ไปเช็คอิน30จุดในฮอกไกโด-โทโฮคุด้วยJRพาสสุดคุ้ม
ROUTE การเดินทางในครั้งนี้
Bangkok - Haneda - Hakodate - Aomori - Miyagi - Narita - Bangkok
ดูรายละเอียดตั๋วที่ใช้คราวนี้ JR East-South Hokkaido Rail Pass
Hakodate
ยกให้เป็นเมืองที่โรแมนติกมากจริงๆ ค่ะ เพราะมีจุดชมวิวยามค่ำคืนหลายที่และสวยงาม เป็นเมืองที่ใหญ่อันดับ 3 ทางตอนใต้ของฮอกไกโด หิมะจะตกน้อยกว่าเมืองอื่นบนเกาะฮอกไกโดเพราะเป็นเมืองติดทะเล เนื่องจากมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับต่างชาติมายาวนาน ผังเมืองสวยเหมือนเดินอยู่ในยุโรป
จุดเช็คอินยอดฮิตในฮาโกดาเตะ
1 Hakodate Ramen Ichimoji
2 ดูลิงแช่ออนเซ็น ที่ สวนพฤกษศาสตร์เขตร้อนฮาโกดาเตะ (Hakodate Tropical Botanical Garden)*
3 โบสถ์คาทอลิกโมโตมาจิ (Motomachi Roman Catholic Church) และ เนินฮาจิมันซากะ (Hachiman-Zaka Slope)*
4 หอคอยโกเรียวกาคุ (Goryokaku Tower)*
5 แช่ออนเซนเท้าที่ Yumeguri butai
6 โรงแรม Heiseikan Shiosai-Tei
7 ตลาดเช้าฮาโกดาเตะ (Hakodate Morning Market)
8 ตกปลาวาคาซากิบนทะเลสาบน้ำแข็งที่อุทยานแห่งชาติโอนุมะ (Onuma Quasi National Park)
9 โกดังอิฐแดงคาเนะโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse)
10 ยอดเขาฮาโกดาเตะ (Mount Hakodate)
11 ร้าน Genghis Kan Meimeitei
Aomori
จังหวัดที่ตั้งอยู่เหนือสุดของภูมิภาคโทโฮขุ มีความหมายว่า “ป่าสีเขียว” เมืองหลวงมีชื่อเดียวกันว่า “เมืองอาโอโมริ” เป็นบ้านเกิดของแอปเปิ้ล เพราะเธอคือผลผลิตชื่อดังของเมืองนี้ค่ะ น้ำแอปเปิ้ลอร่อยมาก จากฮาโกดาเตะสามารถเดินทางด้วย รถไฟลอดอุโมงค์เซคัง มายังจังหวัดนี้ได้ เมืองหลักๆ ที่เราจะมาเที่ยวกัน คือ อาโอโมริ และ ฮาจิโนเฮะ
จุดเช็คอินยอดฮิตในอาโอโมริ
12 กระเช้าลอยฟ้าฮักโกดะ (Hakkoda Ropeway)*
13 จุดชมวิวสะพานโจกาคุระ (Jogakura Bridge)
14 ทานวากิว ที่ HOTEL Jogakura
15 หอศิลป์อาโอโมริ (AOMORI MUSEUM OF ART)
16 TOHOKU EMOTION*
17 ศาลเจ้าคุชิฮิกิฮาจิมังกู (Kushihiki Hachiman Shrine)
18 ชุมชนร้านแผงลอยฮะจิโนะเฮะ (Hachinohe Yataimura Miroku Yokocho)
19 ชานชาลาสถานี Morioka (จังหวัด Iwate)
Miyagi
ตั้งอยู่ตอนกลางของภูมิภาคโทโฮขุ เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว เมืองหลวงคือ “เซ็นได” เป็นเมืองที่ใหญ่และคึกคักมากที่สุดในโทโฮขุ มาแล้วรู้สึกลุ่มหลงในแสงสีเสียง!! ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของที่นี่ก็ไม่ธรรมดาเพราะมีมามากกว่าพันปี สถานที่หลักๆ ที่เราจะมาเที่ยวกันจะอยู่ที่เมืองนารุโกะ เซ็นได และ มัตสึชิม่า ค่ะ
จุดเช็คอินยอดฮิตในจังหวัดมิยางิ
20 Naruko Onsen*
21 นั่งรถไฟ Resort Minori*
22 Nanbuya ข้าวหน้าหอยนางรม
23 วัด Godaido
24 Kanrantei Tea House
25 วัด Zuiganji
26 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ เซ็นได อุมิโนะโมริ (Sendai Umino-mori Aquarium)
27 Dateno Gyutan Honpo
28 สุสานซุยโฮเดน (Zuihoden)*
29 ซากปราสาทเซนได*
30 โอซากิฮาจิมังกู (Osaki Hachimangu Shrine)*
รู้จัก JR พาสใช่มั้ย มีมากมายหลายชนิดและหลายชื่อ แต่ตั๋วที่เราจะใช้คราวนี้มีชื่อว่า JR East-South hokkaido Rail Pass
รู้จักกับ JR East-South Hokkaido Rail Pass
เป็นตั๋ว JR Rail Pass ที่วิ่งตรงจาก Tokyo ~ Shin-Hakodate-Hokuto แค่ 4 ชั่วโมง 2 นาทีเท่านั้นค่ะ เลือกงานใช้ได้ 6 วัน ไม่จำเป็นต้องใช้ต่อเนื่องด้วย แต่ต้องใช้ภายใน 14 วันหลังจากซื้อหรือหลังจากแลกพาสจริงและขึ้นรถไฟครั้งแรก
ราคาสำหรับคนที่ซื้อตั๋วล่วงหน้า (ที่ไม่ได้ซื้อในประเทศญี่ปุ่น)
ผู้ใหญ่ (12 ปีขึ้นไป) 26,000 เยน
เด็ก (6-11ปี) 13,000 เยน
ราคาปกติ (ซื้อในประเทศญี่ปุ่น)
ผู้ใหญ่ (12 ปีขึ้นไป) 27,000 เยน
เด็ก (6-11ปี) 13,500 เยน
แนะนำให้ซื้อล่วงหน้าก่อนเดินทางมาญี่ปุ่น เพราะประหยัดถึง 1,000 เยนเลยค่ะ
พาสนี้ครอบคลุมรถไฟสายไหนบ้าง ?
Shinkansen
JR Line
Aoimori Railway
IGR lwate Galaxy Railway
Izu Kyuko Line
Sendai Airport Transit
Tobu Railway
Tokyo Monorail
*ไม่สามารถใช้กับ South Hokkaido Railway ได้
*ไม่สามารถใช้กับบัส JR และ Tokaido Shinkansen ได้
*รถไฟสายอื่นนอกเหนือจากที่ระบุไว้ ต้องจ่ายค่าโดยสารเอง
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับตั๋ว JR East-South Hokkaido Rail Pass
- www.tohoku-buffet.com (ภาษาไทย)
Let’s gooooo
ออกเดินจากจากสนามบินสุวรรณภูมิ ถึงสนามบินฮาเนดะ (Terminal 1) ด้วยสายการบิน ANA เราเดินทางมาถึงตอน 06.30 น. ซึ่งเวลาที่ประเทศญี่ปุ่นจะเร็วกว่าเรา 2 ชั่วโมง
ปัจจุบันนี้ยังไม่มีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพมาลงที่ฮาโกดาเตะ เราจึงต้องต่อเครื่อง โดยการนั่งรถบัสไป Terminal 2 ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 10 นาที รถบัสออกทุกๆประมาณ 10 นาที โดยจะวิ่งตั้งแต่ 4.00-00.45น.
ใช้เวลาบินชั่วโมงนิดๆ เราก็มาถึงสนามบินที่ฮาโกดาเตะ อย่าลืมเลือกที่นั่งข้างหน้าต่างเพราะวิวด้านล่างสวยมาก
ความรู้สึกแรกทันที่ที่มาถึงฮาโกดาเตะคือ หิว!! หลักจากฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม Heiseikan Shiosai-Tei ซึ่งเราจะพักกันในคืนนี้ เราก็เดินออกมาทานราเมงที่ร้าน Ichimoji ซึ่งเป็นร้านราเมงชื่อดังในฮาโกดาเตะ
Check point 1 : Hakodate Ramen Ichimoji
ถ้าไปซัปโปโรก็ต้องทานราเมงมิโสะ ไปอาซาฮิคาว่าก็ต้องทานราเมงโชยุ แล้วถ้ามาฮาโกดาเตะ ไม่มาทานราเมงเกลือก็เหมือนมาไม่ถึงฮาโกดาเตะเนอะ เดินจากโรงแรมไปร้านราเมงแค่ 5 นาทีเท่านั้น และเป็น 5 นาทีที่เราสงสัยว่า เจ้าราเมงเกลือนี่มันจะเค็มขนาดไหน? เค็มแบบเกลือเลยมั้ย? แล้วจะกินได้มั้ย?
มาถึงร้านแล้วโต๊ะเต็ม!!!
