ทันสมัย จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของปราสาท ส่วนด้านนอกก็จะมีสวนหย่อมรอบปราสาทแบ่งเป็น 2 ชั้น คือ คูเมืองและกำแพงป้อมปราการ ซึ่งเป็นจุดชมดอกซากุระบานในช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายนที่โด่งดังและงดงาม ถ้าได้ไปแชะภาพคู่กับซากุระสีชมพู ที่มีฉากหลังเป็นปราสาทนาโกย่า ก็คงเรียกได้ว่าอวดใครได้ไม่เบื่อตลอดชีวิตแน่ๆ

ค่าเข้าชม: 500 เยน
เวลาเปิด-ปิด: 9:00-16:30 น.(เข้าชมก่อน 16:00)
วันปิดทำการ: วันที่ 29 ธันวาคม - 1 มกราคม
หากอยู่ในระหว่างซ่อมแซมจะปิดทุกวันอังคาร และวันพฤหัสบดี
วิธีการเดินทาง: จากสถานีนาโกย่า นั่งรถไฟใต้ดินสาย Higashiyama ไปลงที่สถานี Sakae แล้วเปลี่ยนไปนั่งสาย Meijo ไปลงที่สถานี Shiyakusho เดินไปประมาณ 3 นาที หรือนั่งรถบัส Meguru tourist loop จากสถานีนาโกย่าไปประมาณ 25 นาที

ที่นี่ก่อตั้งมากว่า 400 ปี เป็นถนนการค้าที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ด้วยมนต์เสน่ห์ของบรรยากาศย่านการค้าแบบดั้งเดิม มีร้านค้าน้อยใหญ่เรียงรายกว่า 1,200 ร้านไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านขายสินค้าทันสมัย ร้านค้าแฟชั่นไม่ว่าจะเป็นน้ำหอม, เสื้อผ้า, เครื่องสำอาง และรองเท้าสารพัดยี่ห้อดังและที่สำคัญคือราคาถูกมาก นอกจากนี้แล้วก็ยังเป็นแหล่งรวมเทคโนโลยี อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, ชุดคอสเพลย์, การ์ตูนอะนิเมะ ฯลฯ ที่พร้อมจะให้คุณได้ละลายทรัพย์ได้ในเสี้ยววินาที นอกจากนี้ที่นี่ยังมีศาลเจ้า Osu Kannon เป็นศูนย์รวมใจชาวตลาด ทั้งยังเป็นที่สักการะเจ้าแม่กวนอิมที่คนที่นี่เชื่อว่าเป็นสิ่งที่นำพาให้นาโกย่าเติบโตรุ่งเรืองมาได้นั่นเอง

การเข้าชม
เวลาเปิด-ปิด: ร้านค้าส่วนใหญ่เปิดในช่วง 11.00 - 20.00 น.
วันปิดทำการ: ไม่มี แล้วแต่ร้านค้า

ถ้าเป็นรายชื่อการจัดอันดับจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น "โครังเค" ต้องมีชื่อติดโผในอันดับต้นๆ ด้วยหุบเขาแห่งนี้เป็นที่ตั้งของวัด Kojakuji ที่รอบๆวัดจะเต็มไปด้วยต้นเมเปิ้ล ซึ่งจุดที่สวยที่สุดที่เรามักจะเห็นในโปสการ์ดก็คือเส้นทางริมแม่น้ำ Tomoe ที่อยู่ทิศตะวันตกและทิศใต้ของภูเขา ซึ่งมีสะพานไม้ Taigetsukyo อันเป็นสัญลักษณ์ประจำโครังเค ซึ่งเทศกาลใบไม้แดงจะมีขึ้นประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ซึ่งที่นี่เค้าก็จะมีการประดับไฟ และแสดงดนตรีที่พื้นที่โล่ง Korankei Hiroba ให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำบรรยากาศอีกด้วย

ค่าเข้าชม: 300 เยน
เวลาเปิด-ปิด: 09.00-17.00 น.
วิธีการเดินทาง: การเดินทางที่สะดวกที่สุดจากสถานีนาโกย่า นั่งรถไฟสาย Meitetsu Nagoya ไปลงที่สถานี Higashi Okazaki ใช้เวลา 30 นาที 660 เยน แล้วต่อรถบัสสาย Meitetsu ไปยัง Korankei ใช้เวลา 70 นาที 800 เยน

พิพิธภัณท์หลากหลายของโตโยต้าที่ตั้งอยู่ในจังหวัดไอจิหลักๆมีอยู่สามที่ เราจะได้สัมผัสและรับรู้ถึงตำนานและเทคโนโลยีทั้งเก่าและใหม่ที่ทำให้มีแบรนด์โตโยต้า ว่าทำไมแบรนด์นี้ถึงได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้

