ถ้าเอ่ยถึงจังหวัดไอจิ บางคนอาจจะรู้จัก บางคนอาจจะส่ายหน้านึกไม่ออก แต่ถ้าเอ่ชื่อนาโกย่าทุกคนต้องร้องอ๋อเพราะส่วนใหญ่จะรู้จักชื่อเมืองนาโกย่าดีกว่าตัวจังหวัดไอจิเองเสียอีก (แม้แต่คนญี่ปุ่นเอง) นาโกย่าเป็นเมืองหลวงของจังหวัดไอจิ เป็นเมืองหลวงที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของญี่ปุ่นเลยด้วย จังหวัดไอจิตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศญี่ปุ่นในภูมิภาคจูบุ (Chubu) มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 5,153 ตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 7 ล้านกว่าคน เป็นจังหวัดที่เรียกว่ามีองค์ประกอบที่หลากหลายทั้งธรรมชาติ เทคโนโลยี ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และเป็นจังหวัดที่มีความเจริญในอุตสาหกรรมหลายด้าน เป็นจุดศูนย์กลางของการผลิตและคิดค้นของญี่ปุ่น ทีนี้เราก็จะไปลุยสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดไอจิกันเลย

เมื่อมาเที่ยวที่ไอจิก็ต้องไม่พลาดที่จะแวะเมืองนาโกย่าเพื่อไปชมปราสาทนาโกย่าที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของที่นี่ เป็นแห่งแรกที่ควรแวะมาเลยล่ะ ถ้าไม่ได้เห็นปราสาทนาโกย่าก็เหมือนยังมาไม่ถึงเมืองนาโกย่าของจังหวัดไอจิ โดยปราสาทนาโกย่าถูกให้สร้างขึ้นเมื่อช่วงปี ค.ศ.1610 โดยโชกุนโทกุงาวะ อิเอยาสุ แต่เกิดเพลิงไหม้จนถูกทำลายเสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ภายหลังในปี 1959

ปราสาทมีอยู่ 7 ชั้น ภายในนั้นเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของปราสาท และจัดแสดงสิ่งของเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆในอดีต มีซาจิโฮโกะ (Shachihoko) จำลองให้ชม (สัตว์ในตำนานตัวเป็นปลาหัวเป็นเสือ) ส่วนของจริงก็คือสีทองที่อยู่บนยอดหลังคาแต่ละฝั่งของปราสาทนาโกย่านั่นเอง โดยจะเป็นตัวผู้และตัวเมีย ผิวของพวกมันเคลือบไว้ด้วยทอง 18K หนัก 44 กิโลกรัม และสูง 2.7 เมตร

เวลาทำการ
09.00 - 16.30 น. หยุด 29 ธันวาคม - 1 มกราคม
ค่าเข้าชม
500 เยน
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟใต้ดินที่สถานี Nagoya สาย Sakuradori ไปลงสถานี Hisayaodori จากนั้นเปลี่ยนเป็นสาย Meijo ไปลงสถานี Shiyakusho

ปราสาทคิโยสึเคยเป็นที่พักอาศัยของโอดะ โนบุนางะ (Oda Nobunaga) ซึ่งเป็นวีรบุรุษซามุไรผู้โด่งดัง แต่เมื่อมีการสร้างปราสาทนาโกย่า ปราสาทคิโยสึก็ถูกรื้อถอนลง และเพิ่งมีการสร้างขึ้นใหม่ในภายหลังเมื่อปี 1989 โดยไม่ได้เป็นรูปแบบเดิม (เนื่องจากไม่มีแบบแปลนของปราสาทดั้งเดิมเมื่อ 380 ปีก่อน) และไม่มีภาพวาดปราสาทคงเหลือเลย จึงใช้ปราสาทอินุยามะเป็นแบบแทน ภายในปราสาทเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงวัตถุโบราณทางประวัติศาสตร์ให้ได้ศึกษา นอกจากนี้เขายังมีชุดเกราะซามูไรให้เราลองสวมใส่ได้ด้วย จะได้เป็นซามุไรจำเป็น 1 วันแล้วฟินกับการถ่ายรูปให้เต็มที่เลยคราวนี้

เวลาทำการ
09.00 - 16.30 น. หยุดทุกวันจันทร์ และ 29 - 31 ธันวาคม
ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 300 เยน
เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี 150 เยน
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟ Meitestu Nagoya ลงสถานี Shinkiyosu แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 15 นาที

ปราสาทโอกาซากิเป็นปราสาทบ้านเกิดของโชกุนโทกุงาวะ อิเอยาสุ (Tokugawa Ieyasu) หรือชื่อเดิมตอนเกิดคือมัตสึไดระ โมโตยาสุ (Matsudaira Motoyasu) และปราสาทนี้ก็เคยเป็นของตระกูลมัตสึไดระมาก่อนนั่นเอง ที่นี่เคยถูกรัฐบาลยุคเมจิรับสั่งให้รื้อถอนทิ้งในปี 1873 แต่ก็ถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้งในปี 1959 ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะโอกาซากิ ซึ่งเป็นจุดชมความงามของดอกซากุระกว่า 1000 ต้นที่ในฤดูใบไม้ผลิที่ปลูกเรียงรายสองข้างทางริมแม่น้ำในสวน และถูกจัดเป็นจุดชมซากุระที่สวยที่สุดติดอันดับ 1 ใน 100 แห่งของญี่ปุ่น

เวลาทำการ
09.00 - 17.00 น.
ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 200 เยน
เด็ก 100 เยน
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟ Meitetsu มาลงสถานี Okazaki Koen-mae แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 5 นาที

ปราสาทอินุยามะสร้างโดยโอดะ โนบุยาสึ (Oda Nobuyasu) เป็น 1 ใน 12 ปราสาทของญี่ปุ่นที่ยังคงสภาพเดิมตั้งแต่ก่อนสมัยเอโดะไว้ได้ค่อนข้างสมบูรณ์ที่สุด อาคารที่เห็นในปัจจุบันสร้างเสร็จในปี 1537 และเป็นปราสาทที่เก่าแก่เป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่น แต่ถ้าหากนักการสร้างเสร็จครั้งแรกก่อนที่จะมีการต่อเติมจะภือว่าสร้างเสร็จตั้งแต่ปี 1440 และเก่าแก้ที่สุดในญี่ปุ่น

ด้วยความสำคัญนี้เองจึงได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติของชาติ โดยปราสาทอินุยามะเป็นสถานที่เที่ยวเอกของเมืองอินุยามะที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เยอะ ถ้าขึ้นไปถึงด้านบนปราสาทแล้วมองลงมาจะเห็นวิวที่งดงามของเมืองอินุยามะและจังหวัดกิฟุที่อยู่ใกล้เคียง พอท้องหิวก็ลองมาเดินถนนฮงมาจิโดริ (Hon Machi Dori) มีบ้านไม้เก่าแก่หลายหลังที่ทำเป็นร้านอาหาร ร้านค้า และคาเฟ่น่ารักๆ ด้วย

เวลาทำการ
09.00 - 17.00 น
ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 550 เยน
เด็กประถม - มัธยมต้น 110 เยน
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟ Meitetsu ลงสถานี Inuyama แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 15-20 นาที

ศาลเจ้าอัตสึดะจิงงูที่นาโกย่านี้เป็นศาลเจ้าชินโตที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1900 ปีแล้ว เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่มีความสำคัญที่สุดของญี่ปุ่นที่ตามตำนานว่ากันว่าเป็นที่เก็บรักษาดาบคุซานางิ หนึ่งในสามเครื่องราชกุธภัณฑ์ของจักรพรรดิญี่ปุ่น (ที่ไม่มีใครเคยเห็นของจริง)

ศาลเจ้านี้ถูกทำลายเสียหายไปบ้างในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ได้รับการบูรณะใหม่ในปี 1955 ว่ากันว่ามาขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้แล้วจะได้รับชัยชนะ นอกจากมาขอพรกันแล้วก็อยากให้แวะไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ภายในบริเวณศาลเจ้ากันต่อ เขามีการจัดแสดงโบราณวัตถุล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ไว้มากมาย ซึ่งมีอยู่หลายชิ้นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของจังหวัดไอจิด้วย

เวลาทำการ
จันทร์ - ศุกร์ 10.00 - 18.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดราชการ 09.00 - 19.00 น.
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Meijo มาลงสถานี Jingunishi แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 6 นาที