แต่รอไม่นานก็มีโต๊ะว่างค่ะ บรรยากาศในร้านเป็นร้านไม่ใหญ่มาก มีประมาณ 4-5 โต๊ะ ไม่นานราเมงเกลือ (ชิโอะราเมง) ที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟ ถ้วยนี้ราคา 770 เยน
ชิโอะราเมงเป็นราเมงสูตรดั้งเดิมที่ยังคงรสชาติแบบต้นตำหรับแท้ๆ ของฮาโกดาเตะเอาไว้ น้ำซุปเกลือจะต้องเป็นน้ำซุปใสใส ชิมไปคำแรก โอ้โห…. เค็ม คำที่ 2 ก็ยังเค็มอยู่ แต่มันเป็นรถชาติเค็มที่อร่อย ไม่ได้เค็มปี๋เหมือนเกลืออย่างที่คิดไว้ ตักชิมไปชิมมา เอ้า!! หมดถ้วย
การเดินทาง Hakodate City Tram ลงสถานี Yunokawa แล้วเดินต่ออีก 15 นาที
ที่อยู่ 2-1-3 Yunokawa-cho, Hakodate
แผนที่ https://goo.gl/maps/QzyCqKkLcZH2
เบอร์ติดต่อ 0138-57-8934
Website http://ichi-monji.com/2018
Check point 2 : สวนพฤกษศาสตร์เขตร้อนฮาโกดาเตะ (Hakodate Tropical Botanical Garden)
ที่ต่อมาเราจะไปดูลิงแช่ออนเซ็นที่สวนพฤกษศาสตร์เขตร้อนฮาโกดาเตะค่ะ ซึ่งปกติเจ้าลิงภูเขาจะเข้าชมได้ตลอดทั้งปี แต่ลิงแช่ออนเซ็นจะมีให้ชมแค่ในช่วงฤดูหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนต้นพฤษภาคมเท่านั้น ช่วงที่สวยที่สุดก็ต้องยกให้ช่วงที่หิมะตก วันที่เราเดินทางไปถึง ในขณะที่เมืองอื่นๆ ของฮอกไกโดหิมะถล่มอย่างหนัก แต่ที่ฮาโกดาเตะนั้นไม่มีหิมะตกเลย
ที่นี่เป็นสวนพืชเขตร้อนขนาดใหญ่ ด้านในมีโซนเรือนกระจกที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์พืชเขตร้อนกว่า 3000 สายพันธุ์ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพืชที่คนไทยรู้จักกันอย่างดี เช่น มะม่วง กาแฟ กล้วย กระบองเพชร สัปปะรด มีบ่อเลี้ยงปลาคาร์ฟ บ่อเลี้ยงกบ เลี้ยงกระต่าย มีสวนเฟื้องฟ้า
ด้านหลังของสวนพฤกษศาสตร์เขตร้อน ในช่วงหน้าร้อนจะเป็นสวนน้ำและสนามเด็กเล่น ในช่วงฤดูหนาวจะถูกปกคลุมด้วยหิมะ กลายเป็นจุดชมวิวแปซิฟิกดีดีอีกจุดหนึ่ง
เวลาเปิด-ปิด
9.30-18.00 น. เดือนเมษายน – ตุลาคม / 9.30-16.30 น. เดือนพฤศจิกายน – มีนาคม
วันหยุด 29 ธันวาคม – 1 มกราคม
ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 100 เยน (ประถม-มัธยมต้น)
การเดินทาง
รถแท็กซี่ : 15 นาที โดยจาก JR Hakodate Station
รถราง : ลงสถานี Yunokawa Onsen เดินต่อ 15 นาที
รถเมล์ : จากสถานี JR Hakodate ขึ้น Hakodate Bus ชานชาลาที่ 3 รถหมายเลข 96 (นั่ง20นาที)
รถมีทุก 30 นาที ลงป้าย Nettai Shokubutsu-en อยู่ต่อจากป้าย Yunokawa-onsen เดินอีก 5 นาที
ที่อยู่ 3-1-15 Yunokawa-cho, Hakodate
แผนที่ https://goo.gl/maps/oU5vsPdNtoA2
เบอร์ติดต่อ 0138-57-7833
Website http://www.hako-eco.com
Check point 3 : โบสถ์ประจำย่านเมืองเก่าโมโตมาจิ (Motomachi Roman Catholic Church) และ เนินฮาจิมันซากะ (Hachiman-Zaka Slope)
เป็นย่านเมืองเก่าที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน ตั้งอยู่ตีนเนินเขาฮาโกดาเตะ เป็นย่านที่มีชาวต่างชาติที่อพยบเข้ามาตั้งรกราก ที่แห่งนี้จะมีสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป ตั้งแต่สมัยที่ญี่ปุ่นเปิดเมืองฮาโกดาเตะเป็นเมืองท่าสำหรับทำการค้ากับต่างชาติ
บริเวณนี้เป็นถนนที่สามารถเดินชมอาคารต่างๆ ได้ ช่วงฤดูหนาวต้องระมัดระวังในการเดินมาก เพราะหิมะที่เริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็ง มันจะลื่นมากจริงๆ สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ก็จะมีห้องโถงอนุสรณ์สไตล์จีน ศาลาประชาคมฮาโกดาเตะ โบสถ์รัสเซียออโธด๊อกซ์ สถานกงศุลอังกฤษเก่า บ้านตระกูลโซมะ วัดฮิงาชิฮอนงันจิ โบสถ์โมโตมาจิโรมันคาธอลิค และเนินชมวิวยอดฮิตอย่างเนิน ฮาจิมันซากะ
บริเวณย่านเมืองเก่าจะมีหลานเนินมาก แต่เนินที่โด่งดังและเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมคือเนินฮาจิมันซากะ วิธีสังเกตุง่ายๆ คือจะเป็นเนินที่มองเห็นวิวภูเขาและท่าเรือฮาโกดาเตะอยู่ฝั่งตรงข้าม เป็นที่นิยมมาถ่ายหนังถ่ายโฆษณากัน เรื่องแฟนเดย์ก็มาถ่ายที่นี่ด้วยค่ะ ในช่วงฤดูหนาวก็จะมีการประดับไฟไว้ตามต้นไม้ยาวลงไปตลอดสองข้างทาง
การเดินทาง Hakodate City Tram ลงสถานี Suehirocho แล้วเดินต่ออีก 105 นาที
ที่อยู่ 3-1-15 Yunokawa-cho, Hakodate
แผนที่ https://goo.gl/maps/7AyhWpEx3UH2
เบอร์ติดต่อ 0138-22-6877
Website http://www.hakobura.jp/db/db-view/2011/04/post-60.html
Check point 4 : หอคอยโกเรียวกาคุ (Goryokaku Tower)
จากป้อมที่สร้างไว้เพื่อป้องกันการรุกรานจากต่างชาติ ปัจจุบันถูกปรับแต่งเป็นสวนสาธารณะที่ยังคงรักษารูปแบบดั้งเดิมของป้อมเอาไว้ มีการสร้างหอคอยความสูง 60 เมตร ภายในหอคอยมีพิพิธภัณฑ์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามที่เคยเกิดขึ้นที่นี่และเป็นจุดชมวิวมุมสูงที่สามารถมองเห็นป้อมเป็นรูปดาว 5 แฉกด้วย
ในเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ จะมีงาน Goryokaku Hoshi No Yume มีการประดับไฟรูปดาวห้าแฉก ส่วนปลายเดือนเมษายนเป็นต้นไป ดอกซากุระจะบานสะพรั่งไปทั่วทั้งสวน
อีกฝั่งจากหอคอยโกเรียวกาคุ ก็สามารถมองเห็นเมืองฮาโกดาเตะยามค่ำคืนได้เช่นกัน
เวลาเปิด-ปิด
4เมษายน-21ตุลาคม 08:00-19:00 น.
21ตุลาคม-10 มีนาคม 09:00- 18:00 น.
ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 900 เยน / เด็กมัธยม 680 เยน / เด็กประถม 450 เยน
เด็กที่ยังไม่เข้าเรียนอายุต่ำกว่า 5 ขวบ เข้าฟรี
การเดินทาง
รถราง : มาลงที่ป้าย Goryokoku Koen Mae แล้วเดินต่อ 15 นาที
รถเมล์ : ลงที่ป้าย Goryokoku Koen Iriguchi แล้วเดินต่อ 7นาที
ที่อยู่ 44 Goryokaku-cho, Hakodate
เบอร์ติดต่อ 0138-51-4785
Website https://www.hakodate.travel/th/sightseeing_spots/view/goryokaku-tower
Check point 5 : แช่ออนเซนเท้าที่ Yumeguri butai ที่ Yunokawa Onsen
นอกจากฮอกไกโดจะขึ้นชื่อเรื่องความโรแมนติกของเมืองในยามค่ำคืนแล้ว ออนเซ็นของที่นี่ ก็ขึ้นชื่อไม่แพ้กันค่ะ Yunokawa Onsen เป็นย่านของบ่อน้ำพุร้อนออนเซ็นที่มีชื่อเสียงของฮอกไกโดที่ได้รับความนิยมมากจากนั่งท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ ที่นี่จะเป็นแหล่งรวมที่พัก โรงแรม และบ่อออนเซ็นเยอะแยะมากมาย เมื่อเช้าไปดูลิงแช่ออนเซ็นกันแล้ว ถึงเวลาเรามาแช่ออนเซ็นบ้าง
บริเวณจุดที่เรามาแช่เรียกว่า Yumeguri butai เป็นออนเซ็นบ่อเล็กๆ สำหรับแช่เท้า ห้ามลงไปแช่ทั้งตัวเด็ดขาด เพราะมันตื้น!! แฮร อยู่ติดกับป้ายรถราง สถานี Yunokawa-Onsen เลยค่ะ จะแช่เท้าลงในบ่ออุ่นๆ ระหว่างรอรถราง หรือเพราะปวดเมื่อยขาหลักจากเดินเที่ยวมาทั้งวัน การได้มาจุ่มเท้าแช่ในบ่อออนเซ็นอุ่นๆ ท่ามกลางอากาศหนาวๆ ...โคตรฟิน แถมฟรี!! อีกด้วย แต่อย่าลืมนำผ้าเช็ดเท้ามาด้วยนะ เพราะการรอให้เท้าแห้งเองแบบไม่มีอะไรมาเช็ด มันโคตรหนาวจริงๆ
เวลาเปิด-ปิด เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 9:00 - 21:00 น.
ค่าเข้าชม ฟรี
การเดินทาง
รถราง : สถานี Yunokawa-Onsen เดินต่อ 1 นาที
ที่อยู่ 1-16-5 Yunokawa-cho, Hakodate
แผนที่ https://goo.gl/maps/jtUp1qZo77M2
เบอร์ติดต่อ 0138-57-8988
Website https://hakodate-yunokawa.jp/lan/en
Check point 6 : โรงแรม Heiseikan Shiosai-Tei
แต่มาถึงถิ่นแหล่งออนเซ็นทั้งทีจะให้มาแค่ออนเซ็นแค่เท้าได้ยังไงเนอะ อยากมานอนเรียวกังแช่ออนเซ็นแบบส่วนตัวๆ พร้อมดูวิวทะเลแปซิฟิกไปด้วย ก็ต้องมาพักที่ โรงแรม Heiseikan Shiosai-Tei เราสามารถมองเห็นวิวแปซิฟิกผ่านห้องต่างๆ ของโรงแรมได้ ไม่ว่าจากลอบบี้ของโรงแรม ห้องทานอาหาร หรือห้องพัก และที่นี่จะมีห้องพักแค่ 20 ห้องเท่านั้น
ห้องที่เราพัก มีชื่อว่า JAPANESE ROOM PRIVATE HOT SPRING OCEAN VIEW เป็นห้องเรียวกังที่มีพื้นที่กว้างมาก มีห้องนั่งเล่นมีหน้าต่างบานใหญ่ที่มองเห็นทะเลแปซิกได้ มีบ่อออนเซ็นแบบส่วนตัวสุดๆ อยู่ด้านหลังห้องเลยค่ะ ที่โรงแรมแห่งนี้มีบ่อออนเซ็นแบบรวมด้วยนะคะ แต่เราไม่ได้ไปแช่ มาวันแรกยังอายๆ อยู่ ก็เลยขอแช่ออนเซ็นในห้องแทน แช่ก่อนนอน ตื่นเช้ามาก็แช่อีก
มุมออนเซ็นแบบส่วนตัวที่มองเห็นวิวทะเลแปซิฟิก ในช่วงตอนกลางคืนตรงทะเลแห่งนี้จะเต็มไปด้วยแสงไฟจากเรือตกหมึก ก่อนลงไปแช่นี่เราจะเง้อคอดูอยู่นานมาก ว่าจะมีใครเห็นหรือเปล่า
วิวทานข้าวตอนเช้าสวยอลังการล้านแปดมาก วิวสวยแบบเหมาะ เหมาะแก่การเดินไปตักข้าวเพิ่ม เกี่ยวมั้ย
การเดินทาง Hakodate City Tram ลงสถานี Yunokawa แล้วเดินต่ออีก 15 นาที
ที่อยู่ 1-2-37 Yunokawacho, Hakodate, Hokkaido
แผนที่ https://goo.gl/maps/LmfBmhgYMuu
เบอร์ติดต่อ 0138-59-2335
Website http://www.shiosai-tei.com/
https://www.wendytour-th.com/tohoku-hakodate-buffet.html
Check point 7 : ตลาดเช้าฮาโกดาเตะ (Hakodate Morning Market)
ตลาดที่มีชื่อเสียงในฮอกไกโดและเป็นตลาดที่ถ่ายทอดวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองฮาโกดาเตะได้เป็นอย่างดี ตลาดแห่งนี้มีพื้นที่กว้างมาก มีถนนใหญ่ 2 เส้นตัดผ่าน แต่ทุกซอกทุกมุมสามารถเดินทะลุถึงกันได้หมด
ภายในมีร้านค้ากว่า 240 ร้าน มีโซนฟู๊ดคอร์ส โซนตลาดด้านในอาคาร และโซนตลาดด้านนอก ยอดฮิตที่เรียกว่า Ekini Market กับ Donburi Market วันนี้หยุดค่ะ อยากจะมาตกหมึก แต่ก็หยุดอีกเช่นกัน
อยากรู้ว่าในตลาดนี้อะไรอร่อย ร้านไหนอยู่ตรงไหน สอบถามที่ Information Center ได้ค่ะ จะอยู่ตรงโซนฟู๊ดคอร์ด เปิดก่อน 7 โมงเช้า-บ่าย 3 มีเครื่องแปลภาษาให้เช่าด้วย แต่ต้องติดต่อล่วงหน้า
เวลาเปิด-ปิด 05.00-14.00 น. แตกต่างกันไปตามแต่ละร้านค้า
การเดินทาง
รถไฟ : นั่งรถไฟ JR สาย Hakodate Line มาลงสถานี Hakodate แล้วเดินอีก 2 นาที
ที่อยู่ 9-19 Wakamatsucho, Hakodate, Hokkaido Prefecture
แผนที่ https://goo.gl/maps/3afcGgEfWrj
เบอร์ติดต่อ 0138-22-7981
Website http://uu-hokkaido.com/corporate/hakodate-asaichi.shtml
https://www.wendytour-th.com/tohoku-hakodate-buffet.html
Check point 8 : ตกปลาวาคาซากิบนทะเลสาบน้ำแข็ง ที่อุทยานแห่งชาติโอนุมะ (Onuma Quasi National Park)
อุทยานแห่งชาติที่มีวิวภูเขาไฟโคมาคาตาเกะที่ยังคุกรุ่นเป็นฉากหลัง คนญี่ปุ่นบอกว่ารูปร่างเหมือนม้า เป็นอุทยานที่มีกิจกรรมกลางแจ้งให้ทำเยอะมากจะมาปั่นจักรยาน ตั้งแคมป์ ล่องเรือก็ได้ แต่ในช่วงฤดูหนาวแบบนี้ทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็ง เหมาะแก่การมาตกปลาวาคาซากิ วาคาซากิคือชื่อปลานะคะ ไม่ใช่ยี่ห้อรถเครื่องแต่อย่างใด ซึ่งกิจกรรมนี้ทำได้แค่ช่วงฤดูหนาวเท่านั้น และวันนี้เราจึงมาตกปลาท่ามกลาง อุณหภูมิ -1 องศา
จุดที่เรามาตกปลามีชื่อว่า Onuma Godo Yusen จะอยู่ตรงจุด Park Plaza ก่อนถึง View Point และ Koraku Bridge มาตัวเปล่า(แต่กำเงินมาด้วยนะ) ได้เลย ไม่ต้องเอาเบ็ดตกปลามาเพราะที่นี่เค้ามีอุปกรณ์ให้ทั่งหมด ส่วนวิธีตกปลาง่ายมาก เจ้าหน้าที่จะมาใส่เหยื่อให้ เราแค่ทำหน้าที่หย่อนเบ็ดตกปลาลงไปในหลุมน้ำแข็งที่เจาะรูเอาไว้ และนั่งรอบนเก้าอี้สีเหลือง คอยเขย่าๆ ยกเบ็ดตกปลาเรื่อยๆ ให้ดูเหมือนเหยื่อยังมีชีวิต
ใช่ค่ะเราจะหลอกปลา!!!
เจ้าหน้าที่เพิ่งหย่อนเบ็ดตกปลาลงไป เรายังไม่ทันจะนั่งเลย ปลาก็กินเหยื่อแล้ว ตกได้ 2 ตัว ดีใจมาก
แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครตกได้อีกเลย!!!! มา 4 คน ตกได้ 3 ตัว!!!
ผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีใครตกได้ จากลานน้ำแข็งโล่งๆ ที่มีแค่พวกเรา แปปเดียว ผู้คนจากที่ไหนไม่รู้ก็มานั่งจับจองเก้าอี้สีเหลืองกันเต็มไปหมด ถึงว่าตกปลาไม่ได้เลย เพราะมีเหยื่อให้ปลาเลือกกินเยอะนี่เอง (นั่นนน..โทษคนอื่นอีก)
ปลาที่ตกได้เอาไปทำอะไร??
เอาไปกิน หรือ จะตกเล่นๆ ขำๆ ก็ไม่มีใครว่าค่ะ แต่ตกได้ 3 ตัว กิน 4 คนก็คงไม่อิ่ม แต่เราสามารถเข้ามาสั่งในร้านให้พี่เค้าทำให้กินได้เลย จะมีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบปลาทอด กับ เทมปุระ จานละ 500 เยนเอง เราเลือกแบบปลาเทมปุระไป รอไม่นาน เทมปุระร้อนๆ ก็มาเสิร์ฟ หน้าตาน่ากินมาก ตอนกินก็เอาพริกโรยเล็กน้อย อร่อย
ค่ากิจกรรมตกปลา
ผู้ใหญ่ 1,600 เยน / เด็ก 1,500 เยน (อายุ 4-15 ปี)
การเดินทาง
รถแท็กซี่ : 18 นาที จากสถานี JR Shin-Hakodate-Hokuto
รถไฟ : 10 นาที โดยรถไฟ Limited Express “Super Hokuto” จากสถานี JR Shin-Hakodate-Hokuto มาลงที่ JR Onuma Koen Station เดินต่อไปยัง Park Plaza อีก 5 นาที
ที่อยู่ Onumacho, Nanae, Kameda District, Hokkaido
แผนที่ https://goo.gl/maps/bp6yoL28tP82
เบอร์ติดต่อ 0138-67-2229
Website www.onuma-park.com
Check point 9 : โกดังอิฐแดงคาเนะโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse)
ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ยอดนิยมของฮาโกดาเตะ เป็นโกดังอิฐที่สร้างขึ้นในปี 1909 และได้รับการบูรณะใหม่ทั้งหมด มีร้านอาหารและร้านของที่ระลึกต่างๆ ตั้งอยู่ภายในโกดังประมาณ 40-50 ร้าน
แต่จะมาเดินเล่นอย่างเดียวก็ดูธรรมดาเกินไป มาทั้งทีก็ต้องมาสวมชุดกิโมโนเดินเล่นท่ามกลางลมหนาวสิ ร้านที่เรามาเช่าชุดกันนั้นมีชื่อว่า Hakodate Wayo Modern (Hakodate Meijikan อยู่ชั้น 2)
มีชุดให้เช่าหลายแบบหลายสไตล์ ชุดแบบญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น กิโมโน ฮาคามะ ซามุไร นินจา ก็มี แต่อาจไม่ใช่ชุดที่ญี่ปุ่นแท้ๆ แต่ก็จะเป็นชุดที่ดูโมเดิร์นๆ สมัยใหม่ขึ้นมาหน่อย แซ่บที่สุดต้องยกให้ชุดโออิรัน ใครไม่กลัวหนาวไปลองได้ ชุดตะวันตกแบบประยุกต์ก็มี แต่พวกเราเลือกใส่ชุดฮาคามะกันค่ะ เวลาถ่ายรูปจะได้เป็นตีมเดียวกัน (เรามาในคอนเซ็ป ซามูไรกับเมียของเขา) ใช้เวลาแต่งตัวประมาณ 10-30 นาที แล้วแต่ความยากง่ายของชุด เราเองก็จำไม่ได้ว่าใช้เวลาแต่งตัวนานแค่ไหน แต่รู้แค่ว่ามีเสื้อผ้ามาพันรอบๆ ตัวหลายชั้นมาก และที่นี่มีเซอร์วิสทำผมแบบง่ายๆ ด้วยไม่ต้องแต่ง จะมีคุณลุงคุณป้าแต่งตัวให้ทุกอย่าง เราแค่ยืนอยู่เฉยๆ
ค่าบริการ 1 ชั่วโมง 3,000 เยน หากเกินชั่วโมง จะคิด 1000 เยน/ชั่วโมง ใครจองล่วงหน้าจะได้รับเป็นกระเป๋าถือถ่ายรูปและโบว์ติดผมฟรีอีกด้วย
เวลาเปิด-ปิด
เปิดบริการทุกวัน 9:30 – 19.:00 น.
การเดินทาง
รถราง: จากสถานี JR Hakodate ลงที่ป้าย Suehiromachi เดินต่ออีก 15 นาที
รถราง : เดินทาง 5 นาที ลงป้าย “Jujigai” แล้วเดินเท้าต่อ 5 นาที
ที่อยู่ 14-12 Suehiro-cho, Hakodate
แผนที่ https://goo.gl/maps/znyVRVtGT1B2
เบอร์ติดต่อ 0138-27-5530
Website http://www.hakodate-kanemori.com/th/
Check point 10 : ยอดเขาฮาโกดาเตะ (Mount Hakodate)
คืนสุดท้ายที่ฮาโกดาเตะ ยังมี อีกหนึ่งสถานที่ไฮไลต์ชมเมืองยามค่ำคืนที่พลาดไม่ได้ ก็คือที่ยอดเขาฮาโกดาเตะค่ะ บนความสูง 334 เมตร จากระดับน้ำทะเล เราจะต้องนั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นสู่ยอดเขาเพื่อชมวิวมุมสูงของเมืองกันค่ะ
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมวิวจะเริ่มตั้งแต่ตอนเย็นไปจนถึงท้องฟ้าเริ่มมืดสนิท น่าเสียเนื่องจากคิวขึ้นกระเช้าไฟฟ้ายาวมาก กว่าจะได้ขึ้นไปถึงยอดเขา ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว และอีกอย่างในช่วงหน้าหนาวแบบนี้ สี่ห้าโมงเย็นที่นี่พระอาทิตย์ก็ตกแล้วค่ะ ขึ้นกระเช้าแล้วให้รีบชิดซ้าย เพราะมุมที่มองเห็นวิวสวยๆ ตอนกระเช้ากำลังเคลื่อนตัวสู่ยอดเขานั้นมีจำนวนจำกัด
และถ้าอยากมีจุดชมวิวของตัวเอง แบบไม่ต้องไม่แย่งเบียดเสียดกับใคร แนะนำเข้าไปชมในห้องที่เป็นโรงหนังได้ค่ะ จ่ายเพิ่มแค่ 100 เยน แต่ Vdo จะเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด ปาดน้ำตาเพราะฟังไม่ออกเลย แต่ดูจบแล้ว เชื่อเลยว่าทุกคนต้องร้องว้าววแน่นอน เพราะคุณจะได้เห็นวิวมุมสูงของเมืองฮาโกดาเตะแบบส่วนตั้วส่วนตัว ไม่มีใครมาแย่งชิง
เวลาเปิด-ปิด
เปิดให้บริการชมวิวด้วยกระเช้าไฟฟ้าทุกวัน / 25 เมษา-15 ตุลา จะเปิด 10.00-22.00 / 16 ตุลา-24 เมษา จะเปิด 10.00-21.00
ค่าขึ้นกระเช้า
ผู้ใหญ่ / one way trip 780 เยน / Return trip 1280 เยน
เด็ก / one way trip 390 เยน / Return trip 640 เยน
การเดินทาง
มีรถรับ-ส่งจากหน้าสถานีรถไฟฮาโกดาเตะ 240 เยน มีรถทุก 30 นาที
รถราง : จากสถานีรถไฟ JR Hakodate นั่งรถรางสาย 5 ไปลงที่สถานี Juji-gai เดินเท้าต่ออีก 10 นาที
ที่อยู่ 19-7 Motomachi, Hakodate (the Ropeway station)
แผนที่ https://goo.gl/maps/HmLqPqnNGy62
เบอร์ติดต่อ 0138-23-3105
Website https://334.co.jp/tha/
Check point 11 : ร้าน Genghis Kan Meimeitei
มาฮอกไกโดก็ต้องมาทานเนื้อเจงกินข่าน เจงกินข่าน?? คืออะไรหรอ ยอมรับสารภาพเลยว่าตอนแรกคิดว่าเป็นหนังจีนกำลังภายในอะไรแบบนี้ ที่แท้เจงกิสข่านก็คือเนื้อแกะนี่เอง ร้านที่เรามาทานกันในวันนี้มีชื่อว่า Genghis Kan Meimeitei ห่างจากโกดังอิฐแดงแค่ 200 เมตรเอง
เนื้อแกะที่ย่างบนกระทะเหล็กร้อนๆ ที่สั่งทานได้ไม่อั้น เพราะเป็นแบบบุฟเฟ่ต์เครื่องดื่มไม่อั้น และนี่คืออาจจะเป็นการกินเนื้อแกะครั้งแรกของเราค่ะ รสชาติก็จะแตกต่างกับเนื้อวัว เนื้อหมู และมีกลิ่นเฉพาะของความเป็นแกะ ถ้าใครไม่ชอบเนื้อแกะก็สามารถสั่งเนื้อวัวเนื้อหมูมาทานได้
พอทุกอย่างลงเตาย่างรวมกัน แทบแยกไม่ออกเลยว่าชิ้นไหนคือเนื้อแกะ แต่พอเรากินเป็นเท่านั้นแหละค่ะ กลิ่นเฉพาะของความเป็นแกะก็อบอวลขึ้นมา
ราคาบุฟเฟต์
บุฟเฟต์ 60 นาที + เครื่องดื่มไม่อั้น
ผู้ใหญ่ 4280 เยน เด็ก 2000 เยน
บุฟเฟ่ต์อย่างเดียว 60 นาที
ผู้ใหญ่ 3280 เยน เด็ก 1500 เยน
เวลาเปิด-ปิด
เปิดบริการทุกวัน 11:30 – 15:00 น., 17:00 - 22-00 น.
การเดินทาง
รถราง: จากสถานี JR Hakodate นั่งรถรางไปลงป้าย “Jujigai” แล้วเดินเท้าต่อ 5 นาที
ที่อยู่ 12-8 Toyokawa-cho, Hakodate
แผนที่ https://goo.gl/maps/pc9V63XnixR2
เบอร์ติดต่อ 050-5831-6109