ตั้งแต่พิพิธภัณฑ์ Toyota Kaikan ที่ภายในจัดแสดงผลิตภัณฑ์จากบริษัทโตโยต้ารุ่นใหม่ๆ และเทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงหุ่นยนต์ และที่นี่ยังสามารถเข้าชมทัวร์โรงงานโตโยต้าด้วยเวลา 2 ชม.(ต้องจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์หรือโทรศัพท์)

พิพิธภัณฑ์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีโตโยต้า ที่จะทำให้เราทราบประวัติของโตโยต้า ที่เริ่มต้นมาจากการผลิตเครื่องจักรสิ่งทอ ก่อนจะมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์ในทุกวันนี้ รวมถึงจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเทคโนโลยียานยนต์ต่างๆ และกระบวนการผลิตรถยนต์แต่ละคัน

พิพิธภัณฑ์รถยนต์โตโยต้า ที่เป็นโชว์รูมขนาดย่อม เน้นการรวมรถยนต์รุ่นต่างๆของโตโยต้าที่ผลิตตั้งแต่อดีตมาจนทุกวันนี้ ที่มีครบแทบทุกรุ่นที่ทำขายไปทั่วโลก เรียกได้ว่าเต็มอิ่มสำหรับคนรักรถ เหมาะกับคนที่อยากดูรุ่นรถเยอะๆ

พิพิธภัณฑ์หลักและทัวร์โรงงาน (Toyota Kaikan)
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาเปิด-ปิด: 9:30-17:00 น. (หากต้องการทัวร์โรงงาน ต้องสำรองล่วงหน้า)
วันปิดทำการ: วันเสาร์-อาทิตย์ในช่วงปีใหม่ วันหยุดตามเทศกาล
วิธีการเดินทาง: จากสถานี Toyota-shi นั่งรถบัสสาย Toyota Kinen Byoin เพื่อไปลงที่ป้ายToyota Honsha-mae

พิพิธภัณฑ์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี (Toyota Techno Museum)
ค่าเข้าชม: 500 เยน
เวลาเปิด-ปิด: 9:30-17:00 น.
วันปิดทำการ: ทุกวันจันทร์และวันหยุดตามเทศกาล
วิธีการเดินทาง: จากสถานีนาโกย่าเดินไปประมาณ 20 นาที หรือนั่งรถไฟ Meitetsu ลงที่สถานี Sako แล้วเดินต่อเพียง 300 เมตร

พิพิธภัณฑ์รถยนต์ (Toyota Automobile Museum)
ค่าเข้าชม: 1,000 เยน
เวลาเปิด-ปิด: 9:30-17:00 น.
วันปิดทำการ: ทุกวันจันทร์และวันหยุดตามเทศกาล
วิธีการเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย Higashiyama Subway จากสถานีนาโกย่ามาสุดสาย ลงที่สถานี Fujigaoka ต่อรถไฟ Linimo elevated ไปลงที่สถานี Geidai-dori

เป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับรถไฟของญี่ปุ่นที่อยากแนะนำมาก เพราะที่นี่เค้าได้รวบรวมความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าของรถไฟความเร็วสูงในประเทศญี่ปุ่นเอาไว้ รวมถึงประวัติศาสตร์ของรถไฟตั้งแต่อดีต ทั้งยังมีการจัดแสดงรถไฟต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ รถไฟ Shinkansen ที่ได้บันทึกความเร็วไว้เป็นสถิติโลก และรถไฟแม่เหล็กหรือ Maglev ทดสอบรุ่นล่าสุด โดยรวมเอาไว้ในที่เดียวและมีการจัดแสดงในรูปแบบที่ไม่น่าเบื่อ

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นของบริษัท Central Japan Railways (JR Central) เปิดให้เข้าชมในปี 2011 โดยมีไฮไลท์เป็นคอลเลคชั่นรถไฟ 39 ขบวนที่ปลดออกจากการใช้งานที่เราสามารถเข้าชมภายในและชมข้างใต้ได้ด้วย พร้อมกับนิทรรศการอธิบายส่วนต่างๆของรถไฟที่เกี่ยวกับการใช้งานและการบำรุงรักษา บนชั้นสองจะเป็นศูนย์เรียนรู้การรถไฟสำหรับเด็กๆ โดยสามารถทดลองขับรถไฟจำลองทั้งรถไฟธรรมดาและShinkansen (มีค่าใช้จ่าย 100 เยนและ 500 เยน และต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้าที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์) โอกาสแบบนี้ไม่ควรพลาดมากๆ โดยเฉพาะคนรักรถไฟทุกท่าน

ค่าเข้าชม: 1,000 เยน
เวลาเปิด-ปิด: 10:00-17:30 น.(เข้าชมก่อน 17:00)
วันปิดทำการ: ทุกวันอังคาร, วันที่ 28 ธันวาคม - 1 มกราคม
วิธีการเดินทาง:จากสถานีนาโกย่า นั่งรถไฟสาย Aonami ไปลงที่สถานี Kinjofuto

