6 สถานที่สุดโรแมนติกในภูมิภาคคันไซ
หลายคนที่มีโอกาสเดินทางไปญี่ปุ่นกับคู่รัก คงอยากเดินทางไปเยือนสถานที่ต่างๆ ที่น่าประทับใจเพื่อสร้างความทรงจำที่ดีร่วมกัน เราจึงคัดเลือก 6 สถานที่ที่มีบรรยากาศสุดโรแมนติกในภูมิภาคคันไซมาแนะนำ ซึ่งมีทั้งวัดที่มีหน้าต่างรูปหัวใจ ท้องฟ้าจำลองสุดอลังการ จุดชมวิวยามค่ำ และหินคู่รักอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอพรให้ความรักยาวนาน
1. วัดโชจูอิน เกียวโต (Shoujuin Temple, Kyoto)
แม้เกียวโตจะได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งวัดและวัฒนธรรมเก่าแก่ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีสถานที่ที่มีบรรยากาศโรแมนติกให้สัมผัส เพราะที่วัดโชจูอินนั้นมีจุดเล็กๆ ที่เป็นเอกลักษณ์จนทำให้กลายเป็นวัดซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยจุดที่ว่านี้ก็คือ “หน้าต่างรูปหัวใจ” ที่ไม่เหมือนหน้าต่างของวัดใดๆ ในญี่ปุ่น โดยหน้าต่างบานนี้ตั้งอยู่ในเรือนชงชาของตัววัด ซึ่งทุกคนสามารถจิบชาไปพร้อมกับมองทิวทัศน์ภายนอกผ่านหน้าต่างบานนี้
ในวันที่มีแสงแดดแรงๆก็จะเห็นแสงที่ส่องผ่านหน้าต่างบานนี้ตกกระทบบนพื้นห้องเป็นรูปหัวใจ และจะยิ่งเพิ่มความโรแมนติกขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวหากมีโอกาสได้มาเยือนวัดโชจูอินในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และได้มองดอกซากุระสีชมพูที่อยู่ในสวนภายนอกผ่านหน้าต่างบานนี้ดูสักครั้ง
การเดินทาง : จากสถานี Kyoto ขึ้นรถไฟสาย JR Nara มาลงที่สถานี Uji (30 นาที 240 เยน) จากนั้นขึ้นรถบัสสาย 180, 182 หรือ 184 มาลงที่ป้าย “Ichu-Mae” จากนั้นต่อรถ Community Bus ไปลงที่ป้าย “Oku-Yamada”
ค่าเข้าชม : 400 เยน
เวลาเปิดทำการ : 08.30 – 16.30 น.
2. ท้องฟ้าจำลองที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ โอซาก้า (Osaka Science Museum)
หนึ่งในกิจกรรมเป็นสัญลักษณ์แห่งความโรแมนติกก็คือการดูดาว ที่ท้องฟ้าจำลองถึงจะไม่ใช่ดาวจริงๆก็โรแมนติกไม่แพ้กัน หากใครที่อยากลองสัมผัสกับท้องฟ้าจำลองในญี่ปุ่นดูสักครั้งก็สามารถแวะไปที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์โอซาก้า หนึ่งในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์อันทันสมัย ที่สามารถสนุกนานและเพลิดเพลินไปกับเกร็ดความรู้ต่างๆได้ทุกเพศทุกวัย
โดยส่วนของท้องฟ้าจำลองนั้นมีชื่อเรียกว่า “Omnimax” ซึ่งเป็นการฉายภาพดวงดาวแบบสมจริงนับแสนดวงผ่านฟิล์มแบบ IMAX บนโดมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 26.5 เมตร ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโดมท้องฟ้าจำลองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Yotsubashi มาลงที่สถานี Higobashi แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
ค่าเข้าชม : 400 เยน (ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์) + 600 เยน (ค่าเข้าท้องฟ้าจำลอง)
เวลาเปิดทำการ : 09.30 -17.00 น.
3. จุดชมวิวคิคุเซได โกเบ (Kikuseidai, Kobe)
จุดชมวิวคิคุเซไดที่ตั้งอยู่บนภูเขาร็อคโคซัง (Rokko Mountain) ในเมืองโกเบนั้นถือเป็น 1 ใน 3 จุดชมวิวยามค่ำคืนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งมีอีกชื่อเรียกหนึ่งคือ “จุดชมวิวสิบล้านดอลล่าร์” ซึ่งหมายถึงค่าใช้จ่ายของแสงสว่างในตัวเมืองที่ส่องประกายระยิบยับในยามค่ำคืน จนเป็นที่มาของทัศนียภาพอันงดงามและบรรยากาศอันแสนโรแมนติกเมื่อมองมาจากจุดชมวิวบนยอดเขา ซึ่งในวันที่อากาศแจ่มใสนั้นสามารถมองเห็นไปจนถึงแสงไฟจากเมืองโอซาก้า และยังมองเห็นบรรยากาศของอ่าวโกเบไปพร้อมๆ กัน นอกจากนี้บริเวณจุดชมวิวยังมีร้านอาหารให้บริการสำหรับใครที่ต้องการทานอาหารอร่อยๆ คู่กับการชมวิวไปพร้อมๆ กัน
การเดินทาง : จากสถานี Kobe หรือ Osaka ขึ้นรถไฟสาย JR Kobe มาลงที่สถานี Rokkomichi (30 นาที 410 เยน) จากนั้นขึ้นรถบัสสาย 16 ไปไปลงที่กระเช้าขึ้นภูเขา (15 นาที 210เยน) และขึ้นกระเช้าไปยังจุดชมวิว (10 นาที 1,000 เยน)
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิดทำการ : 09.00 – 21.00 น.
4. หินคู่รัก มิเอะ (Meoto-Iwa, Mie)
หินคู่รักหรือหินแต่งงาน (เมะโอโตะอิวะ) ในจ.มิเอะนั้น คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากเดินทางมาเยือนเพื่อขอพรเกี่ยวกับความรัก ทั้งคนโสดที่นิยมมาขอพรให้ได้พบคู่ครองที่ดี ไปจนถึงคู่รักที่มาขอพรให้ความรักของตนเองยืนยาว โดยลักษณะของหินคู่รักนั้นเป็นหินสองก้อนที่ตั้งอยู่กลางทะเล และมีเชือกฟางเส้นใหญ่คล้องหินทั้งสองก้อนเอาไว้เหมือนมงคลของบ่าวสาวในพิธีแต่งงาน ซึ่งหินทั้งสองก้อนนี้ยังเป็นตัวแทนของเทพอิซานางิและเทพอิซานามิ เทพเจ้าที่เป็นคู่รักและเป็นผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่งต่างๆบนโลก ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น
การเดินทาง : จากสถานี Futaminoura เดินต่อไปอีกประมาณ 15 นาที
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง
5. สวนสาธารณะ นาคาโนะชิมะ โอซาก้า (Nakanoshima Park, Osaka)
ท่ามกลางบรรยากาศเมืองใหญ่ของโอซาก้า ก็ยังมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันโรแมนติก และมีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนกับสวนสาธารณะแห่งอื่นๆในญี่ปุ่น โดยสวนที่ว่านี้มีชื่อว่านาคาโนะชิมะ ถือเป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของเมืองโอซาก้าซึ่งเปิดทำการมาตั้งแต่ปี 1891 ซึ่งมีจุดเด่นตรงที่มีต้นกุหลาบกว่า 3,000 ต้น จากทั้งหมด 310 สายพันธุ์ประดับอยู่ในทุกจุดของสวน และยังมีลักษณะเป็นสวนบนเกาะกลางน้ำซึ่งถูกขนาบข้างด้วยแม่น้ำสองสาย มีบรรยากาศที่ร่มรื่น รอบๆ สวนยังมีคาเฟ่สำหรับนั่งพักและชมความสวยงามของดอกไม้ และในฤดูหนาวยังมีงานประดับแสงไฟภายในสวนซึ่งช่วยเพิ่มความโรแมนติกขึ้นอีกหลายเท่า
การเดินทาง : จากสถานี Umeda ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Midosuji มาลงที่สถานี Yodoyabashi (2 นาที 180 เยน) จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม (บางช่วงอาจมีการเก็บค่าเข้าชม 500 เยน)
เวลาเปิดทำการ : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
6. ทางเดินเลียบแม่น้ำคาโมะกาว่า เกียวโต (Kamokawa River, Kyoto)
แม่น้ำคาโมะกาว่าเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านเมืองเกียวโต ด้วยทางเดินกว้างใหญ่สองฟากฝั่งแม่น้ำ และความผ่อนคลายจากสายน้ำที่ไหลผ่านไปอย่างช้าๆ ทำให้ในช่วงเย็นของทุกวัน มักจะมีชาวเมืองมาทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย ทั้งนั่งตกปลา ออกกำลังกาย ไปจนถึงมีวงดนตรีวงเล็กๆ มาเล่นเปิดหมวก โดยฝั่งหนึ่งของแม่น้ำจะเป็นร้านอาหารเก่าแก่มากมายที่ตั้งอยู่เรียงราย และอีกฝั่งหนึ่งคือย่านเมืองเก่ากิออนอันขึ้นชื่อของเกียวโต ทำให้บรรยากาศโดยรอบแม่น้ำสายนี้กลายเป็นหนึ่งในจุดที่มีความโรแมนติกมากที่สุดในเกียวโตไปโดยปริยาย
การเดินทาง : จากเกียวโต ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Karasuma ไปลงที่สถานี Karasumaoike จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Tozai ไปลงที่สถานี Sanjo (15 นาที 260 เยน)
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิดทำการ : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง