หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวสำคัญที่ครองตำแหน่งเมืองใหญ่อันดับหนึ่งประจำภูมิภาค Chubu ตั้งอยู่ในจังหวัด Aichi ที่จุดกึ่งกลางของประเทศญี่ปุ่นพอดี และมีประชากรมากเป็นอันดับสี่ของญี่ปุ่น

เมืองนาโกย่านี้เป็นที่คนรู้จักของใครหลายๆคนในฐานะที่มีสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอย่างปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle) เป็นแหล่งประมงที่มีชื่อเสียง และยังเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่มีฐานการผลิตรถยนต์โตโยต้า, ยานอวกาศ, เครื่องจักร ฯลฯตั้งอยู่มากมาย พร้อมทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวในหลากหลายหมวดหมู่ไม่ว่าจะสายประวัติศาสตร์หรือสายนักชิมก็มีของอร่อยๆที่โดดเด่นให้ได้ลองกัน และด้วยทำเลที่ตั้งอันอยู่กึ่งกลางของประเทศ ที่นี่จึงเป็นจุดตั้งต้นที่ดีในการที่จะเดินทางไปเที่ยวสถานที่ดังๆอยู่รอบๆ อย่าง ทาคายาม่า (Takayama) หรือชิราคาวาโก (Shirakawa-go) ก็แสนสะดวก ระยะห่างจากทั้งโตเกียวและโอซาก้าก็กำลังดี สามารถนั่งรถไฟไปได้โดยไม่เหนื่อยเกินไป

1.รถไฟใต้ดิน
เป็นวิธีการเดินทางที่สะดวกสบายที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยจะมีทั้งหมด 6 สาย ได้แก่ สาย Higashiyama, สาย Meijo, สาย Meiko, สาย Tsurumai, สาย Sakuradori, และสาย Kami-iida ที่ค่อนข้างครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆภายในเมือง สามารถนั่งต่อๆกันมาบรรจบที่สถานีรถไฟนาโกย่าได้ง่าย ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 200 เยนต่อเที่ยว (เด็ก 100 เยน) และมีตั๋ว 1 day-pass 740 เยน

2. รถบัส Meguru
เป็นบัสเส้นทางแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยว เชื่อมต่อระหว่างสถานีนาโกย่าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองได้หลากหลาย เช่นพิพิธภัณฑ์และโรงงานโตโยต้า (Toyota Factory Tour and Museum), สวน Noritake, ปราสาทนาโกย่า, พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Tokugawa และห้างสรรพสินค้า Sunshine Sakae เป็นต้น รถบัสจะออกจากสถานีนาโกย่าทุกๆ 30 นาที และจะหยุดให้บริการทุกวันจันทร์ ค่าโดยสาร 210 เยนต่อเที่ยว หรือใช้ตั๋ว 1 day-pass ราคา 500 เยน

3.รถไฟสายอื่นๆ
ที่นาโกย่าเองก็มีรถไฟหลายสายให้ได้เลือกขึ้น อย่างรถไฟสาย Aonami เป็นรถไฟที่วิ่งในเมืองจากสถานีนาโกย่าไปยังสถานี Kinjo Futo ในบริเวณอ่าวนาโกย่า, รถไฟสาย Meitetsu ที่จะวิ่งออกจากสถานี Meitetsu Nagoya (ชั้นใต้ดินของสถานีรถไฟ JR) ไปยังพื้นที่นอกเมืองของนาโกย่าหลากหลาย อย่างเช่นสาย Inuyama จะวิ่งไปยังเมือง Inuyama, สาย Toyota วิ่งไปยังเมือง Toyota และ สาย Airport วิ่งไปยังสนามบิน เป็นต้น

1.รถไฟ JR
รถไฟ JR ที่เชื่อมต่อนาโกย่าคือสาย Tokaido Shinkansen วิ่งไปยังจังหวัดอื่นๆได้มากมายตั้งแต่โตเกียว เกียวโต โอซาก้า ฟุกุโอกะ และยังมีรถไฟสายอื่นที่ผ่านนาโกย่ามากมาย เช่นสาย Tokaido Main Line หรือสาย Chuo ที่วิ่งไปยัง Kiso / Nagano, หรือสาย Kansai Main Line วิ่งไปทาง Ise, Nara, Osaka และสาย Takayama ที่วิ่งไปยังเมืองทาคายามะนั่นเองเหมาะสำหรับการเดินทางไปยังเมืองรองรอบๆ

2.รถไฟ Linimo
เป็นรถไฟแม็กเลฟแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่น ที่สร้างขึ้นในเดือนมีนาคม ปี 2005 วิ่งระหว่างสถานี Fujigaoka กับสถานี Yakusa ซึ่งเปิดให้ใช้บริการเดินทางไปยังพื้นที่งาน Expo ปี 2005 และยังเป็นที่นิยมใช้เดินทางภายในเมืองจนปัจจุบัน