ที่นี่นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิปใกล้นาโกย่าที่ปังมากๆ เพราะรีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะ Nagashima ที่อยู่แถบชานเมืองนาโกย่านั่นเอง แม้เค้าจะเรียกกันว่ารีสอร์ทแต่ดูฟังค์ชั่นแล้วเหมือนจะเป็นธีมปาร์คขนาดย่อมๆ ที่รวมกิจกรรมหลากหลายโซนไว้ด้วยกันในที่เดียว เช่น

สวนสนุก Nagashima Spaland ที่ขึ้นชื่อว่ามีรถไฟเหาะมังกรเหล็กที่ยาวรอบสวนและที่สนุกที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีเครื่องเล่นอื่นๆอีกว่า 40 ชนิด สำหรับคนชอบความตื่นเต้นท้าทาย

Nagashima Spa Yuami no Shima สวนน้ำพุร้อน ถูกใจสายชิล ที่สามารถแช่ออนเซนสบายๆทั้งแบบในร่มและกลางแจ้ง ตั้งอยู่ท่ามกลางวิวธรรมชาติ

แหล่งช้อปปิ้ง Mitsui Outlet Park Jazz Dream Nagashima ที่เป็นห้างร้านขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ข้างๆสวนสนุกสปาแลนด์ ภายในมีร้านค้ากว่า 240 ร้าน ซึ่งมีทั้งแบรนด์ในประเทศและต่างประเทศ เช่น ร้านเสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา และอื่นๆอีกมากมาย

สวนดอกไม้ Nabana no Sato ซึ่งอยู่ห่างจากโซนอื่นๆออกไป แยกออกมาเป็นสวนของตัวเอง (จะมีรถบัสไว้คอยบริการ) โดยมีดอกไม้หลากหลายชนิดงดงามตลอดทั้งปี ทุกฤดูใบไม้ผลิก็จะจัดเทศกาลดอกไม้ ในฤดูหนาวตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนมีนาคมจะตกแต่งด้วยไฟสีสันสวยงาม และมีหอชมวิวเคลื่อนที่ที่จะชมวิวเหนือสวนสาธารณะทั้งหมดได้ วิวอลังการล้านแปดมากๆ เรียกได้ว่ามาที่นี่ครบทุกสิ่งที่ต้องการ

สวนสนุกนางาชิมะสปาแลนด์ (Nagashima Spaland)
ค่าใช้จ่าย: 5,700 เยน (ตั๋วเข้าสวนสนุก + เครื่องเล่นในสวนสนุกและสวนน้ำไม่จำกัดครั้ง)
เวลาเปิด-ปิด: โลว์ซีซั่น 9:30-17:00 น.
ไฮซีซั่น 9:30-19:30 ดูรายละเอียดได้จากเว็บไซต์
วันปิดทำการ: ช่วงเดือนมกราคม และมิถุนายน จะปิด 2-3 วัน
สวนน้ำปิดทำการช่วงปลายเดือนกันยายน-ปลายเดือนมิถุนายน

น้ำพุร้อนนางาชิมะสปายูอามิโนะชิมะ (Nagashima Spa Yuami no Shima)
ค่าใช้จ่าย: 2,100 เยน
เวลาเปิด-ปิด: 9:30-23:00 น. (วันธรรมดาในฤดูหนาวเปิด 10:00) เข้าก่อนเวลา 22:00 น.
วันปิดทำการ: ช่วงเดือนมกราคม และมิถุนายน จะปิด 2-3 วัน

Mitsui Outlet Park Jazz Dream Nagashima
เวลาเปิด-ปิด: 10:00-20:00 น.
ค่าใช้จ่าย:ฟรี
วันปิดทำการ: ไม่แน่นอน

สวนดอกไม้นาบานาโนะซาโตะ (Nabana no Sato)
ค่าเข้าชม: 1,600 เยน (ฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง)
1,000 เยน (ฤดูร้อน)
2,100 เยน (ฤดูหนาว)
เวลาเปิด-ปิด: 9:00-21:00 น.(ฤดูหนาวปิด 22:00)
วันปิดทำการ: เดือนกรกฎาคมปิด 2-3 วัน

วิธีการเดินทาง: จากสถานีนาโกย่านั่งรถบัส Meitetsu สายที่ไป Nagashima Onsen เลือกลงรถที่ Nabana no Sato หรือ Nagashima Onsen แล้วแต่ว่าอยากไปที่โซนไหน

การเดินทางระหว่าง Nabana no Sato กับ Nagashima Onsen: ใช้เวลา 15 นาที ค่าใช้จ่าย 440 เยน

ผู้เขียน: Suphatthra
เป็นคนที่รักการเขียน รักการอ่าน รักการออกไปดูโลกกว้าง เฮฮา บ้าบอ ขาลุย และรักญี่ปุ่น