5 ที่เที่ยวลับๆ ในเกียวโตที่อยากให้คุณรู้จัก
เกียวโตถือเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ วัดทองคินคะคุจิ หรือป่าไผ่อาราชิยาม่า แต่วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวลับๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน ซึ่งมีทั้งพิพิธภัณฑ์ซามูไร ตลาดนัด ป่าไผ่แห่งที่สองในเกียวโต ศาลเจ้าหมู่ป่า และภูเขาเตี้ยๆ ที่มีคาเฟ่และเรือนน้ำชาอยู่บนเขา
1. พิพิธภัณฑ์ซามูไรและนินจาเกียวโต (Kyoto Samurai & Ninja museum)
เกียวโตถือเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับคนที่ชื่นชอบวัฒนธรรมเก่าแก่ของญี่ปุ่น แต่นอกจากวัฒนธรรมในด้านศาสนา ความเป็นอยู่ และอาหารแล้ว ที่พิพิธภัณฑ์ซามูไรและนินจาเกียวโต ก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ทุกคนสามารถสนุกไปกับวัฒนธรรมซามูไรและนินจาที่เราคุ้นเคยกันดีภาพภาพยนตร์และการ์ตูนต่างๆ ซึ่งด้านในนั้นจัดแสดงชุดเกราะและดาบทั้งของซามูไรและนินจาหลากหลายรูปแบบ และกิจกรรมสนุกๆ สำหรับผู้เข้าชมมากมาย
โดยในมุมของซามูไร ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีทั้งการสอนใช้ดาบซามูไรเบื้องต้น มีชุดเกราะซามูไรให้ลองใส่และถ่ายรูป ไปจนถึงโชว์ซามูไรที่จะได้เพลิดเพลินไปกับท่วงท่าการใช้ดาบอันสง่างาม ส่วนในมุมของนินจาก็มีทั้งการฝึกใช้อาวุธหลักๆ ทั้งปาดาวกระจาย เป่าลูกดอก และมีดนินจา และแน่นอนว่ามีชุดให้ลองสวมใส่เพื่อถ่ายรูปเช่นกัน
เว็บไซต์ : https://mai-ko.com/samurai/
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Hankyu-Kyoto ไปลงที่สถานี Kawaramachi จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 3 นาที
เวลาเปิด-ปิด : 10.00 – 20.00 น.
ค่าเข้าชม : 2,500 เยน
2. ตลาดนัดที่วัดโทจิ (Toji Temple Flea Market)
เกียวโตกับวัดและศาลเจ้าถือเป็นของคู่กันจนไม่อาจแยกออกไปได้ แต่นอกจากการไปเที่ยววัดในเกียวโตเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดูซากุระหรือใบไม้เปลี่ยนสี หรือชมสวนญี่ปุ่นสวยๆ หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่าวัดหลายแห่งในเกียวโตนั้นยังมีการจัดตลาดนัดขายของขึ้นด้วย ซึ่งหนึ่งในตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในเกียวโตนั้นคือตลาดนัดที่วัดโทจิ วัดเก่าแก่อายุกว่าพันปีที่มีเจดีย์ห้าชั้นที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น โดยตลาดนัดที่วัดแห่งนี้จะจัดขึ้นทุกวันที่ 21 ในแต่ละเดือนเท่านั้น ซึ่งจะมีทั้งสินค้าทำมือและสินค้ามือสองหลากหลายชนิดมาวางจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า งานฝีมือน่ารักๆ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เก่าและใหม่ ไปจนถึงอาหารอร่อยๆ อีกหลากหลายเมนู นอกจากนี้สำหรับใครที่เป็นสายสะสมของเก่าโดยเฉพาะ ที่วัดโทจิยังมีการจัดตลาดนัดขายของเก่าโดยเฉพาะขึ้นทุกวันอาทิตย์แรกของเดือนอีกด้วย
การเดินทาง : เดินจากสถานี Kyoto ประมาณ 15 นาที หรือขึ้นรถไฟสาย Kintetsu-Kyoto มาลงที่สถานี Toji
เวลาเปิด-ปิด : จัดขึ้นทุกวันที่ 21 ของแต่ละเดือน ตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงประมาณ 16.30 น.
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
3. ป่าไผ่แห่งที่สองในเกียวโตที่วัดโคโตอิน (Bamboo Forest at Kotoin Temple)
ป่าไผ่อาราชิยาม่าถือเป็นหนึ่งในที่เที่ยวของเกียวโตมีชื่อเสียงไปทั่วโลก จนทำให้ตลอดทางเดินของแนวป่าไผ่นั้นเต็มไปด้วยผู้คนตั้งแต่เช้าจรดเย็น โดยสำหรับใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากการเดินเบียดเสียดผู้คน และต้องการสัมผัสความเงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง ในเกียวโตก็ยังมีป่าไผ่อีกแห่งหนี่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นก็คือป่าไผ่ที่วัดโคโตอิน ซึ่งความพิเศษของป่าไผ่แห่งนี้คือการปลูกต้นเมเปิ้ลร่วมอยู่ด้วย ทำให้ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ภาพทางเดินของแนวป่าไผ่ที่วัดโคโตอินจะเต็มไปด้วยสีเขียวสลับแดงจากใบไผ่และใบเมเปิ้ลซึ่งร่วงหล่นลงมาอยู่บนพื้นทางเดินอย่างสวยงาม
การเดินทาง : จากสถานีเกียวโต ขึ้นรถบัสสาย 101, 205 หรือ 206 มาลงที่ป้าย Daitokuji-mae (45 นาที 230 เยน)
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 – 16.30 น.
ค่าเข้าชม : 400 เยน
4. ศาลเจ้าหมูป่า โกโอจินจะ (Gooujinja)
ศาลเจ้าโกโอจินจะ ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่มีจุดเด่นตรงที่มี “หมูป่า” อยู่เต็มไปหมด ตั้งแต่แท่นล้างมือรูปหมูป่าหน้าศาลเจ้า (ที่เชื่อกันว่าหากลูบจมูกหมูป่าตรงนี้จะทำให้ชีวิตมีความสุข) รูปปั้นหมูป่าหน้าอาคารหลักของศาลเจ้า ไปจนถึงเครื่องรางประจำศาลเจ้าที่เป็นรูปหมูป่าเช่นกัน
สาเหตุที่ศาลเจ้าแห่งนี้นำหมูป่ามาใช้เป็นสัญลักษณ์นั้นไม่ได้มาจากเทพเจ้า แต่มาจากผู้สร้างศาลเจ้าแห่งนี้คือ วาเกะโนะคิโยมาโระ และ วาเกะโนะฮิโรมุชิ ขุนนางสองคนที่ส่วนสำคัญในการวางแผนสร้างเมืองหลวงที่เกียวโต ซึ่งครั้งหนึ่งขุนนางทั้งสองได้ถูกลอบโจมตีกลางป่า แต่กลับมีฝูงหมูป่าจำนวนมากโผล่ออกมาจนทำให้การลอบโจมตีล้มเหลว และขุนนางทั้งสองคนปลอดภัย เมื่อถึงเวลาสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้น ขุนนางทั้งสองจึงได้นำหมูป่ามาเป็นสัญลักษณ์ของศาลเจ้าเพื่อแสดงความขอบคุณ
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Karasuma ไปลงที่สถานี Marutamachi จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 8 นาที
เวลาเปิด-ปิด : 06.00 – 21.00 น.
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
5. ภูเขาโยชิดะ (Yoshida Mountain)
สำหรับใครที่มองหาพื้นที่สีเขียวและคาเฟ่ที่ไม่เหมือนใครในเกียวโต ที่บริเวณด้านหลังศาลเจ้าโยชิดะ ใกล้กับมหาวิทยาลัยเกียวโตนั้นมีภูเขาเตี้ยๆ อยู่ลูกหนึ่ง ชื่อว่าภูเขาโยชิดะ ซึ่งใช้เวลาเดินสั้นๆ เพียงสิบห้านาทีก็ถึงยอดเขา โดยระหว่างทางนั้นนอกจากจะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์แล้ว ก็ยังมีเสาโทริอิและโคมไฟหินของศาลเจ้าโยชิดะตั้งเรียงรายอยู่เป็นระยะ และที่เป็นไฮไลท์ก็คือคาเฟ่และโรงชา “โมอัน” ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขา ชั้นแรกของร้านเป็นโรงชาที่เสิร์ฟชาเขียวด้วยพิธีชงชาแบบดั้งเดิม และชั้นที่สองนั้นเป็นคาเฟ่ที่เสิร์ฟทั้งอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายตลอดทั้งวัน ด้วยการตกแต่งจากกระจกแบบรอบด้าน ทำให้สามารถเพลิดเพลินไปกับการนั่งชมธรรมชาติ และทานเมนูอร่อยๆ ไปพร้อมๆ กัน
การเดินทาง : จากหน้าสถานี Kyoto ขึ้นรถบัสสาย 206 ไปลงที่ป้าย Kyodaiseimonzen (30 นาที 230 เยน) จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 7 นาที
เวลาเปิด-ปิด : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง (คาเฟ่โมอันเปิด 11.30 – 18.00 น. ปิดทุกวันจันทร์)
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี