คู่มือสำหรับเที่ยวเซ็นไดครั้งแรก
1. ซากปราสาทเซนได (Sendai Castle Ruins)
เป็นร่องรอยของปราสาทที่มีความสำคัญในเมืองเซ็นไดในสมัยอดีต ก่อสร้างขึ้นโดย ดาเตะ มาซามูเนะ ผู้ครองแคว้นรุ่นแรกและเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของเมือง ปัจจุบันสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่โดนเผาทำลายไปเกือบหมดและหลงเหลือเพียงสถาปัตยกรรมดั้งเดิมแค่กำแพงหินเท่านั้น การมาเที่ยวชมสถานที่แห่งนี้จึงเป็นการมาชมทิวทัศน์ของซากประสาทและรูปปั้นของดาเตะ มาซามูเนะ โดยเฉพาะในตอนกลางคืนจะมีการประดับไฟที่บริเวณนี้ถึง 23.00 น. ทุกวัน
เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : ขึ้นรถบัส Loople-Sendai ไปลงที่ป้าย Site of Sendai Castle เบอร์ 6 และเดินต่ออีกประมาณ 5-10 นาที
2. ศาลเจ้าโอซากิฮาจิมังงู (Osaki Hachimangu Shrine)
ศาลเจ้าเก่าแก่แห่งหนึ่งในญี่ปุ่นที่ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินของชาติ จุดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้อยู่ที่สถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดยใช้การเคลือบด้วยสีดำและตกแต่งด้วยทองคำเปลว รวมทั้งการแกะสลักไม้ที่ให้บรรยากาศของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าฮาจิมัง เทพเจ้าผู้ป้องกันความชั่วร้ายและภัยพิบัติ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลที่มีชื่อเสียงมากมายตลอดปีด้วย ในวันปีใหม่ก็มีชาวญี่ปุ่นเดินทางมาขอพรที่นี่เป็นจำนวนมาก
เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : ขึ้นรถบัส Loople-Sendai ไปลงที่ป้าย Osaki Hachimangu Shrine (หมายเลข 12) และเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
3. พิพิธภัณฑ์เมืองเซ็นได (Sendai City Museum)
พิพิธภัณฑ์ประจำเมืองที่มีการจัดแสดงผลงานทางประวัติศาสตร์รวมกว่า 90,000 ชิ้น เช่น ภาพวาด ชุดเกราะ งานเซรามิก โดยมีทั้งส่วนที่เป็นนิทรรศการถาวร และนิทรรศการพิเศษแบบกำหนดระยะเวลาในทุกฤดู ภายในแบ่งออกเป็นหลายโซน เช่น ภาพจิตรกรรม (Painting), เครื่องแต่งกายและของประดับยุคโบราณ (Dress and its ornaments), ประวัติศาสตร์ความเป็นมาเมืองเซ็นได (History material), ตุ๊กตา (Doll) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีบริเวณที่เป็นร้านอาหาร ขนม เครื่องดื่มให้ได้นั่งพักผ่อนด้วย
เวลาทำการ : 09.00-16.45 น. ปิดทุกวันจันทร์
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 460 เยน, เด็กมัธยม 230 เยน, เด็กประถม 110 เยน
การเดินทาง : ขึ้นรถบัส Loople-Sendai ไปลงที่ป้าย Museum-International Center และเดินต่ออีก 3 นาที
4. ถนนโจเซนจิ (Jozenji-Dori)
เป็นถนนที่ทอดยาวในแนวทิศตะวันออก-ตะวันตกของใจกลางเมืองเซ็นได โดยมีแนวต้นเคะยากิ (ต้นเซลโคว่าญี่ปุ่น) ทั้งสองฝั่งถนนตลอดทาง ซึ่งเปรียบเหมือนเอกลักษณ์ของถนนเส้นนี้ และสามารถเดินไปถึงย่านอิจิบังโจ ถนนช้อปปิ้งสายหลักของเมืองยาวไปถึงเมืองราตรี คกคุบุงโจ ย่านบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคโทโฮคุ นอกจากนี้ยังเป็นถนนที่มีการจัดงานกิจกรรมต่างๆทั้งกลางวันกลางคืนตลอดทั้งปี เช่นงานประดับไฟฤดูหนาว Sendai Pageant of Starlight ซึ่งเป็นเทศกาลประดับไฟที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงมาก
เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : จากสถานี Sendai นั่งรถไฟใต้ดินสาย Namboku line ไปลงที่สถานี Kotodaikoen แล้วเดินอีก 1 นาที
5. สวนสึสึจิกะโอกะ (Tsutsujigaoka Park)
สวนสาธารณะขนาดใหญ่กลางเมืองเซ็นไดที่เป็นจุดชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียงติดอันกับต้นๆของประเทศ โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ต้นซากุระพันธุ์โซเมอิโยชิโนะ (Somei Yoshino) กว่า 1,000 ต้น รวมทั้งสายพันธุ์อื่นๆ เช่นยาเอะซากุระ, ฮิกังซากุระ ที่บานสะพรั่งสวยงามตระการตาในฤดูใบไม้ผลิ โดยนอกจากซากุระแล้วที่นี่ก็ยังเป็นจุดชมดอกสึสึจิ (Tsutsuji) หรือกุหลาบพันธุ์ปีสีชมพูเข้มในฤดูใบไม้ร่วงที่มีชื่อเสียงมากเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นสวนสาธารณะที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจได้ทุกฤดูกาลด้วย
เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : จากสถานี Sendai นั่งรถไฟ JR สาย Senseki ไปลงที่สถานี Tsutsujigaoka แล้วเดินต่อประมาณ3 นาที
ผู้เขียน: หนึ่ง
นักอ่านและนักเขียนที่ชอบการเดินทางไปในที่ต่างๆ โดยเฉพาะญี่ปุ่น รักการดูอนิเมะญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ :)