All About Japan

ตัวอย่างคอร์สช้อปปิ้ง 1 วันในโอซาก้า

แผนการการเดินทาง Osaka Kansai
ตัวอย่างคอร์สช้อปปิ้ง 1 วันในโอซาก้า

พูดถึงโอซาก้า ก็เป็นหนึ่งในเมืองที่ขาช้อปพลาดไม่ได้เวลาที่มาญี่ปุ่น วันนี้เราจะพาไปดูกันค่ะว่าจะซื้ออะไรต้องที่ไหน และสินค้าแบบไหนที่พลาดไม่ได้!

ช่วงไม่นานมานี้ผู้เขียนได้มีโอกาสแวะไปเยี่ยมเยียนเมืองหลวงของฝั่งคันไซอย่างโอซาก้า หลังจากเที่ยวสวนสนุก ปราสาท และพิพิธภัณฑ์ เสียอิ่มหนำสำราญ ในที่สุดก็มาถึงวันส่งท้าย ซึ่งแน่นอนอีกกิจกรรมหนึ่งที่ขาดไปไม่ได้เมื่อมาเที่ยวโอซาก้า ก็คือการ “ซื้อของฝาก” นั่นเองค่ะ ผู้เขียนพักอยู่ที่โรงแรมเจ้าประจำแถวๆสถานี Dobutsuenmae ซึ่งวิธีการเดินทางไปถนนเครื่องครัวก็คือ นั่งรถไฟสาย Sakaisuji ไปลงที่ Nippombashi เนื่องจากเป็นวันส่งท้ายแบบสบายๆ จึงเริ่มต้นทริปกันสายหน่อย ออกจากโรงแรมที่พักตอนเก้าโมงเศษๆเกือบสิบโมง เช็คเอาท์แล้วไปโดกุยะสุจิ (Doguyasuji) หรือถนนเครื่องครัวกันค่ะ!

หลังลงจากรถไฟ ก็เดินกันต่ออีกเล็กน้อย เราจะเห็นทางเข้าถนนช้อปปิ้งสายนัมบะก่อน แต่ผู้เขียนมีภารกิจต้องไปซื้อมีดที่ถนนเครื่องครัวเสียก่อนจึงจะเดินเลยไปอีกสักหน่อย ผ่านย่านช้อปปิ้งนัมบะไปประมาณ 5นาทีก็จะเจอเข้ากับ Doguyasuji หรือถนนเครื่องครัวนั่นเองค่ะ!

หลายท่านอาจจะไม่ทราบ แต่อำเภอซาไคของโอซาก้านั้นขึ้นชื่อเรื่องการตีดาบและเครื่องใช้จำพวกมีดมาตั้งแต่สมัยมุโรมาจิเมื่อหลายร้อยปีก่อนโน่นเลยนะคะ และช่างตีดาบหลายๆตระกูลก็ยังคงสืบทอดศิลปะของตนเองลงมาจนถึงปัจจุบันค่ะ เรียกได้ว่า มีดซาไค หรือ Sakai’s Knife นั้น เป็นหนึ่งในของดีลับๆของจังหวัดโอซาก้าเลยก็ว่าได้ค่ะ ผู้เขียนเองเป็นคนชอบทำกับข้าว พอได้มาถึงโอซาก้าจึงอดใจไม่ได้ ต้องขอแวะถนนเครื่องครัวมาซื้อกลับไปสักเล่มค่ะ

เมื่อมาถึงถนนเครื่องครัวก็พบกับป้ายทางเข้าบ่งบอกชื่อยี่ห้อต้อนรับกันตั้งแต่ปากทางเลยทีเดียว

ด้านในนอกจากร้านมีดซึ่งมีอยู่มากมายเนื่องจากเป้นของขึ้นชื่อแล้ว ยังมีร้านเครื่องกระเบื้อง หม้อ กระทะ อุปกรณ์ชงชา จานชามสำหรับทานข้าว เตาแก๊ส และอื่นๆอีกมากมาย เรียกได้ว่าขอให้เป็นเครื่องครัว ที่นี่มีเกือบจะทุกอย่างที่คนญี่ปุ่นเขาจะใช้ในครัวได้เลยละค่ะ!

