7 จุดถ่ายรูปเช็คอินห้ามพลาดในโตเกียว
1. ทางเข้าห้างโตคิวพลาซ่า โอโมเตซันโดะ ฮาราจูกุ (Tokyu Plaza Omotesando Harajuku)
บริเวณทางเข้าห้างโตคิวพลาซ่าสาขาโอโมเตซันโดะที่ฮาราจูกุนั้นถูกตกแต่งให้เป็นซุ้มประตูกระจกขนาดใหญ่ที่มีเหลี่ยมมุมมากมาย จนเกิดเป็นภาพเงาสะท้อนกลับไปกลับมาที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจ และยังแสดงถึงความล้ำสมัยของโตเกียวไปพร้อมๆกัน ทำให้ทางเข้าห้างแห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในจุดที่นักท่องเที่ยวชอบแวะมาถ่ายรูปเช็คอินอยู่เป็นประจำ
นอกจากตัวห้างแล้ว ถนนโอโมเตะซันโดะในย่านฮาราจูกุนั้นยังถือเป็นถนนช้อปปิ้งที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทั้งสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นเอง โดยบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ของถนนสายนี้คือความร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่สองฝั่งถนน บวกกับมีอาคารรูปทรงทันสมัยอยู่มากมาย และร้านแบรนด์เนมของสินค้าหลากหลายชนิดที่เรียงรายให้ช้อปปิ้งได้อย่างจุใจ
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Chiyoda หรือ Fukutoshin มาลงที่สถานี Meiji-jingumae
เวลาเปิดทำการ : 11.00 – 21.00 น.
2. รูปปั้นแมงมุมยักษ์หน้ารปปงงิฮิลส์ (Maman, Roppongi Hills)
อาคาร รปปงงิฮิลส์โมริทาวเวอร์ คือหนึ่งในจุดชมวิวมุมสูงยอดฮิตในโตเกียว ซึ่งมักจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากแวะมาเยือนตลอดทั้งวัน แต่ก่อนที่จะก้าวเข้าไปในอาคารหลายคนคงสะดุดตากับงานศิลปะที่เป็นรูปแมงมุมยักษ์ความสูงกว่า 10 เมตรบริเวณหน้าอาคาร ด้วยความแปลก ความโดดเด่น และเป็นผลงานของศิลปินระดับโลก ทำให้เจ้าแมงมุมยักษ์ตัวนี้เป็นทั้งจุดแวะถ่ายรูปเช็คอินสำหรับนักท่องเที่ยว และกลายเป็นสัญลักษณ์ของย่านรปปงงิไปแล้ว
งานศิลปะรูปแมงมุยักษ์นี้มีชื่อว่า “มาม็อง” เป็นผลงานของหลุยส์ บูชัวร์ (Louise Bourgeois) ศิลปินหญิงชาวฝรั่งเศส โดยแมงมุมยักษ์มาม็องนั้นไม่ได้มีอยู่ที่รปปงงิ ประเทศญี่ปุ่นเพียงแห่งเดียว แต่ยังตั้งอยู่หน้าสถานที่สำคัญทั้งในประเทศอังกฤษ แคนาดา สหรัฐอเมริกา และอีกหลายๆประเทศ ซึ่งมาม็องนั้นเป็นงานศิลปะที่สื่อถึงความเป็นแม่ ตามความหมายตรงตัวของชื่อในภาษาฝรั่งเศส จากลักษณะนิสัยของแมงมุมที่ถักทอใยเพื่ออยู่อาศัย ปกป้อง และเลี้ยงดูลูกให้เติบโตขึ้นมา
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Hibiya หรือ Oedo มาลงที่สถานี Roppongi จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 400 เมตร
เวลาเปิดทำการ : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
3. ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing)
