All About Japan

เที่ยวรอบ "อุเอโนะ" แบบครบสุดๆ

พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ สวน สวนสาธารณะ Tokyo Ueno

“อุเอโนะ" เป็นหนึ่งที่สำคัญที่ต้องปักหมุดไว้ในแผนเที่ยวญี่ปุ่นเพราะความวาไรตี้สูง มีทั้งจุดชมซากุระที่โด่งดัง, มีสวนสัตว์, มีแหล่งช้อบปิ้ง, ย่านพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหารและโรงแรมมากมาย รวมถึงเป็นจุดขึ้นลงรถไฟทั้งชินกังเซ็นและรถไฟด่วนไปสนามบินนาริตะ ใครก็ตามที่ไปโตเกียวจะต้องได้มาเดินเที่ยวแน่ๆ ฉะนั้นเรามารู้จักอุเอโนะให้พรุนกันดีกว่า

พื้นที่ "อุเอโนะ" ที่นิยมเที่ยวแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือส่วนที่อยู่ในสวนสาธารณะและส่วนที่อยู่ข้างนอก โดยภายในสวนจะเต็มไปด้วยพิพิธภัณท์ ดอกไม้ สวนสัตว์ ส่วนด้านนอกจะเป็นย่านการค้าและตลาดสดที่คนนิยมเดินเที่ยว เราได้ปักหมุดที่สำคัญๆมาให้ทุกคนลองไปตามกัน

สวนอุเอโนะ (Ueno Park)

เป็นสวนสาธารณะแห่งแรกที่ดูแลโดยรัฐบาลญี่ปุ่นมีชื่อเต็มว่า Ueno Onshi Koen ตั้งอยู่ในเขตTaito จังหวัดโตเกียว มีเนื้อที่ประมาณ 530,000 ตารางเมตร พื้นที่ดั้งเดิมของสวนสาธารณะอุเอโนะ เป็นที่ตั้งของวัด Kan-eiji มาตั้งแต่สมัยยุคเอโดะ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1625 จนกระทั่งสงครามฺ Boshin เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1868 บริเวณวัดแห่งนี้กลายสภาพเป็นหนึ่งในสมรภูมิรบ นำมาซึ่งความเสียหายของตัวอาคารมากมายและเมื่อสงครามสิ้นสุดลงพื้นที่แห่งนี้ถูกเตรียมก่อสร้างเป็นโรงเรียนแพทย์และโรงพยาบาลทหาร แต่เมื่อนายแพทย์ชาวดัตซ์ชื่อ Anthonius Franciscus Bauduin ได้มาเห็นทัศนีย์ภาพอันงดงามของธรรมชาติโดยรอบ จึงตัดสินใจผลักดันให้สร้างเป็นสวนธารณะขึ้นแทน สวนสาธารณะอุเอโนะจึงถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการในปีค.ศ.1876

ในช่วงปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน สวนอุเอโนะแห่งนี้ จะเป็นจุดชมซากุระที่โด่งดังมากทั้งช่วงกลางวันและช่วงกลางคืนที่มีการประดับไฟที่งดงามจนน่าหลงใหล แถมมีร้านแผงลอยสไตล์ญี่ปุ่นมาตั้งให้ได้ชิม,ช้อป,เล่นกัน นอกจากจากเทศกาลชมซากุระแล้วที่นี่ก็มักจะมีงานเทศกาลต่างๆมาจัดที่สวนนี้อยู่เป็นประจำ วันไหนที่ไม่มีงานเทศกาล ที่นี่ก็ยังมีจุดให้ท่องเที่ยวได้อีกมากมาย