*แนะนำการเดินทางจาก Osaka*
นั่งรถไฟ JR สาย Tokaido Shinkansen จากสถานี Shin-Osaka ใช้เวลาประมาณ 50-70 นาที ค่าโดยสาร 5,830-6,500 เยน สามารถใช้ตั๋ว JR Pass สำหรับรถไฟ Hikari กับ Kodama ได้ หรือใครจะใช้ตั๋ว Puratto Kodama Economy Plan สำหรับโดยสารรถไฟ Kodama ก็ยิ่งถูกลง เหลือเพียง 4,300 เยน แต่ต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน
หรือจะนั่งรถบัสจากสถานี Shin-Osaka ก็ได้ ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 2,000-3,000 เยน/เที่ยว หรือใช้ตั๋ว Willer Express เป็นส่วนลดเหลือประมาณ 2,000 เยน

*แนะนำการเดินทางจาก Tokyo*
นั่งรถไฟ JR สาย Tokaido Shinkansen จากสถานีโตเกียว ใช้เวลาประมาณ 100-180 นาที ค่าโดยสาร 10,360-11,00 เยน สามารถใช้ตั๋ว JR Pass สำหรับรถไฟ Hikari และรถไฟ Kodama ได้ หรือตั๋ว”Puratto Kodama Economy Plan” สำหรับโดยสารรถไฟ Kodama ในราคาเพียง 8,100 เยน แต่ต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน
หรือจะนั่งรถบัสก็ได้ ใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง ค่าใช้จ่าย 2,000-5,000 เยน/เที่ยว มีทั้งเที่ยวกลางวันและกลางคืน สามารถใช้ตั๋ว Willer Express เป็นส่วนลดได้เหลือประมาณ 3,000 เยน

ที่นาโกย่าจะมีสนามบินประจำเมืองคือ Chubu Centrair International Airport หรือ Central Japan International Airport นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถนั่งเครื่องบินตรงมาจากกรุงเทพมาลงที่นี่โดยตรงได้เลย มีทั้งสายการบินแบบ Full Service และแบบ Low Cost

พอลงเครื่องมาแล้วจะเดินทางจากสนามบินเข้าตัวเมือง ก็มีให้เลือกหลักๆอยู่ 3 วิธี คือนั่งรถไฟ Meitetsu ใช้เวลาประมาณ 28 – 48 นาที หรือนั่งรถบัส Meitetsu ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที หรือนั่งแท็กซี่ค่าโดยสารประมาณ 12,000 เยน

ที่นาโกย่านี้ต้องเป็นที่ถูกใจสายแข็งนักกินเป็นแน่ๆ เพราะนอกจากที่นี่จะมีอาหารชื่อดังหลายอย่าง เรื่องกินจุต้องไว้ใจเค้า เพราะอาหารของที่นี่มักจะมาด้วยไซส์ใหญ่เบิ้มท้าทายคนกระเพาะเหล็ก

Hitsumabushi ข้าวหน้าปลาไหลที่เป็นเอกลักษณ์ยิ่งกว่าที่อื่นในญี่ปุ่น กินมื้อเดียวอร่อยได้ 3 แบบ ทั้งกินกับข้าวแบบธรรมดา ตามด้วยลองกินแบบโรยเครื่องเทศอย่างวาซาบิ, หอม, สาหร่าย ฯลฯ โดยสามารถปรุงได้ตามใจฉัน และสุดท้ายปิดด้วยการราดน้ำชาลงไป คล้ายข้าวแช่น้ำชา อร่อยล้ำตามแบบฉบับนาโกย่า

Ebi-Furai กุ้งชุบแป้งทอดไซส์ยักษ์ซึ่งนิยมทานกับทาร์ทาร์ซอส ที่มีขายหลายที่แต่ของแท้ต้องมาลองที่นาโกย่าเท่านั้น

Nagoya Cochin ไก่บ้านนาโกย่า อันเลื่องชื่อ เพราะมีเนื้อสีแดง,มีไขมันกำลังดี,เนื้อเหนียวนุ่ม,รสชาติเข้มข้น สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลายชนิด อย่างเช่นสุกี้ยากี้ไก่ที่เรียกว่า Hikitsuri Nabe (หม้อไฟ) เป็นต้น

Tebasaki ปีกไก่ทอด ซึ่งหลายคนอาจจะเคยเห็นร้านชื่อ Yamachan ที่มีสาขาในไทย ก็มีต้นกำเนิดจากที่นี่

Misokatsu ข้าวหมูทอด Tonkatsu แต่เพิ่มเติมด้วยการราดด้วยซอสมิโสะแทนซอสทงคัทสึ ซึ่งพอราดกับหมูทอดมันผสมกลมกลืนกัน หวานๆเค็มๆลงตัวกว่าที่คิดมากๆ ใครที่ชอบรสหวานในอาหารคาวรับรองว่าต้องถูกใจ