มีกระทั่งเตาปิ้งไทยากิ

จานชามละลานตาราคาตั้งแต่ใบละร้อยไปจนถึงหลายพัน ขนาดผุ้เขียนไม่ได้ตั้งใจจะแบกชามกลับยังดูไปดูมาแล้วอดใจไม่ได้ต้องซื้อถ้วยชงชาเขียวกลับไปตั้งสองถ้วย

หม้อทองแดงขนาดพอเหมาะมือราคาเป็นมิตรทีเดียวค่ะ

และแล้วก็มาถึงร้านมีดที่เป็นเป้าหมาย

มีดและดาบละลานตาไปหมด ดาบซามุไรในตู้นั่นก็ขายนะคะ
งานตีมือตั้งแต่ต้นจนจบทั้งตู้เลยค่ะ ตรงนี้ สำหรับรายละเอียดพวกนี้ สอบถามกับคนขายได้เลยนะคะ ว่าอยากได้แบบไหน วัสดุอะไร ใช้หั่นอะไรเป็นพิเศษ เขาจะแนะนำให้อย่างดีค่ะ

สำหรับผู้เขียน ขอแค่เล่มที่พอเหมาะมือไว้ใช้งานทั่วไปก็พอแล้วค่ะ เลือกเอาที่หน้าตาและน้ำหนักดีสักหน่อย

เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจที่ถนนเครื่องครัวค่ะ สำหรับท่านที่สนใจ Sakai's Knife ขอเรียนไว้ก่อนว่ามีดนั้นต้องใส่กระเป๋าแล้วโหลดนะคะถึงจะเอากลับได้ ส่วนใครที่ต้องการของฝากอื่นๆให้ญาติสนิทมิตรสหาย ที่นี่ก็มีเครื่องครัวญี่ปุ่นน่าสนใจมากมาย อาทิ ตะเกียบน่ารักๆก็เป็นของฝากที่หาซื้อได้ทั่วไปและราคาเป็นมิตรทีเดียวค่ะ

เสร็จสิ้นภารกิจกับถนนเครื่องครัวแล้ว เราก็แวะไปยังถนนใกล้ๆกันอย่างเดนเดนทาวน์เสียหน่อยค่ะ
วิธีการเดินทางคราวนี้ง่ายมาก เดินตามแผนที่ไปแบบนี้เลยค่ะ ไม่ต้องขึ้นรถใดๆ ประมาณไม่ถึงสิบนาทีเราก็จะไปโผล่ที่เดนเดนทาวน์ หรือ อากิฮาบาระแห่งคันไซนั่นเอง

ที่นี่มีสินค้าจากการ์ตูน อนิเมชั่น และเกมต่างๆขายมากมายค่ะ เรียกได้ว่าไม่แพ้ฝั่งโตเกียวเลย

ช้อปปิ้งอีกสักพัก ก็แวะทานไทยากิประจำย่านเดนเดนทาวน์เจ้านี้กันสักหน่อย ร้านชื่อ Naruto Taiyaki Honpo มีหลายสาขา ย่างกันสดๆทีละตัวเลยทีเดียว เดินเข้าไปสั่งได้เลยนะคะ ตัวเดียวเขาก็ขายค่ะ

แล้วก็กลับไปที่ย่านนัมบะซึ่งเราเพิ่งผ่านมาค่ะ

อันที่จริงทีแรกตรงนี้กะว่าจะเดินไปตลาดคุโระมงเสียก่อนค่อยกลับมา แต่ปรากฏว่าฝนตกพอดีค่ะ เลยเดินหลบเข้าถนนช้อปปิ้งของนัมบะแล้วเดินยาวเลย อดไปตลาดคุโระมงไปด้วยประการฉะนี้ สำหรับท่านที่สนใจ ตลาดคุโระมงเป็นตลาดที่ขึ้นชื่อเรื่องของฝากอีกแห่งหนึ่งของโอซาก้าค่ะ โดยของที่ขายจะเน้นไปที่พวกอาหารและขนมของฝาก ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายในราคาย่อมเยาค่ะ แต่ฝนมาตกเสียก่อน ผู้เขียนจึงตัดสินใจว่า เดินนัมบะต่อเลยก็แล้วกัน เรื่องอาหารค่อยหาทานเอาใกล้ๆอีกทีค่ะ