ค่าเข้าสวน : ฟรี
เวลาเปิด-ปิด: 05.00 - 23.00 น.
วันปิดทำการ: ไม่มี
วิธีการเดินทาง:
สถานีรถไฟที่ไปสวนอุเอโนะสะดวกที่สุดคือสถานี Ueno ของรถไฟ JR ใช้ทางออก Park Exit หรือทางออก Shinobazu ข้ามถนนไปจะเป็นสวนอุเอโนะ
สถานี Keisei Ueno ของรถไฟ Keisei (ที่เชื่อมต่อกับสนามบินนาริตะ) ใช้ทางออกหลัก (Main Exit) เมื่อออกมาจนเจอถนนให้เลี้ยวซ้าย จะเจอบันไดขึ้นสวน

1. สวนสัตว์อุเอโนะ

1. สวนสัตว์อุเอโนะ

https://pixta.jp/

นอกจากที่นี่เป็นสวนสัตว์ขนาดใหญ่แห่งแรกของญี่ปุ่น ที่เปิดมา 130 กว่าปี ที่เดินทางสะดวกแบบออกจากสถานีรถไฟก็เดินไปไม่ถึง 10 นาทีแล้ว ยังมีดาราดังระดับต้องต่อคิวเข้าชมกันเป็นชั่วโมงๆอย่างเจ้าแพนด้าน้อย (แต่ตัวยักษ์) ชางชาง อันเป็นตัวแทนในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นอยู่ด้วย

นอกจากนี้ก็ยังมีสัตว์แปลกๆและสัตว์พื้นเมืองน่ารักๆมากกว่า 3,000 ตัว 400 สายพันธุ์มาให้ได้ชมกันด้วย เช่น เจ้าลิงน้อย[อายอาย] สัตว์ที่มีถิ่นกำเนิดจากเกาะมาดากัสการ์ที่สามารถหาชมได้ในญี่ปุ่นแค่ที่นี่เท่านั้น เจ้า[โอคาพี] สัตว์ประหลาดที่จะว่าม้า ก็ไม่ใช่ ม้าลาย ก็ไม่เชิง,สัตว์ที่อายุยืนที่สุดอย่างเจ้า [เต่ายักษ์กาลาปาโกส] ที่มีถิ่นกำเนิดที่หมู่เกาะกาลาปาโกสมีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นเต่าบกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หรือสัตว์ผู้ทรงอิทธิพลของทะเลแห่งความหนาวเย็นเจ้า[หมีขาว] ที่สวนสัตว์อุเอโนะจะทำเป็นกรงเลี้ยงที่มีสระว่ายน้ำไว้ให้เราได้ดูหมีขาวว่ายน้ำได้ใกล้ๆกับแมวน้ำและสิงโตทะเลที่มีถิ่นกำเนิดที่เดียวกับกับหมีขาวด้วยเป็นต้น

ถ้าใครจะพาเด็กๆหรือครอบครัวไปเที่ยวรับรองไม่ผิดหวัง จะเอาข้าวกล่องเข้าไปทานแล้วอยู่ในสวนสัตว์ทั้งวันก็คุ้มดีไม่น้อย

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 600 เยน ผู้สูงอายุ 300 เยน เด็กนักเรียน 200 เยน เด็กเล็ก ฟรี
เวลาเปิด-ปิด: 9:30 - 17:00 น.
วันปิดทำการ: ปิดทุกวันจันทร์,ปิด 29 ธันวาคม - 1 มกราคม

2. พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตก (The National Museum of Western Art)

2. พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตก (The National Museum of Western Art)

https://ja.wikipedia.org/wiki/%E5%9B%BD%E7%AB%8B%E8%A5%BF%E6%B4%8B%E7%BE%8E%E8%A1%93%E9%A4%A8

ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะของรัฐแห่งแรกในญี่ปุ่น เปิดทำการเมื่อปี 1926 จัดแสดงผลงานของศิลปินญี่ปุ่นและต่างประเทศมากมายโดยเฉพาะจากฝรั่งเศส พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้ ถือเป็นคอลเลคชั่นส่วนตัวด้านงานศิลปะที่ทำขึ้นมาของคุณ Matsukata Kojiro นักธุรกิจชาวญี่ปุ่น สร้างขึ้นโดยมีเป้าหมายว่าอยากให้คนญี่ปุ่นได้ชมศิลปะตะวันตกของจริงจึงได้กว้านซื้อผลงานศิลปะทั้งภาพวาดและงานแกะสลักเอาไว้เป็นจำนวนมากราวหนึ่งหมื่นชิ้น แต่ผลงานที่ห้ามพลาดเด็ดขาดเลย ก็คือ ห้องที่รวบรวมภาพวาดของโมเน่ต์ ซึ่งภาพที่โด่งดังที่สุดก็คือ ภาพ"Pygmy water-lily Plant" (ดอกบัว) ผลงานขนาดราว 2 เมตร ที่ในแต่ละวันจะมีคนมาหยุดยืนที่นี่เพื่อจ้องมองเข้าไปในรูปนี้ รวมถึงโซนนิทรรศการด้านนอก ที่มีการจัดแสดงรูปแกะสลักของโรดินที่ตั้งอยู่ระหว่างประตูทางเข้ากับตึกพิพิธภัณฑนั้นก็ได้รับความนิยมไม่น้อย แม้ในอุเอโนะเต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ศิลปะมากมายก็จริง แต่ที่แห่งนี้มีจุดเด่นตรงที่มีงานศิลปะตะวันตกมากมายแต่จ่ายค่าบัตรด้วยราคาไม่แพง

ค่าเข้าชม: นิทรรศการถาวร 500 เยน(อายุต่ำกว่า 18 ปีหรือเกิน 65 ปีไม่เสียค่าเข้าชม)
วันเสาร์ที่ 2,4 ของทุกเดือนและวันที่ 3 พฤศจิกายน (วันวัฒนธรรม) นิทรรศการถาวร ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิด-ปิด: 9:30 - 17: 30 น.
วันหยุด: วันจันทร์(หากวันจันทร์เป็นวันหยุดราชการจะหยุดในวันอังคาร)และช่วงสิ้นปี

3. พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Museum of Nature and Science)

3. พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Museum of Nature and Science)

https://pixta.jp/

มาต่อกับอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ในสวนอุเอโนะ แต่คราวนี้จะเน้นเรื่องราวของธรรมชาติและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติของญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยเจ้าปลาวาฬตัวเขื่องที่ตั้งอยู่หน้าพิพิธภัณฑ์

ที่นี่จะแบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือ Jikyu-kan : Global Gallery ที่จะเน้นการจัดแสดงเรื่องราววิทยาศาสตร์จากทั่วโลก เกี่ยวกับโลกมนุษย์ทั้งด้านวิวัฒนาการและความหลากหลายทางธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต มีโครงกระดูกไดโนเสาร์ขนาดเท่าจริง ระบบนิเวศของโลก ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และการวิจัยเกี่ยวกับอวกาศ และสวนเด็กเล่นสำหรับเด็กอายุ 4-6 ปี

อีกหนึ่งส่วน ก็คือ"Nihon-kan : Japan Gallery" ที่จะเน้นเรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ในประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก ย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ มีการจัดแสดงฟอสซิลอย่างฟุตาบะซอรัส ไดโนเสาร์พันธุ์คอยาวที่ขุดพบเจอตัวแรกในประเทศญี่ปุ่น ความเป็นอยู่ของชาวญี่ปุ่นในอดีต สิ่งมีชีวิตทั้งบนบกและในทะเล และวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีต่างๆอย่างเครื่องมือสังเกตธรรมชาติ,กล้องดูดาว,นาฬิกาโบราณ,เครื่องวัดขนาดแผ่นดินไหว,นาฬิกาแดด เป็นต้น เรื่องราวความน่าสนใจของที่นี่ไม่ว่าจะผู้ใหญ่หรือเด็กก็สามารถเพลิดเพลินและสนุกสนานได้ไม่ง่วงเหงาหาวนอนตลอดการเดินชมคร่าวๆอย่างน้อย 3 ชม.ในนี้แน่ๆ

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ &นักศึกษามหาวิทยาลัย 620 เยน (นักเรียนม.ปลายและต่ำกว่า เข้าฟรี!)
เวลาเปิด – ปิด : 9:00 – 17:00 น.
วันหยุด:วันจันทร์

4.ตลาดอะเมโยโกะ

4.ตลาดอะเมโยโกะ

https://pixta.jp/

ส่วนผู้สาวขาช้อปหรือหนุ่มสายเปย์ เมื่อมาที่แถบอุเอโนะแล้วต้องไม่พลาดที่จะเดินเลยมายังตลาดอะเมโยโกะ ตลาดแนวโลคอลสไตล์ญี่ปุ่นอันแสนคึกคักและมีทุกสิ่งให้เลือกสรร ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างสถานีอุเอโนะและสถานีโอคาชิมาชิ บรรยากาศการค้าขายภายในตลาดแห่งนี้จะมีผู้คนมากมายทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจะมาจับจ่ายใช้สอยกัน ตั้งแต่กลางวันถึงตอนค่ำ เพราะที่นี่จะมี อาหารทะเล,ผัก,ผลไม้,ขนม,เสื้อผ้า,ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ,เครื่องสำอาง,กระเป๋า,รองเท้า,น้ำหอม,สินค้าแบรนด์เนม,เครื่องใช้ไฟฟ้า (ขอพื้นที่อีกสัก 1หน้ากระดาก็อาจจะสาธยายของที่ขายที่นี่ไม่หมด) เป็นต้น

นอกจากร้านบนดินที่ยาวตลอดกว่า 1 กม. ซอกซอยเล็กๆน้อยๆอีกเพียบแล้วก็ยังมีตลาดสดอยู่ใต้ดินอีก ที่จะเน้นขายของพวกอาหารสด,อาหารทะเล,เนื้อหมู,เนื้อไก่,อาหารและเครื่องปรุงต่างๆในแถบเอเชีย อย่างน้ำปลาของไทยหรือสมุนไพรของจีนเป็นต้น เรียกได้ว่าอยากได้อะไรที่ตลาดอะเมโยโกะมีให้หมด ที่สำคัญบางร้านนี่ยังสามารถต่อรองราคาได้อีกด้วย หรือถ้าเดินแล้วหิวก็สามารถแวะไปกินอาหารในตลาดได้อีกเพียบ เผื่อใครไม่อยากเดินห้างแต่อยากช้อปปิ้งแนวตลาดๆก็ขอให้มาที่นี่เลย

ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาเปิด-ปิดร้านค้าในตลาด: แตกต่างกันแล้วแต่ร้านค้า
วันปิดทำการ: ไม่มี แล้วแต่ร้านค้า

5.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum)

5.พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum)

https://pixta.jp/

พิพิธภัณฑ์สถานที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น มีการจัดแสดงและเก็บรักษามรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าประจำท้องถิ่นของประเทศซีกโลกตะวันออกไว้มากมายมากกว่า 110,000 ชิ้นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะอย่างรูปปั้นแกะสลัก ข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้า หรือแม้แต่อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการทำสงคราม จึงทำให้ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีสิ่งของทางประวัติศาสตร์มากมายให้เราได้เดินดูกันอย่างจุใจ

ด้วยความที่ที่นี่มีพื้นที่ที่กว้างขวางมาก จึงแบ่งส่วนของการจัดแสดงเป็น 5 อาคาร ตามหมวดหมู่ของงานศิลปะ อย่างเช่น “อาคารศิลปะญี่ปุ่น” ที่จัดแสดงงานศิลปะแบบญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยโบราณยันสมัยปัจจุบัน ”อาคารศิลปะเอเชีย” จัดแสดงงานศิลปะของประเทศต่างๆในเอเชีย “อาคารสมบัติวัดโฮริวจิ” จัดแสดงผลงานมาสเตอร์พีซที่เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของญี่ปุ่น เป็นต้น ความดีงามอีกอย่างหนึ่งของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือเขาอนุญาตให้เราสามารถถ่ายรูปเก็บภาพความสวยงามของเหล่าข้าวของโบราณเหล่านั้นเอาไว้ได้อย่างไม่ผิดกฏ (แต่ห้ามใช้แฟลช) ส่วนใครที่เดินดูนิทรรศการภายในจนเหนื่อยแล้ว ก็ยังสามารถมานั่งที่ร้านอาหารสุดชิคด้านในหรือจะแวะไปที่ร้านขายของที่ระลึกก็ได้

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 620 เยน, นักศึกษา 410 เยน, อายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าฟรี
เวลาเปิด-ปิด: 9.30-17.00 น.
วันปิดทำการ: ทุกวันจันทร์และช่วง 26ธันวาคม - 1มกราคม

6.บ่อน้ำ Shinobazu

6.บ่อน้ำ Shinobazu

https://pixta.jp/

บ่อน้ำ Shinobazu เป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ ความกว้างประมาณ 110,000 ตารางเมตร จึงถูกแบ่งออกเป็น 3 โซนใหญ่ๆ ก็คือส่วนแรก「บึงดอกบัว (Hasu-Ike)」ที่มีดอกบัวขึ้นเต็มไปหมด หากใครจะไปชมความงามของดอกบัวบานก็ต้องไปตอนช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมเท่านั้น ส่วนที่ 2 คือ 「บึงนกกาน้ำ (Uno Ike) 」สถานที่ตั้งรกรากของนกกาน้ำจำนวนไม่น้อย และในส่วนสุดท้ายคือ 「บึงพายเรือ (Boat Ike)」ที่ทุกคนสามารถสนุกกับการพายเรือถีบได้ด้วย

และที่เด่นไปกว่านั้นก็คือตรงกลางบ่อน้ำนั้นจะมีส่วนที่มีลักษณะเป็นเกาะ และเป็นที่ตั้งของวิหาร 8 เหลี่ยมของวัด Shinobazuike Bentendo อยู่อีกด้วย โดยวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้า Benten เทพแห่งการพยากรณ์, สุขภาพ, ดนตรี และความรู้ ผู้คนจึงนิยมไปขอพรกัน ช่วงที่เรียกได้ว่าเป็นที่นิยมสำหรับทั้งคนแถบๆนี้ไปจนถึงนักท่องเที่ยวก็ต้องช่วงฤดูใบไม้ผลิ

ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาเปิด-ปิด: ส่วนวัด Shinobazuike Bentendo จะเปิด-ปิดเวลา 05:00 - 17:00 น.
ปิดทำการ: ไม่มี

7. อนุสาวรีย์ Saigo Takamori (ไซโกะ ทาคาโมริ) และหลุมฝังศพทหารของโชกุน Tokugawa

7. อนุสาวรีย์ Saigo Takamori (ไซโกะ ทาคาโมริ) และหลุมฝังศพทหารของโชกุน Tokugawa

https://pixta.jp/

การต่อสู้ในสมัยการปฏิวัติเมจิ (ที่สวนอุเอะโนะเคยเป็นส่วนหนึ่งของสนามรบ) มีทหารเสียชีวิตจำนวนมาก ในสมัยนั้นจึงได้มีการสร้างหลุมฝังศพและอนุสาวรีย์ไว้เป็นอนุสรณ์ในสวนอุเอะโนะ 2 แห่ง แห่งแรกก็คืออนุสาวรีย์ Saigo Takamori ที่เป็นรูปปั้นสัมฤทธิ์เหมือนจริงขนาดสูงกว่า 4 เมตรของ Saigo Takamori บุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ในสมัยการปฏิวัติเมจิ ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ที่ทำให้รัฐบาลเมจิได้รับชัยชนะและเป็นฝ่ายที่กลายเป็นรากฐานของญี่ปุ่นสมัยใหม่หลังสงครามสงบ แต่ในปัจจุบั จุดนี้กลายเป็นจุดถ่ายรูปที่ระลึกยอดนิยมที่เมื่อใครมาเยือนที่สวนอุเอโนะแห่งนี้ก็ต้องหยุดถ่าย

