แน่นอนว่าเมื่อมาถึงนาโกย่าแล้ว ตัวปราสาทประจำเมืองอย่างปราสาทนาโกย่าย่อมเป็นหนึ่งในจุดหมายที่พลาดไปไม่ได้ค่ะ ตัวปราสาทเดิมถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเอโดะ แต่ก็ถูกทำลายในการโจมตีทางอากาศเมื่อปี ค.ศ.1945 ต่อมาได้รับการบูรณะในปี ค.ศ.1959 และดูแลรักษาเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

มาที่นี่นอกจากจะได้เห็นบรรยากาศของปราสาทเก่าที่เคยเป็นศูนย์กลางของเมืองนาโกย่าแล้ว ภายในยังมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงของโบราณที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นงานศิลป์เก่าๆหรือชุดเกราะซามูไร เรียกได้ว่าใครที่สนใจปราสาทและประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นก็ควรจะมาชมดูสักครั้งค่ะ

วิธีการเดินทางแสนง่าย
หากเริ่มจากสถานี Nagoya
- รถไฟใต้ดินสาย Sakuradori ไปที่สถานี Hisayaodori แล้วเปลี่ยนเป็นสาย Meijo ไปที่สถานี Shiyakusho
- รถบัสท่องเที่ยว Me~guru ลงป้ายหมายเลข 4 Nagoya Castle
เวลาเปิด - ปิด
09:00-16:30 (ทางเข้าตัวปราสาทปิดเวลา 16:00)
ปิดวันที่ 29 ธันวาคม - 1 มกราคม
ค่าเข้าชม 500 เยน (แสดงบัตร Me~guru ลดเหลือ 400 เยน)

มาต่อกันที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ของนาโกย่า ที่ซึ่งจะทำให้วิทยาศาสตร์ไม่ใช่แค่เรื่องน่าเบื่อในหนังสืออีกต่อไป เพราะว่าเขาจะให้เราเข้าไปทดลองกันจริงๆเลยค่ะ!

ถ้าอยากรู้ว่าหนาว -30 องศาเป็นแบบไหน ที่นี่มีห้องให้เข้าไปทดลองตากความเย็นสุดๆดู ถ้าอยากรู้ว่าทอร์นาโดเป็นอย่างไร ที่นี่มีห้องจำลองทอร์นาโด อยากเห็นตัวอย่างฟ้าผ่าชัดๆ ที่นี่ก็มีห้องทดลองปล่อยกระแสไฟฟ้า

และทีเด็ดที่สุดของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็คือท้องฟ้าจำลองขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่มีการบันทึกลงกินเนสบุ๊คเอาไว้ด้วยค่ะ ตัวพิพิธภัณฑ์เองก็กว้างใหญ่ มีถึง6ชั้น ใครที่สนใจการทดลองทางวิทยศาสตร์ หรือมีลูกหลานที่อยากให้ลองไปแหล่งเรียนรู้สนุกๆ หรือมาทริปเดียวกับคนที่ออกจะสนใจวิทยาศาสตร์ ล้วนไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

วิธีการเดินทางแสนง่าย
เริ่มจากสถานี Nagoya
- รถไฟใต้ดินสาย Higashiyama ไปสถานี Fushimi แล้วเดินต่อ 5 นาที
- รถบัสท่องเที่ยว Me~guru ลงป้ายหมายเลข 10 Hirokoji-Fushimi
เวลาเปิด - ปิด 09:00 - 17:00 (ทางเข้าปิดเวลา 16:30)
ปิดทุกวันจันทร์ หรือวันแรกของวันธรรมดาในสัปดาห์นั้นๆ
ปิดทุกวันศุกร์ที่ 3 ของเดือน หากเป็นวันหยุดจะเปลี่ยนเป็น วันศุกร์ที่ 4 ของเดือน
ค่าเข้าชม
- พิพิธภัณฑ์ และท้องฟ้าจำลอง 800 เยน (แสดงบัตร Me~guru ลดเหลือ 720 เยน)
- พิพิธภัณฑ์อย่างเดียว 400 เยน (แสดงบัตร Me~guru ลดเหลือ 360 เยน)

ต่อไปเราขอแนะนำย่านถนนคนเดินที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยม มีสินค้าสำหรับทุกเพศทุกวัย และที่สำคัญ ราคาสินค้าในย่านโอสุนี่ ถือว่าเป็นมิตรต่อกระเป๋ามากกว่าโซนใกล้ๆกันอย่างถนน Sakae ค่ะ

ถนนคนเดินเส้นนี้เป็นถนนสองเส้นที่ยาวมากๆ มีทางเดินเชื่อมกันระหว่างทั้งสองฝั่งเป็นระยะค่ะไม่ต้องกลัวจะเดินไม่ทั่ว โดยของที่ขายนั้นมีตั้งแต่ อาหาร เสื้อผ้าทั้งมือหนึ่งและมือสอง รองเท้า กระเป๋า สินค้าแฟชั่นสไตล์นาโกย่า ขนมท้องถิ่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงสินค้าการ์ตูนญี่ปุ่น ไม่ว่าคุณจะชอบอะไรแบบไหนเชื่อได้ว่าต้องโดนสักร้านค่ะ

วิธีการเดินทางแสนง่าย
จากสถานี Nagoya Station
รถไฟใต้ดินสาย Higashiyama ไปที่สถานี Fushimi แล้วต่อสาย Tsurumai ไปลงที่ Osu Kannon หรือ Kamimaezu

ท่านใดที่สนใจในผลงานศิลปะพวกเครื่องกระเบื้องดินเผา จานชาม และอุปกรณ์ชงชา เราขอแนะนำให้มาที่นี่สักครั้งค่ะ เพราะโนริทาเกะนั้นเป็นแบรนด์เครื่องปั้นดินเผาสัญชาติญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงระดับโลก (แต่ไม่ใช่เครื่องปั้นดินเผาแบบไทยนะ จะเป็นแบบที่เรียกว่า Bone China หรือเครื่องถ้วยเปลือกไข่)

ที่นีี่จะได้เห็นกรรมวิธีการผลิตกันอย่างใกล้ชิด ถ้าโชคดีจะได้เห็นคนลงสีลงลวยลายลงบนจานกระเบื้องกันสดๆเลย แล้วยังมีพิพิธภัณฑ์จานชามยุคเก่า สวนสวยๆที่มีการดูแลตามแต่ละฤดู ร้านอาหารฝรั่งน่านั่งที่ใช้จานชามของที่นี่เสิร์ฟทั้งหมด รวมถึงยังมีโซนที่สามารถที่จะวาดจานด้วยการออกแบบลวดลายของตัวเอง จากนั้นทาง Noritake ก็จะนำไปอบแล้วจัดส่งไปให้ถึงบ้านด้วยค่ะ

วิธีการเดินทางนั้นแสนง่าย
จากสถานี Nagoya
- รถไฟใต้ดินสาย Higashiyama สถานี Kamejima
- รถบัสท่องเที่ยว Me~guru ป้ายหมายเลข 2
- หรือเดินจากสถานี Nagoya เลยก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
เวลาเปิด - ปิด 10:00-17:00
ค่าเข้าชม 500 เยน (แสดงบัตร Me~guru ลดเหลือ 450 เยน)

และแล้วก็วนกลับมาที่รอบๆสถานี่ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของนาโกย่าในปัจจุบันค่ะ ที่นี่เด็มไปด้วยห้างร้าน และแหล่งช้อปปิ้งของฝากของขึ้นชื่อประจำเมืองมากมาย ไม่เพียงแค่นั้นยังมีร้านอาหารที่ขายอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อต่างๆของนาโกย่าเปิดอยู่มากมาย

ต่อให้มีเวลาในนาโกย่าน้อยแค่ไหนก็สามารถสนุกได้ ในสถานีมีที่ให้สัมผัสกับอาหารอร่อยๆ ซื้อของฝากจากนาโกย่าก็ได้ หรือจะถ่ายรูปกับมาสคอตประจำสถานีอย่างนานะจังก็ได้ค่ะ (รูปปั้นสาวสวยขายาวในภาพ) โดยจุดเด่นของรูปปั้นนานะจังก็คือจะมีการเปลี่ยนชุดให้ตลอดเวลาค่ะ

สำหรับวิธีการเดินทางไปตามสถานที่ส่วนใหญ่ในบทความนี้ ท่านผู้อ่านสามารถใช้บริการรถบัส Me~guru ของนาโกย่าได้เกือบทั้งหมด โดยที่ลูปบัส Meguru นี้จะวิ่งวนเป็นวงกลม ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในตัวเมืองนาโกย่า มีค่าบริการต่อรอบที่ 210 เยน และสามารถซื้อ 1-Day Pass ได้ในราคา 500 เยน (เหมา ขึ้น-ลง กี่รอบไปกี่ที่ก็ได้ด้วยบัตรใบเดียวตลอดวันค่ะ)

นอกจากนี้ ถ้าโชว์ 1-Day Pass ของ Meguru ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในบทความนี้ ท่านยังจะได้รับส่วนลดค่าเข้าชมอีกด้วยนะคะ เหมาะสำหรับท่านที่ตั้งใจจะเที่ยววันหนึ่งหลายที่มากเลยค่ะ

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้แล้ว นาโกย่ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกมากมาย อาทิ ศาลเจ้าอัตสึตะที่โด่งดัง ปราสาทอินุยามะที่เป็นสมบัติแห่งชาติ เป็นต้น รวมทั้งยังเป็น “เมืองแห่งอาหาร” อีกด้วยค่ะ

สำหรับเมนูขึ้นชื่อก็อาทิ ข้าวหน้าปลาไหลฮิทสึมาบุชิ (ในภาพ) เป็นข้าวหน้าปลาไหลที่ต้องค่อยๆกิน โดยตักเป็นคำเล็กๆกินคู่กับผักและเครื่องเคียงอื่นๆค่ะ เรียกได้ว่ามานาโกย่านั้น นอกจากจะเที่ยวคุ้มแล้ว ยังต้องกินให้คุ้มอีกด้วย! (ฮา) ผู้เขียนก็หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะได้รับประโยชน์จากบทความนี้บ้างไม่มากก็น้อย และเพลิดเพลินไปกับการเที่ยวชมนาโกย่าในแบบของท่านนะคะ

ผู้เขียน: โพลก้าเนโกะ
นักเรียนต่างชาติที่ชอบการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นคนหนึ่ง ชื่นชอบอาหารรสชาติดี และการตามรอยสถานที่ในอนิเมชั่น