นอกจากชิบูย่าจะเป็นย่านช้อปปิ้งอันดับต้นๆของโตเกียวแล้ว พื้นที่ห้าแยกชิบูย่าซึ่งตั้งอยู่ระหว่างตัวสถานีรถไฟกับย่านร้านคายังเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในจุดที่มีความพลุกพล่านมากที่สุดในโลก โดยว่ากันว่ามีจำนวนผู้คนผ่านห้าแยกชิบูย่าในแต่ละวันมากกว่าแสนคน และบางครั้งก็มีคนนับพันที่เดินข้ามแยกนี้พร้อมๆกัน
ในทางกลับกัน ความวุ่นวายของห้าแยกชิบูย่าก็ได้กลายมาเป็นเสน่ห์เฉพาะตัว ซึ่งไปปรากฏอยู่ทั้งในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด การ์ตูน และสารคดีมากมายหลายเรื่อง จนกลายมาเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเยือนเพื่อถ่ายภาพสวยๆเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกสักครั้ง แต่สิ่งที่ต้องระวังคือไม่ควรยืนกีดขวางผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา
นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงก็ยังมีรูปปั้นของสุนัขแสนซื่อสัตย์อย่าง “ฮาจิโกะ” ที่เป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปเช็คอินที่ไม่ควรพลาดในย่านชิบูย่าเช่นกัน
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย Yamanote หรือรถไฟใต้ดินสาย Fukutoshin, Ginza หรือ Hanzomon มาลงที่สถานี Shibuya
เวลาเปิดทำการ : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
4. ก็อดซิลล่าที่ชินจูกุ (Hotel Gracery Shinjuku)
ก็อดซิลล่าถือเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมญี่ปุ่นสมัยใหม่ ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน ทั้งจากภาพยนตร์และการ์ตูนของญี่ปุ่นมากมายหลายภาค ไปจนถึงฮอลลีวู้ดที่นำเรื่องราวของก็อดซิล่าไปขยายต่อจนโด่งดังไปทั่วโลก และสำหรับใครที่อยากถ่ายภาพคู่กับก็อดซิลล่า หรืออยากสัมผัสความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของสัตว์ประหลาดตัวนี้ดูสักครั้ง ก็สามารถมาพบกับก็อดซิลล่าที่มีขนาดและความสูงเท่าตัวจริงซึ่งโผล่หน้าออกมาทักทายจากใจกลางย่านชินจูกุกันเลย
และหากยังไม่จุใจ โรงแรม Gracery Shinjuku ซึ่งเป็นที่ตั้งของก็อดซิลล่าตัวนี้ ยังเป็นโรงแรมที่แฟนๆ ก็อดซิลล่าไม่ควรพลาด เพราะภายในโรงแรมแห่งนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับก็อดซิลล่า ตั้งแต่โปสเตอร์ภาพยนตร์ที่ผนังของล็อบบี้ ไปจนถึงห้องพักบางส่วนที่ตกแต่งเป็นธีมก็อดซิลล่าแบบสมจริง ส่วนใครที่ไม่ได้พักที่โรงแรมนี้ ก็สามารถขึ้นไปแวะทานอาหารและถ่ายรูปกับก็อดซิลล่าตัวนี้ได้อย่างใกล้ชิดที่คาเฟ่บริเวณชั้น 8 ของโรงแรม
การเดินทาง : เดินจากสถานี Shinjuku มาประมาณ 800 เมตร
เวลาเปิดทำการ : พื้นที่ด้านนอกโรงแรมเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนคาเฟ่ที่ชั้น 8 เปิดทำการตั้งแต่ 10.30 – 21.00 น.
5. พิพิธภัณฑ์สุมิดะ โฮคุไซ (Sumida Hokusai Museum)
ด้วยความที่เป็นเมืองหลวงอันทันสมัย ทำให้โตเกียวเป็นเมืองที่มีตึกสวยๆ มากมายที่สามารถใช้เป็นจุดถ่ายรูปเช็คอินได้ โดยหนึ่งในจุดที่ได้รับความนิยมอีกที่ก็คืออาคารของ พิพิธภัณฑ์สุมิดะโฮคุไซ ที่มีความโดดเด่นจากการออกแบบอันทันสมัย และการใช้วัสดุหลักเป็นแผ่นเหล็กสีเงินกับกระจกใส จนไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็มีความโดดเด่นเสมอ
นอกจากความสวยงามของตัวอาคารแล้ว ผลงานที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็ถือว่ามีความน่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงผลงานของคาสึชิกะ โฮคุไซ หนึ่งในจิตรกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และเป็นผู้วาดภาพ “คลื่นยักษ์นอกชายฝั่งคานากาวะ” (The Great Wave off Kanagawa) ภาพคลื่นยักษ์และภูเขาไฟฟูจิที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์อันคุ้นตาของใครหลายคนมาจนทุกวันนี้
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Oedo มาลงที่สถานี Ryogoku จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 350 เมตร
เวลาเปิดทำการ : 09.30 – 17.30 น. (ปิดทำการทุกวันจันทร์)
6. เทพีเสรีภาพจำลองที่โอไดบะ (Odaiba Statue of Liberty)
เมื่อพูดถึงโอไดบะ จุดถ่ายรูปยอดฮิตที่ทุกคนรู้จักกันดีก็คือหุ่นกันดั้มยูนิคอร์นความสูง 19.7 เมตรบริเวณหน้าอาคาร DiverCity Tokyo Plaza แต่ในบริเวณใกล้เคียงก็ยังมีจุดถ่ายรูปเช็คอินสวยๆ อีกแห่งที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน นั่นก็คือรูปปั้นเทพีเสรีภาพจำลอง ซึ่งแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่าของจริง แต่หากมองเผินๆ แล้วก็ให้บรรยากาศที่ไม่ต่างอะไรกับเทพีเสรีภาพของจริงในเมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกาเลย
บริเวณรอบๆเทพีเสรีภาพจำลองที่โอไดบะยังถือเป็นจุดชมวิวของอ่าวโตเกียวที่สวยงาม ซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของตึกสูงจำนวนมากภายในเมือง และยังมีสะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) สะพานแขวนสีขาวที่เป็นทั้งแลนด์มาร์คและเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างโตเกียวกับโอไดบะ และหากใครที่ได้ไปเยือนโอไดบะในยามค่ำคืน ก็จะพบกับภาพของสะพานที่มีสีรุ้งสดใสสมชื่อจากแสงไฟที่ประดับประดาบนตัวสะพานอย่างงดงาม
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย Yamanote มาลงที่สถานี Shimbashi จากนั้นเปลี่ยนมาขึ้นรถไฟสาย Keiyo มาลงที่สถานี Daiba
เวลาเปิดทำการ : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
7. ศาลเจ้าเนซุ (Nezu Shrine)
สำหรับใครที่ยังไม่มีโอกาสไปเยือนศาลเจ้าฟูชิมิอินาริอันโด่งดังในเกียวโต ในโตเกียวนั้นก็มีศาลเจ้าเก่าแก่แห่งหนึ่งที่มีเสาโทริอิเยอะจนสามารถถ่ายรูปสวยๆของอุโมงค์เสาโทริอิในบรรยากาศที่ใกล้เคียงกันได้ ศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือศาลเจ้าเนซุ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากย่านท่องเที่ยวหลักอย่างอุเอโนะ
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของศาลเจ้าแห่งนี้คือในช่วงกลางเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม จะเป็นเวลาที่ดอกซึซึจิหรือดอกกุหลาบพันปีซึ่งมีจำนวนมากกว่า 3,000 ต้นภายในสวนของศาลเจ้าจะบานสะพรั่งพร้อมกันอย่างงดงาม และที่นี่ยังถือเป็นจุดท่องเที่ยวลับๆ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในหมู่นักท่องเที่ยว
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Chiyoda มาลงที่สถานี Nezu จากนั้นเดินต่อไปอีกประมาณ 800 เมตร
เวลาเปิดทำการ : 09.00 – 17.30 น.