6 กิจกรรมแนะนำในฤดูหนาวที่ฮอกไกโด
1. ขึ้นรถจักรไอน้ำ SL Fuyu-no-Shitsugen ชมวิวหิมะ
รถไฟ SL Fuyu-no-Shitsugen คือรถจักรไอน้ำเพียงขบวนเดียวของภูมิภาคฮอกไกโด ซึ่งให้บริการเฉพาะในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น โดยรถจักรไอน้ำขบวนนี้จะพาไปสัมผัสกับความสวยงามของทิวทัศน์ยามฤดูหนาวสองข้างทาง ตั้งแต่สถานี Kushiro ไปจนถึงสถานี Shibecha โดยพื้นที่หลักที่รถไฟสายนี้แล่นผ่านคือพื้นที่ชุ่มน้ำคุชิโระ (Kushiro Wetlands) ซึ่งไม่ได้มีเพียงลำธาร ป่าไม้ และภูเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสได้พบกับสัตว์หลากหลายชนิดตามธรรมชาติ ทั้งกวาง นกกะเรียน และนกอินทรี นอกจากนั้นยังสามารถเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศแบบย้อนยุค และสนุปไปกับการปิ้งปลาหมึกแห้งจากเตาผิงบนขบวนรถไฟได้ในระหว่างการเดินทาง
เส้นทางที่ให้บริการ : สถานี Kushiro – สถานี Shibecha
เวลาในการเดินทาง : 1 ชั่วโมง 30 นาที
ตารางการให้บริการ : เฉพาะช่วงฤดูหนาว (ปลายเดือนมกราคม – ปลายเดือนกุมภาพันธ์) และไม่ได้มีให้บริการทุกวัน
ค่าโดยสาร : 1,890 เยน (ถ้าใช้ JR Pass หรือ Hokkaido Rail Pass จ่ายเฉพาะค่าธรรมเนียมระบุที่นั่ง 820 เยน)
2. ดูนกกะเรียนที่เมือง Kusihro
ต่อจากการขึ้นรถจักรไอน้ำชมวิวหิมะที่เมืองคุชิโระแล้ว กิจกรรมอีกอย่างหนึ่งที่หลายคนมักจะทำคู่กัน คือการแวะไปดูนกกะเรียนที่อุทยานแห่งชาติคุชิโระชิสึเงน (Kushiro Shitsugen National Park) ซึ่งในฤดูหนาวนั้น พื้นที่บริเวณอุทยานแห่งนี้ถือว่ามีความอบอุ่นมากกว่าที่อื่นๆ สำหรับเหล่าสัตว์บางชนิด ทำให้เหล่านกกระเรียนมงกุฎแดง (Red-Crowned Cranes) ต่างพากันอพยพมาใช้ชีวิตอยู่ในเขตอุทยานตลอดทั้งฤดูหนาว โดยนกกะเรียนสายพันธุ์นี้ถือเป็นนกกะเรียนหายากของญี่ปุ่น มีจุดเด่นอยู่ที่ขนสีแดงเป็นจุดกลมๆ บนหัว และในฤดูหนาวนั้นยังถือเป็นฤดูผสมพันธุ์ของนกกะเรียนสายพันธ์นี้ ซึ่งท่วงท่าในการเกี้ยวพาราสีระหว่างกันและกันนั้นมีลักษณะคล้ายกับนกกะเรียนเหล่านี้กำลังร่ายรำท่ามกลางหิมะ จนกลายเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของฤดูหนาวที่ฮอกไดโดซึ่งสามารถมาสัมผัสได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น
การเดินทาง : ขึ้นรถบัส Akan Bus สาย 20 จากหน้าสถานี Kushiro มาลงที่ป้าย Yakuba-mae (50 นาที 1,000 เยน)
ค่าเข้าชม : 470 เยน
เวลาเปิดทำการ : 09.00 - 17.00 น.
3. ดูนกเพนกวินแบบใกล้ชิดที่สวนสัตว์อาซาฮิยาม่า (Penguin Walk at Asahiyama Zoo)
สวนสัตว์อาซาฮิยาม่าในเมืองอาซาฮิคาว่า (Asahikawa) ถือเป็นสวนสัตว์ยอดนิยมอันดับต้นๆของภูมิภาคฮอกไกโด ซึ่งมีจุดเด่นตรงที่รูปแบบการนำเสนอสัตว์หลากหลายชนิดให้ได้ชมกันอย่างใกล้ชิด และยังมีสัตว์เมืองหนาวหรือแถบขั้วโลกเยอะเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นหมีขั้วโลกและแมวน้ำหลากหลายสายพันธุ์ แต่ไฮไลท์สำคัญในช่วงฤดูหนาวนั้นคือกิจกรรมพาเหรดนกเพนกวิน (Penguin Walk) ซึ่งเจ้าหน้าที่ในสวนสัตว์จะนำเหล่านกเพนกวินออกมาเดินบนพื้นหิมะไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ โดยทุกคนสามารถถ่ายรูปและสัมผัสความน่ารักของเพนกวินเหล่านี้ได้อย่างใกล้ชิด และหากยังไม่จุใจก็ยังสามารถแวะไปที่ “อุโมงค์เพนกวิน” ซึ่งมีลักษณะเป็นอุโมงค์กระจกใสใต้น้ำที่สามารถมองเห็นเหล่านกเพนกวินที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำได้อย่างเต็มตา
การเดินทาง : จากซัปโปโร ขึ้นรถไฟด่วน LTD. EXP LILAC หรือ LTD. EXP Kamui ไปลงที่สถานี Asahikawa (85 นาที 4,290 เยน ใช้ JR Pass, Hokkaido Rail Pass ได้) จากนั้นต่อรถบัสสาย 41, 42 หรือ 47 จากหน้าสถานีไปลงที่สวนสัตว์ (40 นาที 440 เยน)
ค่าเข้าชม : 820 เยน
เวลาเปิดทำการ : ช่วงฤดูหนาว (กลางเดือนพฤศจิกายน – เมษายน) 10.30 – 15.30 น.
4. ล่องเรือตัดน้ำแข็งที่อะบาชิริ (Abashiri Ice Breaker)
นอกเหนือจากการได้สัมผัสกับหิมะอย่างจุใจในช่วงฤดูหนาวที่ฮอกไกโดแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่หาดูได้ยากยิ่งกว่าหิมะนั่นก็คือธารน้ำแข็ง (Drift Ice) ซึ่งโดยปกติจะพบได้เพียงในเขตขั้วโลกเท่านั้น แต่ทุกฤดูหนาวตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงประมาณปลายเดือนมีนาคม ท้องทะเลในแถบเมืองอาบาชิริ (Abashiri) นั้นจะถูกปกคลุมไปด้วยธารน้ำแข็งสีขาวโพลนซึ่งลอยมาจากบริเวณขั้วโลกเหนือ ซึ่งจะมีเรือตัดน้ำแข็ง 3 รูปแบบคือเรือ Aurora เรือ Evergreen และเรือ GARINKO ที่จะพาไปชมความงามของธารน้ำแข็งและทัศนียภาพอันงดงามและแปลกตาโดยรอบ และยังอาจได้พบกับเหล่าสัตว์ต่างๆจากฝั่งทะเลตอนเหนือ เช่นนกอินทรีย์ทะเลสเตลเลอร์และแมวน้ำลายจุดอีกด้วย
การเดินทาง : จากซัปโปโร ขึ้นรถไฟ LTD. EXP SUPER OZORA ไปลงที่สถานี Kushiro จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย JR Senmo ไปลงที่สถานี Katsuradai (8 ชั่วโมง 11,330 เยน ใช้ JR Pass, Hokkaido Rail Pass ได้) จากนั้นเดินต่อไปที่ท่าเรืออีกประมาณ 8 นาที
ค่าบริการ : 3,000 – 4,000 เยน (ขึ้นอยู่กับประเภทของเรือและระยะเวลาในการล่องเรือ)
ช่วงเวลาที่ให้บริการ : ประมาณปลายเดือนมกรา – ปลายเดือนมีนาคม ตั้งแต่ 09.00 – 15.00 น.
5. ทาน "เจงกิสข่าน" (Jingisukan) เมนูท้องถิ่นของฮอกไกโด
นอกจากการซดราเม็งร้อนๆให้คลายหนาวแล้วที่ฮอกไกโดยังมีอาหารท้องถิ่นอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยแก้หนาวและน่าอร่อยไม่แพ้กัน นั่นก็คือเมนูที่มีชื่อเรียกว่า “เจงกิสข่าน” หรือเนื้อย่างบนเตาเหล็กซึ่งหากดูเผินๆ แล้วอาจไม่ต่างอะไรกับหมูกระทะในประเทศไทย แต่เนื้อที่นำมาใช้ย่างในเมนูเจงกิสข่านนั้นจะใช้เนื้อแกะเป็นหลัก แถมยังเป็นเนื้อแกะที่ถูกพัฒนาสายพันธุ์มาอย่างยาวนานจนไม่มีกลิ่นสาบ
ฟวนที่มาของเมนูนี้แม้จะไม่มีหลักฐานที่มาแน่ชัด แต่ส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเป็นเมนูที่ดัดแปลงมาจากอาหารมองโกเลีย โดยลักษณะของเตาย่างมีรูปทรงคล้ายกับหมวกนักรบมองโกเลียในสมัยที่แม่ทัพเจงกิสข่านยังเรืองอำนาจ และอาจพูดได้ว่าเป็นเมนูที่หาทานได้เฉพาะที่ฮอกไกโดเท่านั้น (อาจมีร้านตามเมืองใหญ่ๆ อย่างโตเกียวอยู่บ้าง) เนื่องจากปัจจุบันฮอกไกโดเป็นเพียงภูมิภาคเดียวของญี่ปุ่นที่ยังคงมีการทำฟาร์มเลี้ยงแกะอยู่
สามารถหาร้านอาหารเจงกิสข่านได้ทั่วไปในย่านกินดื่มหลักๆ ในซัปโปโร โดยย่านที่มีร้านเจงกิสข่านมากที่สุดคือย่านซุซุกิโนะ (Susukino)
6. ชมดอกไม้หิมะที่ทะเลสาบอะคัง (Frost Flower at Lake Akan)
ทะเลสาบอะคังเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติอะคัง หนึ่งในพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์และความสวยงามของธรรมชาติให้สัมผัสได้ในทุกฤดูกาล โดยความพิเศษในช่วงฤดูหนาวคือที่ทะเลสาบแห่งนี้เป็นสถานที่แห่งเดียวในญี่ปุ่นที่จะได้พบกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่เรียกว่า “ดอกไม้หิมะ” หรือ Frost Flower ซึ่งเกิดจากพื้นทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็งและมีหิมะตกลงมาบนพื้นน้ำแข็งในสภาวะที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศา และที่สำคัญคือต้องไม่มีลม จนทำให้เกล็ดน้ำแข็งจากหิมะนั้นค่อยๆ ขยายตัวขึ้นจนมีลักษณะเป็นเหมือนกับดอกไม้ที่ปกคลุมอยู่บนพื้นทะเลสาบ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับความงามของดอกไม้หิมะนี้ได้ด้วยตาเท่านั้น เพราะการสัมผัสหรือเพียงแค่เป่าลมเบาๆ ไปที่ดอกไม้เหล่านี้ ก็จะทำให้มันสลายตัวไปได้อย่างง่ายดาย
การเดินทาง : จากซัปโปโร ขึ้นรถไฟ LTD. EXP SUPER OZORA มาลงที่สถานี Kushiro (4 ชั่วโมง 8,850 เยน ใช้ JR Pass หรือ Hokkaido Rail Pass ได้) จากนั้นขึ้นรถบัสบริเวณหน้าสถานีไปลงที่ทะเลสาบ (1 ชั่วโมง 40 นาที 2,700 เยน)
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิดทำการ : 24 ชั่วโมง