รวมที่เที่ยวญี่ปุ่นแผนสอง ไม่หวั่นแม้วันฝนตก
1.Tokyo Trick Art Museum ที่โอไดบะ
แม้พักหลังนี้จะมีพิพิธภัณฑ์งานศิลปะ 3 มิติ แบบภาพลวงตาอยู่มากมายรวมถึงที่ไทยด้วย แต่คุณก็ไม่ควรพลาดที่จะมาที่ Tokyo Trick Art Museum เพราะที่นี่ได้ผสมผสานศิลปะผ่านการคำนวณเชิงมิติเข้ากับความเป็นญี่ปุ๊นญี่ปุ่น เหมือนเราได้หลุดเข้าไปอยู่ในสมัยเอโดะ ได้เดินผ่านบ้านผีสิงที่แน่นอนว่าส่วนใหญ่จะเป็นผีญี่ปุ่นที่คุณไม่สามารถเห็นได้จากที่ไหน นอกจากนี้เรายังจะได้ (ถ่ายภาพ) เหยียบกำแพงสู้กับนินจา และtrick art อีกมากมายที่จะทำให้เราตื่นตาตื่นใจได้ตลอดเส้นทาง เพียงแค่เรายืนให้ถูกที่ทำท่าให้ถูกมุมตามคำแนะนำในแต่ละจุดแล้วแชะภาพก็จะได้ความเฮฮาหฤหรรษไม่หวั่นแม้วันฝนตกเลยทีเดียว พิพิธภัณฑ์งานศิลปะ 3 มิติแห่งนี้ ตั้งอยู่บนชั้น 4 ของ “Decks Tokyo Beach Island Mall” พอถ่ายรูปสนุกๆเสร็จแล้วก็ไปช้อปปิ้งต่อกันได้ด้วย
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 1,000 เยน เด็กไม่เกินมัธยมต้น 600 เยน
เวลาทำการ: 11:00 - 21:00 น.
วันหยุด: ไม่มี
วิธีการเดินทาง: ขึ้นรถไฟลอยฟ้าmonorail ลงที่สถานี Odaiba Kaihinkouen เดินต่ออีกประมาณ 2นาที หรือลงที่สถานี Tokyo Teleport เดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
2.พิพิธภัณฑ์อวกาศ Space Museum TeNQ
ที่เที่ยวที่ไม่ง้อฝนอีกที่ที่เราอยากแนะนำคือ Space Museum TeNQ ที่เราจะได้แปลงร่างเป็นดั่งนักบินอวกาศที่จะได้เข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศของห้วงอวกาศกัน
พิพิธภัณฑ์อวกาศแห่งนี้ตั้งอยู่ในโตเกียวโดมและมีอยู่ 9 ชั้น ซึ่งจะมีการจัดแสดงข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับอวกาศ แนวความคิดต่างๆในความพยายามของมนุษย์ที่จะไปสำรวจอวกาศพร้อมทั้งจะเอาชนะจักรวาล รวมถึงนวัตกรรมด้านอวกาศที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับในการนำไปใช้สำหรับมนุษย์อวกาศ
นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการที่ให้ความรู้ครอบคลุมในทุกด้านของจักรวาลผ่านสื่อที่น่าสนใจ เรียกได้ว่าสนุกได้ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่เลยล่ะ ส่วนจุดที่เป็นไฮไลท์คงหนีไม่พ้นระเบียงอวกาศ ที่คุณสามารถชมโลกและดาวเคราะห์ต่างๆในระบบจักรวาลที่เราเคยๆเรียนกันมาได้อย่างใกล้ชิด ประหนึ่งว่าเรากำลังล่องลอยอยู่กลางห้วงอวกาศ หากใครประทับใจและอยากได้ของที่ระลึกเจ๋งๆเค้าก็มีขายให้ได้ซื้อไปสะสมเช่นกัน
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 1,800 เยน เด็กไม่เกินมัธยมต้น 1,200 เยน
เวลาทำการ: วันจันทร์ – วันศุกร์ เปิด 11.00-21.00 น. วันเสาร์และวันอาทิตย์ เปิด 10:00 - 21:00 น.
วันหยุด: ไม่มี
วิธีการเดินทาง: นั่งรถไฟสาย Toei Mita หรือรถไฟ JR สาย Chuo-Sobu (Local) หรือสาย Chuo ลงสถานี Suidobashi เดินอีก 5 นาที
3.เที่ยวสวนสนุกแบบสายแบ๊วที่ Sanrio Puroland
สาวๆหลายคนเติบโตมากับความน่ารักของตัวการ์ตูนจากค่าย Sanrio สัญชาติญี่ปุ่น ฉะนั้นก็ไม่ควรพลาดที่จะมาที่นี่ แล้วเราก็จะได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ด้วยการมาเปิดโลกแห่งความสดใสไปกับเหล่าตัวการ์ตูนสุดมุ้งมิ้งอย่าง คิตตี้, ชินนาม่อน, มายด์ เมโลดี้, เจ้ากบตัวเขียวเคโระ และอีกมากมาย ที่จะปรากฏกายให้เราเห็นและวิ่งเล่นกับเราทั่วทั้งสวนสนุกที่จะทำเป็นแบบธีมปาร์ค
ในแต่ละโซนจะมีของเล่น, ของโชว์, จุดถ่ายรูปที่แตกต่างกันไป ซึ่งถ้าพูดถึงความน่ารักไม่มีโซนไหนแพ้โซนไหนเลย นอกจากเครื่องเล่นแล้วก็ยังมีขบวนพาเหรดและการแสดงสุดตระการตาจากเหล่าตัวการ์ตูน ที่รับประกันความสนุกเพลิดเพลินและความมุ้งมิ้งเหนือบรรยาย หรือใครอยากจะเติมบรรยากาศความแบ๊วเข้าไปอีกก็สามารถไปนั่งรับประทานอาหารและของว่างที่คาเฟ่แสนน่ารัก หรือจะซื้อของที่ระลึกกลับบ้านก็ได้ถือเป็นความประทับใจจนลืมฝนที่ตกอยู่ข้างนอกเลยล่ะ
ค่าเข้าชม: วันธรรมดา ผู้ใหญ่ 3,300 เยน เด็ก 2,500 เยน วันหยุด ผู้ใหญ่ 3,800 เยน เด็ก 2,700 เยน
เวลาทำการ: 9.30 - 17.00 น.
วันหยุด: ไม่มี
วิธีการเดินทาง: นั่งรถไฟสาย JR Chuo-Sobu Line(Local),Sobu Line(Rapid) ลงสถานี Shin-Koiwa เดินอีก 3 นาที
4.ไปแตะขอบฟ้าที่สวนลอยฟ้า SKY CIRCUS ซันไชน์ 60
เพื่อนๆที่ชอบถ่ายรูป ชอบท้องฟ้า และรักความสนุกแปลกใหม่แบบอาร์ตๆไม่ควรพลาด ที่นี่มีอะไรดีน่ะเหรอ? บอกเลยว่าเพียบเพราะที่นี่เค้ามี คอนเซปท์ว่า “รับรู้ได้ทุกประสาทสัมผัส”รูป รส เสียง สัมผัส เค้าจึงมีการออกแบบพื้นที่ให้เป็น 7 โซน เช่น “SKY CIRCUS TENT” ที่พอเราขึ้นลิฟท์ไปจนถึงชั้น 60 ก็จะมาโผล่ที่นี่เพื่อดูโชว์ในเต้นท์, “Sky 251” เป็นการสร้างบรรยากาศผ่านไฟกลมๆสีฟ้าที่ทำให้เราเหมือนอยู่ใต้ก้อนเมฆแล้วจะมีพื้นใสๆที่เราสามารถมองทะลุเห็นวิวกรุงโตเกียวข้างล่างจากมุมสูง 251 ม.จากระดับน้ำทะเล “Kaleidoscope” ที่สร้างบรรยากาศให้เราเหมือนเข้าไปอยู่ในกล้องสลับลายคาไลโดสโคป "SKY Bridge"ที่เป็นแหล่งรวมเทคโนโลยีใหม่ที่ให้เราสามารถไปสัมผัสท้องฟ้าได้จากการเล่นเกมส์VRในหลากหลายคอนเทนท์ เช่น เที่ยวบินลูกกระสุนมนุษย์, Swing Coaster จะเหมือนว่าเรานั่งอยู่บนรถไฟตีลังกาวิ่งผ่านไปรอบๆเมือง "SKY PARTY" ที่จะเป็นห้องแสดงศิลปะจากแสงและสีสัน เป็นต้น นอกจากนี้ที่นี่ยังมีคาเฟ่เจ๋งๆที่ชื่อ「Cafe Quu Quu Quu」ที่เหมือนเรากำลังนั่งดื่มกาแฟ กินเค้ก อยู่บนสวรรค์แล้วข้างล่างเป็นเมืองโตเกียวด้วย
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 1,200 เยน เด็กและนักเรียน 900 - 600 เยน เด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบ 300 เยน (เกมส์VRต้องเสียเงินเพิ่มต่างหาก)
เวลาทำการ: 10:00 - 22:00 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย / ถึง 21:00 น.)
วันหยุด: ไม่มี
วิธีการเดินทาง: นั่งรถไฟ JR สาย Seibu ลงที่สถานี Ikebukuro เดินประมาณ 8 นาที จากทางออกหมายเลข 35 หรือนั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Yurakocho ลงที่สถานีHigashi-Ikebukuro เดินประมาณ 3 นาที จากทางออกหมายเลข 6 และ 7
5.พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Hakkeijima Sea Paradise ที่โยโกฮาม่า
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะทางตอนใต้ของโยโกฮาม่า เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่มีสิ่งมีชีวิต 700 ชนิด 120,000 ตัวอาศัยอยู่ และมีอุโมงค์ใต้น้ำทะเลขนาดใหญ่ให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันในโซนที่เรียกว่า Aqua Museum มีส่วนโชว์การแสดงน่ารักๆจากปลาโลมาและสิงโตทะเลที่ Aqua Stadium หรือจะเป็นการแสดงสัตว์น้ำสไตล์ใหม่ที่โซน Dolphin Fantasy ก็ได้ สามารถมองเห็นท่าทางการว่ายเล่นของปลาโลมาในทะเลสีฟ้าครามได้ในทุกอิริยาบท หรือใครอยากจะลองจับมือกับปลาโลมาและลูบศีรษะปลาวาฬเบลูกาก็ทำได้
นี่แค่น้ำจิ้ม เพราะจริงๆแล้วที่นี่ยังมีกิจกรรมอีกเพียบ แถมที่นี่ยังครบเครื่องตรงที่นอกจากจะมีสัตว์ให้ดูแล้ว ยังมีส่วนที่เป็นสวนสนุกตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันอีกด้วย เราสามารถใช้เวลาที่นี่ได้ทั้งวันตั้งแต่เช้ายันค่ำ ช่วงฟ้ายังสว่างก็สนุกสนานกับสัตว์น้ำชนิดต่างๆ พอฟ้ามืดก็นั่งดูโชว์น้ำพุเต้นระบำประกอบแสงสีชิลล์ๆริมทะเลภายในบริเวณก่อนจะปิดท้ายด้วยพลุสวยๆโรแมนติคไปอี๊ก แต่ถ้าใครอยากดื่มด่ำกับบรรยากาศที่นี่อย่างเต็มที่ ก็สามารถจองห้องพักโรงแรมแบบมองเห็นวิวทะเลได้ทุกห้องที่ Hotel Sea Paradise Inn ก็ย่อมได้แต่อาจต้องวางแผนแต่เนิ่นๆหน่อยเพราะมีแค่ 28 ห้องเท่านั้น
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่และนักเรียนม.ปลาย 5,050 เยน,เด็กและผู้สูงอายุ 2,050 - 3,600 เยน (เข้าได้ทุกจุดยกเว้นเครื่องเล่นต้องเสียเงินแยกต่างหาก)
เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ 09.00 - 20.00 น.เสาร์-อาทิตย์ 09.00 - 21.00 น.
วันหยุด: ไม่มี
วิธีการเดินทาง: นั่งรถไฟสาย Keikyu จากสถานี Yokohama ไปลงที่สถานี Kanazawa-Hakkei หรือรถไฟ JR สาย Negishi จาก Yokohama ไปลงที่สถานี Shin-Sugita จากนั้นเปลี่ยนเป็นสาย Kanazawa Seaside นั่งไปลงยัง Hakkeijima
6.สวนสนุก Namja Town
สวนสนุกในร่มแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ย่าน Ikebukuro ที่สร้างโดยบริษัท Namco ผู้ผลิตเกมและการ์ตูนที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก โดยตัวสวนสนุกจะอยู่ที่ชั้น 2 และชั้น 3 ของห้าง Sunshine City ที่มีความเป็นเอกลักษณ์จากการออกแบบตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นสมัยโชวะ และมีกิจกรรมที่น่าสนใจให้เลือกทำมากมาย เช่นฝึกพลังเวทย์จากโรงเรียนเวทมนตร์, มือปืนโลกอนาคต, ระเบิดทำลายยุง และบ้านผีสิง โดยจะให้เด็กๆและครอบครัวมาร่วมกันทำมิชชั่น นอกจากนี้ก็มีกิจกรรมสำหรับเด็กเล็กอาทิเช่นม้าหมุน หรือเกมชิงรางวัลด้วยการจับฉลาก กาจาปอง หรือจะเล่นตู้คีบ UFO ก็มีวางไว้มากมาย
และอีกโซนที่ห้ามพลาดมีนั่นก็คือ โซน “Namja เกี๊ยวซ่าสเตเดี๊ยม” ที่รวมเกี๊ยวซ่าเจ้าเด็ดเจ้าดังมาให้ชิมกันในที่เดียว หรือใครชอบขนมหวานและไอศกรีมก็สามารถแวะไปที่โซน Fukubuku Dessert Yokocho ที่รวบรวมร้านขนมหวานไว้มากมายที่สามารถแต่งหน้าให้เป็นตัวการ์ตูนที่เราชื่นชอบได้
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็ก 300 เยน หากซื้อตั๋วแบบรวมเครื่องเล่น ผู้ใหญ่ 3,500 เยน เด็ก 2,800 เยน
เวลาทำการ: : 10:00 - 22:00 น.