และอย่างที่บอกไปว่าสวนอุเอะโนะแห่งนี้เคยเป็นพื้นที่สู้รบกันระหว่างฝ่ายรัฐบาลเมจิกับฝั่งโชกุนที่มีตระกูลโชกุน Tokugawa เป็นแม่ทัพใหญ่ หลังจากที่มีทหารเสียชีวิต หลุมฝังศพที่ระลึกของทหารฝ่ายโชกุน Tokugawa ที่เรียกว่า Shogitai ก็ถูกสร้างขึ้นไว้ที่นี่เพื่อเป็นที่ระลึกเช่นกัน ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้เราได้ซึมซับความเป็นญี่ปุ่นในเชิงประวัติศาสตร์มากขึ้น โดยทั้ง 2 จุดนี้ ตั้งอยู่ทางเข้าด้านทิศใต้ของสวนอุเอะโนะ

ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาเปิด-ปิด: 05.00 - 23.00 น.

8. พระใหญ่ Ueno Daibutsu

8. พระใหญ่ Ueno Daibutsu

https://pixta.jp/

แม้จุดนี้จะไม่ใช่โลเคชั่นที่ใหญ่โตอย่างพิพิธภัณฑ์ต่างๆที่แนะนำไป แต่ก็ถือเป็นไฮไลท์ที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวจุดหนึ่ง เพราะพระใหญ่ Ueno Daibutsu นี้ มีความหมายต่อคนที่นี่พอสมควร แต่เดิมในสมัยเอโดะพระใหญ่ Ueno Daibutsu เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิแบบเต็มองค์สูงราว 6 เมตร แต่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสงครามที่เกิดขึ้นบ่อยในสมัยก่อนแต่ก็ได้รับการบูรณะเรื่อยมา จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในแถบคันโตเมื่อปีค.ศ.1923 ด้วยความเสียหายหนักจนบูรณะไม่ได้ จึงหลงเหลือเพียงส่วนพระพักตร์ (ใบหน้า) เท่านั้น

และจุดนี้เองก็เป็นจุดขอพรที่โด่งดังในเรื่องของการศึกษา ในช่วงใกล้สอบเราจะได้เห็นว่ามีกลุ่มนักเรียนนักศึกษามาไหว้พระขอพรกันที่นี่อยู่บ่อยๆ เหตุที่พระใหญ่ Ueno Daibutsu นี้มีชื่อเสียงเรื่องของการสอบนั้น เพราะว่าหลังจากเกิดแผ่นดินไหวก็จะมีแค่ส่วนพระพักตร์ที่ตกลงมาจุดนี้ ในขณะที่ส่วนอื่นๆของพระพุทธรูปเกิดความเสียหายมากและถูกนำไปหลอมใหม่ คนที่นี่เลยเชื่อว่า ”ต่อจากนี้ไปก็คงจะไม่มีอะไรตกไปกว่านี้อีกแล้ว” เปรียบได้กับการสอบที่ "จะไม่สอบตก" นั่นเอง แต่ถ้ายังไงใครมาไหว้แล้วก็อย่าลืมอ่านหนังสือควบคู่ไปด้วยนะ จะได้ไม่สอบตกชัวร์ๆ

ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาเปิด-ปิด: 05.00 - 23.00 น.

ผู้เขียน: Suphatthra
เป็นคนที่รักการเขียน รักการอ่าน รักการออกไปดูโลกกว้าง เฮฮา บ้าบอ ขาลุย และรักญี่ปุ่น

know-before-you-go