มีร้านรวงและของขายมากมาย ย่านนัมบะต่อไปจนถึงชินไซบาชิของโอซาก้านี้ เป็นหนึ่งในถนนช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นค่ะ ของที่ขายก็มีตั้งแต่เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องสำอางค์ อาหาร ไปจนกระทั่งของใช้จิปาถะและขนมของฝากมากมาย

เจอร้านทาโกะยากิก็แวะเสียหน่อย ทานอาหารขึ้นชื่ออย่างทาโกะเซน (Takosen) ที่เป็นข้าวเกรียบเซมเบ้สอดไส้ทาโกะยากิร้อนๆจากเตา อร่อยใช้ได้เลยค่ะ

เติมพลังแล้วก็เดินกันต่อ ระหว่างนั้นก็แวะเข้าร้านนั้นบ้างร้านนี้บ้างตามอัธยาศัยค่ะ

เดินแบบไม่รู้ตัวไปชั่วโมงกว่าๆก็มาโผล่ตรงแม่น้ำโดตงโบริ (Dotonbori) ที่เป็นจุดเชื่อมไปฝั่งชินไซบาชิเข้าจนได้ (ต้องยอมรับว่าร้านเขาเยอะจริง ขาช้อปนี่เดินเพลินลืมเวลาได้เลยนะคะ ระวังด้วย ^ ^; )

ที่ตรงนี้เราก็ได้พบกับเรือท่องเที่ยวล่องแม่น้ำโดตงโบริที่ ถ้าเราถือบัตร Osaka Amazing Pass จะขึ้นฟรีได้ ไหนๆก็มาถึงที่แล้ว ก็ลองขึ้นกันดูสักหน่อยค่ะ

ไปถึงแลกตัวขึ้นเที่ยวนั้นได้เลย ดูเหมือนเรือนี้จะคิวไม่แน่นเหมือนเรือตรงปราสาทโอซาก้าค่ะ มาเมื่อไรก็น่าจะขึ้นได้ตลอด ที่ขึ้นเรือก็อยู่ตรงหน้าร้านดองกิโฮเต้สาขาโดตงโบริที่มีชิงช้าสวรรค์เลื่อนวนๆ อยู่หน้าร้านนี่เลยค่ะ

มีคุณมนุษย์หมาป่าโผล่มาทักทายด้วย เป็นมาสคอตของเรือลำนี้ล่ะ!

ผ่านป้ายกูลิโกะอันโด่งดังด้วย

ปลาหมึกที่ร้องเพลงทาโกะยากิด้วยทำนองฮาเลลูย่าค่ะ

โดยรวมแล้วก็ประทับใจใช้ได้ แม้ว่าทิวทัศน์จะไม่ได้พิเศษอะไรมาก แต่ก็มีลูกเล่นน่าสนใจดีค่ะ สำหรับเรือลำนี้

ลงจากเรือก็บ่ายคล้อยแล้ว ผู้เขียนทานราเมงมังกรแถวๆนั้นรองท้องแล้วก็ตัดสินใจเดินลงรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อไปยังจุดหมายสุดท้ายของวันนี้ นั่นคือตึก Umeda Sky ซึ่งเป็นตึกชมวิวระฟ้าที่เข้าฟรีได้ด้วยบัตร Osaka Amazing Pass ค่ะ

วิธีการเดินทาง จากสถานี Namba นั่งใต้ดินสาย Midosuji ไปลงที่สถานี Umada เมื่อลงรถไฟที่สถานีอุเมดะ ก็เห็นตึกเป้าหมายของเราอยู่ลิบๆนั่นค่ะ เดินไปเลย มีทางข้ามถนนให้ค่ะ
ขึ้นลิฟไปตามป้ายบอกทางแล้วยื่นบัตรของเราให้เขาแสกนตามขั้นตอนเลยค่ะ

ขึ้นไปได้พอดีช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะตกเลย (ตรงนี้ต้องดูพยากรณ์ค่ะ แต่ละฤดูพระอาทิตย์ตกเวลาไม่เท่ากัน)

ลากันไปด้วยภาพแสงสุดท้ายของวันนี้ แล้วพบกันใหม่บทความหน้า สวัสดีค่ะ

ผู้เขียน: โพลก้าเนโกะ
นักเรียนต่างชาติที่ชอบการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นคนหนึ่ง ชื่นชอบอาหารรสชาติดี และการตามรอยสถานที่ในอนิเมชั่น

know-before-you-go