วันหยุด: ไม่มี
วิธีการเดินทาง: นั่งรถไฟ JR สาย Tobu Tojo หรือสาย Seibu Ikebukuro ลงที่สถานี Ikebukuro เดินประมาณ 8 นาที
หรือนั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Yurakucho ลงที่สถานี Higashi Ikebukuro เดิน 3 นาที
7.สวรรค์ของคนชอบเล่นที่พิพิธภัณฑ์ของเล่น Tokyo Toy Museum
ถ้าพูดถึงของเล่นก็ต้องนึกถึงประเทศญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นประเทศนี้จึงมีพิพิธภัณฑ์ของเล่นอยู่หลายที่ แต่ที่ๆเดินทางสะดวกและครบเครื่องก็จะต้องเป็นที่โตเกียว โดยที่ Tokyo Toy Museum นี้เก็บรวบรวมของเล่นไว้มากมายกว่า 1,000 รายการ ไม่ใช่แค่สำหรับเด็กๆเท่านั้น แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถสนุกสนานได้เช่นกัน
ตัวอาคารแห่งนี้สร้างขึ้นจากโรงเรียนเก่าที่เลิกกิจการไปแล้ว นำมาปรับให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ภายใต้แนวคิดที่ต้องการเปิดโลกแห่งความคิดของเด็กๆผ่านการเล่น โดยแบ่งเป็นห้องๆที่มีกิจกรรมแตกต่างกันไป เช่นห้อง Good Toy Gallery ที่จะรวมของเล่นที่ได้รับรางวัลทั้งระดับประเทศและระดับโลก, ห้อง Wood Toy Forest จะมีบ่อวงกลมที่ใส่ลูกบอลที่ทำจากไม้สนคัดพิเศษ 20,000 ลูก ให้เด็กๆได้เข้าไปเกลือกกลิ้งได้เต็มที่, โซนป่าของเล่นไม้ มีเขาวงกตเล็กๆ ให้เด็กๆได้ใช้ทักษะการคิดปีนป่ายหาทางออก, ห้อง Toy Factory ที่เป็นการทำ workshop ให้เด็กๆได้สร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากของเหลือใช้เป็นการฝึกความคิดสร้างสรรค์, ห้องเล่นเกมที่ให้ผู้ใหญ่ได้ประลองกับเด็ก หรือจะเป็นส่วนนอกอาคารที่เป็นสนามเด็กเล่น มีเนินเขาเตี้ยๆให้เด็กๆได้มุดลอดท่อน้ำพาตัวเองไปยังจุดสูงสุดของภูเขา เป็นต้น เรียกได้ว่าอยู่ที่นี่ทั้งวันได้ไม่มีเบื่อและไม่ต้องสนฟ้าสนฝนด้วย
ค่าเข้าชม:
ผู้ใหญ่ 800 เยน
เด็กอายุ 6 เดือนถึงประถม 500 เยน
เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน ฟรี
หากซื้อเป็นคู่เด็ก 1 คนและผู้ปกครอง 1 คนจ่ายแค่ 1,200 เยน
เวลาทำการ: : 10:00 - 16:00 น.
วันหยุด: ทุกวันพฤหัสบดี
วิธีการเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย Marunouchi ลงสถานี Yotsuya-sanchōme เดิน 7 นาที หรือรถไฟใต้ดินสาย Toei Shinjuku ลงสถานี Akebonobashi เดิน 8 นาที