รู้จักภูมิภาคคันไซ สำหรับมือใหม่เที่ยวญี่ปุ่น
4. วากายาม่า (Wakayama)
วากายาม่าเป็นพื้นที่สำคัญของศาสนาพุทธในประเทศญี่ปุ่นมานับพันปี โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวหลักคือภูเขาโคยะ ภูเขาศักดิ์์สิทธิ์ที่มีผู้คนมากมายเดินทางมาเพื่อแสวงบุญนับตั้งแต่ในอดีต โดยเส้นทางแสวงบุญในปัจจุบันนอกจากจะได้รับการพัฒนาให้เป็นเส้นทางเดินเขาชมธรรมชาติสำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว วัดต่าง ๆ ที่อยู่บนภูเขายังเปิดให้คนทั่วไปสามารถพักค้างคืนได้เหมือนกับการเปิดรับผู้แสวงบุญในอดีต ถือเป็นเสน่ห์และจุดขายสำหรับคนที่ต้องการความสงบหรือกำลังมองหาความแปลกใหม่ในการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น
นอกจากแง่มุมทางศาสนาแล้ว วากายาม่ายังเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวจาก “ทามะ” แมวสามสีที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายสถานีคิชิ ซึ่งแม้ในปัจจุบันเจ้าทามะได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ก็ได้มีการแต่งตั้งเจ้าเหมียวตัวใหม่ขื่อ “นิทามะ” ขึ้นมารับตำแหน่งต่อ ซึ่งจะมีขบวนรถไฟทามะ ที่ถูกตกแต่งด้วยลวดลายแมวสามสีแสนน่ารักทั่วทั้งขบวนเพื่อนำทางนักท่องเที่ยวมาสัมผัสความน่ารักของนายสถานีที่สถานีคิชิด้วยตัวเอง
วากายาม่าเป็นอีกหนึ่งเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ เนื่องจากใช้เวลาเดินทางจากโอซาก้าด้วยรถไฟประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ใครที่แวะมาแล้วก็อย่าลืมลองชิม “คุเอะนาเบะ” เมนูหม้อไฟขึ้นชื่อของจ.วากายาม่า ซึ่งมีส่วนผสมหลักคือปลาคุเอะ คนท้องถิ่นเรียกกันว่า “ปลามายา” เป็นปลาเนื้อขาวที่หายากและมีราคาแพง ซึ่งสามารถจับได้ในทะเลแถบวากายาม่าเท่านั้น
อุณหภูมิเฉลี่ยของจ.วากายาม่าต่ำสุดอยู่ที่ 2.6 องศาในเดือนมกราคม และสูงสุดที่ 32.4 องศาในเดือนสิงหาคม เทียบกับเมืองอื่นๆ ในภูมิภาคคันไซแล้ว วากายาม่าไม่ได้มีจุดชมซากุระหรือใบไม้เปลี่ยนสีที่เป็นที่รู้จักมากนัก โดยนักท่องเที่ยวจะนิยมเดินทางมาเพื่อเดินเขากันในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนกรกฏา - กันยายน เนื่องจากเป็นช่วงที่ป่ามีความอุดมสมบูรณ์ และมีสภาพอากาศเหมาะกับการเดินเขามากที่สุด
5. เฮียวโงะ (Hyogo)
จังหวัดเฮียวโงะตั้งอยู่ติดกับจ.โอซาก้าและจ.เกียวโต และสามารถเดินทางมาจากโอซาก้าได้ทั้งรถไฟชินคันเซนและรถไฟธรรมดาในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง จังหวัดนี้เป็นที่ตั้งของสองเมืองท่องเที่ยวชื่อดัง คือฮิเมจิ และโกเบ ซึ่งเมืองฮิเมจินั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่าง “ปราสาทฮิเมจิ” ปราสาทสีขาวอันงดงามที่มีทั้งความสมบูรณ์ทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ และมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ จนได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก อีกทั้งยังถือเป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นอีกด้วย
ส่วนโกเบนั้นเป็นเมืองท่าสำคัญของภูมิภาคคันไซในการติดต่อค้าขายกับชาติต่าง ๆ มาอย่างยาวนาน ทำให้บรรยากาศของเมืองนี้มีความแตกต่างจากเมืองอื่น ๆ ตรงที่สามารถพบเห็นอาคารสไตล์ตะวันตกได้ทั่วไปภายในเมือง โดยเฉพาะที่ “ย่านคิตาโนะ” ซึ่งเต็มไปด้วยบ้านสไตล์ยุโรปอันเก่าแก่สวยงามหลากหลายรูปแบบ จนกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง และยังมี “จุดชมวิวคิคุเซได” ที่ตั้งอยู่บนภูเขาร็อคโคซัง ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 3 จุดชมวิวยามค่ำคืนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
นอกจากที่เที่ยวที่กล่าวมาแล้ว บรรดาคนรักเนื้อคงคุ้นชื่อกันดีกับเนื้อวัวโกเบ หนึ่งในเนื้อวากิวที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีที่มาจากวัวสายพันธุ์ทาจิมะที่มีการทำฟาร์มเพาะเลี้ยงด้วยกรรมวิธีเฉพาะ จนทำให้มีชั้นไขมันแทรกอยู่ตามเนื้อส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะนำไปประกอบอาหารเมนูใดเนื้อก็จะมีความนุ่มและมีรสชาติดี ซึ่งในเมืองโกเบนั้นมีร้านอาหารที่เสิร์ฟเนื้อโกเบในเมนูต่างๆ ให้เลือกทานอยู่มากมาย
สภาพอากาศของจ.เฮียวโงะนั้นมีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดที่ 2.7 องศาในเดือนมกราคม และสูงสุดที่ 31.8 องศาในเดือนสิงหาคม ด้วยบรรยากาศส่วนใหญ่ของฮิเมจิและโกเบที่เป็นเมืองธรรมชาติ จึงสามารถแวะมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยช่วงเวลาที่เป็นไฮไลท์มากที่สุดของจ.เฮียวโงะ ก็คือการแวะมาชมดอกซากุระบานคู่กับปราสาทฮิเมจิในฤดูใบไม้ผลิ ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ปราสาทยิ่งทวีความสวยงามเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
6. ชิงะ (Shiga)
จังหวัดชิงะตั้งอยู่ติดกับเกียวโต เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างญี่ปุ่นตะวันตกและตะวันออก และอยู่ห่างจากโอซาก้าด้วยการนั่งรถไฟประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที จังหวัดนี้เป็นที่ตั้งของทะเลสาบบิวะ ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในยุคที่เกียวโตเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นก็ได้มีการสร้างระบบชลประทานเพื่อดึงน้ำจากทะเลสาบแห่งนี้ไปใช้ในเมืองเกียวโต และปัจจุบันทะเลสาบบิวะก็ยังคงเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สามารถมาล่องเรือหรือชมวิวรอบทะเลสาบได้ นอกจากนี้พื้นที่โดยรอบทะเลสาบก็ยังมีที่เที่ยวอีกมากมาย เช่นกระเช้าบิวาโกะวัลเลย์ที่สามารถขึ้นไปชมวิวทะเลสาบจากมุมสูง หรือปราสาทฮิโกเนะ สร้างขึ้นในยุคเอโดะ เป็นปราสาทชื่อดังของจังหวัดแห่งนี้
จุดเด่นของจ.ชิงะที่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อน นั่นคือที่นี่เป็นจังหวัดเดียวในภูมิภาคคันไซที่มีลานสกีให้เล่นหิมะในฤดูหนาว เนื่องจากจ.ชิงะนั้นตั้งอยู่ติดกับแนวภูเขาของจ.กิฟุ โดยมีลานสกีแห่งนี้ชื่อดังอยู่สองแห่งคือ“ลานสกีโอคุอิบุคิ” (okuibuki Ski Resort) และ “ลานสกีบิวาโกะวัลเลย์” (Biwako Valley Ski Resort) ที่มีความกว้างและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในการเล่นสกีครบครันเทียบเท่ากับลานสกีแห่งอื่นๆ ในประเทศญี่ปุ่น
จังหวัดชิงะมีเมนูท้องถิ่นขึ้นชื่อคือ “ฟุนะซูชิ” หนึงในซูชิเก่าแก่ที่ทำกินกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นการนำปลาฟุนะซึ่งเป็นปลาน้ำจืดมาหมักกับเกลือและข้าวสวยทิ้งไว้เป็นระยะเวลาหลายเดือน หรืออาจจะหลายปี มีรสชาติเปรี้ยวแหลมและมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ จนหลายคนเชื่อว่าเมนูนี้เป็นต้นกำเนิดของซูชิซึ่งเป็นที่รู้จักกันในปัจจุบัน
อุณหภูมิเฉลี่ยของจ.ชิงะต่ำสุดอยู่ที่ 0.5 องศาในเดือนมกราคม และสูงสุดที่ 32.2 องศาในเดือนสิงหาคม ฤดูท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมคือฤดูใบไม้ผลิ ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน และฤดูใบไม้เปลี่ยนสีตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม ซึ่งสามารถชมความงามของธรรมชาติทั้งสองฤดูได้รอบทะเลสาบบิวะ
ผู้เขียน: ชินพงศ์ มุ่งศิริ
เริ่มต้นทำงานเป็นช่างภาพอิสระหลังเรียนจบ เดินทางไปถ่ายภาพที่ประเทศญี่ปุ่นบ่อยครั้งจนครบทั้ง 4 ฤดูอันสวยงาม และเกือบครบทุกภูมิภาค มีผลงานภาพถ่ายตีพิมพ์ในไกด์บุ๊คระดับโลกอย่าง Lonely Planet ถึง 3 เล่ม คือ Discovery Japan, Japan และ Kyoto รวมถึงเว็บไซต์ท่องเที่ยวชั้นนำอย่าง National Geographic Traveler UK, BBC Travel, Travel+Leisure, TIME และอีกมาก
นอกจากการถ่ายทอดความสวยงามของประเทศญี่ปุ่นผ่านภาพถ่าย ปัจจุบันยังหันมาถ่ายทอดเรื่องราวผ่านทางตัวอักษรทั้งในฐานะนักเขียนและนักแปลควบคู่กันไปอีกด้วย