All About Japan

7 วิวหิมะที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น

หิมะ Hokkaido

ในฤดูหนาวญี่ปุ่นที่หิมะตกหนักอันดับต้นๆของโลก ทั้งภูเขาและหมู่บ้านต่างๆกลายเป็นสีขาวโพลน ก่อให้เกิดภาพที่งดงามเป็นเอกลักษณ์ขึ้นมา หลายภาพนั้นเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เช่นภาพของลิงแช่ออนเซ็นกลางหิมะ และภาพบลูพอนด์ที่ฮอกไกโด วันนี้เราจึงมาแนะนำ 7 วิวหิมะที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นที่ควรแวะไปสัมผัสด้วยตาตัวเองสักครั้ง

1. หมู่บ้านชิราคาวาโกะ จ.กิฟุ (Shirakawago, Gifu)

1. หมู่บ้านชิราคาวาโกะ จ.กิฟุ (Shirakawago, Gifu)

https://www.flickr.com/photos/mashipooh/8537276644/

ภาพของบ้านไม้ทรงสูงสไตล์โบราณของหมู่บ้านชิราคาวาโกะที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลนสุดลูกหูลูกตาคงเป็นหนึ่งในวิวหิมะของญี่ปุ่นที่เป็นภาพจำของใครหลายๆ คน แถมยังมีความพิเศษตรงที่ในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ของทุกปี หมู่บ้านชิราคาวาโกะจะมีการจัดแสดงแสงไฟยามค่ำคืน (Light Up) ที่ยิ่งเพิ่มความสวยงามมากขึ้นอีกหลายเท่า โดยกำหนดการ Light up ของปี 2019 ที่จะถึงนี้คือวันที่ 14, 20, 27 ของเดือนมกราคม และวันที่ 3, 11, 17 กุมภาพันธ์ ตั้งแต่เวลา 17.30 – 19.30 น.

การเดินทาง : จากโตเกียวหรือโอซาก้า ขึ้นรถไฟหรือรถบัสไปที่เมือง Takayama จากนั้นต่อรถบัส Nohi bus จากบริเวณหน้าสถานีรถไฟไปลงที่หมู่บ้าน (50 นาที 3,090 เยน)
เวลาเปิดทำการ : 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี

2. ลิงแช่ออนเซน จ.นากาโน่ (Jigokudani Snow Monkey Park, Nagano)

2. ลิงแช่ออนเซน จ.นากาโน่ (Jigokudani Snow Monkey Park, Nagano)

https://www.flickr.com/photos/beggs/14497420346/

หากถามถึงภาพจำของฤดูหนาวญี่ปุ่นที่คุ้นตาคนทั่วโลกมากที่สุด ภาพนั้นอาจไม่ใช่ภาพของสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง แต่เป็นภาพของลิงที่กำลังแช่ออนเซนอย่างมีความสุขท่ามกลางหิมะและไอเย็นที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ซึ่งเป็นภาพที่มีความแปลกตาและชวนให้รู้สึกขบขันไปพร้อมๆ กัน

ออนเซนลิงแห่งนี้อยู่ในย่านออนเซนชิบุ (Shibu Onsen) ในจ.นากาโน่ ซึ่งบ่อออนเซนสำหรับลิงนั้นถูกสร้างขึ้นสำหรับลิงป่าโดยเฉพาะ จึงจำเป็นต้องเดินเท้าเข้าไปในหุบเขาอีกประมาณ 35 นาที ใครที่อยากแวะไปเยือนจึงควรสวมใส่รองเท้าที่สามารถกันลื่นและกันหิมะได้สักเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคระหว่างการเดินทาง

การเดินทาง : จากโตเกียว ขึ้นรถไฟโฮคุริคุ ชินคันเซนไปลงที่สถานี Nagano จากนั้นต่อรถไฟสาย Nagano Dentetsu ไปลงที่สถานี Yudanaka และขึ้นรถบัสจากหน้าสถานีไปลงป้าย Kanbayashi Onsen และเดินต่ออีกประมาณ 35 นาที
เวลาเปิดทำการ : 09.00 – 16.00 น.
ค่าเข้าชม : 800 เยน

3. สวนเคนโรคุเอน เมืองคานาซาว่า (Kenrokuen, Kanazawa)

3. สวนเคนโรคุเอน เมืองคานาซาว่า (Kenrokuen, Kanazawa)

https://www.flickr.com/photos/pelican/5373931497/

สวนเคนโรคุเอนถือเป็นหนึ่งในสามสวนที่งดงามที่สุดในประเทศญี่ปุ่น จากการออกแบบภูมิทัศน์ภายในสวนให้มีความสวยงามในทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นต้นซากุระมากมายที่ผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้นานาชนิดในฤดูร้อน และพรรณไม้หลากสีสันยามฤดูใบไม้ร่วง

สำหรับช่วงฤดูหนาวนั้น นอกจากภาพของหิมะสีขาวที่ปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณแล้ว สวนแห่งนี้ก็มีความงามอันเป็นเอกลักษณ์จาก “ยูคิตซุริ” (Yukitsuri) หรือการถักเชือกสีทองเป็นทรงสูง ผูกกิ่งก้านของต้นสนเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้หักโค่นจากหิมะที่ทับถมสูง ซึ่งยูคิตซุรินั้นยังเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งการมาถึงของฤดูหนาวของเมืองคานาซาว่าอีกด้วย

การเดินทาง : จากสถานีคานาซาว่า ขึ้นรถบัส Loop Line มาลงที่ป้าย Kenrokuen Garden - Kanazawa Castle Park (10 นาที 200 เยน)
เวลาเปิดทำการ : เดือนมีนาคม – ตุลาคม 07:00 - 18:00 น.
เดือน ตุลาคม – กุมภาพันธ์ 08.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : 310 เยน

4. บลูพอนด์ ฮอกไกโด (Blue Pond, Hokkaido)

4. บลูพอนด์ ฮอกไกโด (Blue Pond, Hokkaido)

https://www.flickr.com/photos/123124613@N04/13821555404/

ภาพสระน้ำสีฟ้าบริสุทธิ์ท่ามกลางหิมะสีขาวที่โปรยปรายลงมาทั่วบริเวณ ได้กลายเป็นภาพซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั้งโลกเมื่อบริษัท Apple ได้นำภาพภาพนี้ไปเป็นหนึ่งในภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่วางจำหน่ายไปทั่วโลก โดยสระน้ำแห่งนี้คือบลูพอนด์หรือสระอาโออิเคะ (Aoiike) ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองบิเอะ จ.ฮอกไกโด แต่สำหรับใครที่อยากได้ภาพตอนที่น้ำในสระแห่งนี้ยังเป็นสีฟ้า อาจจะต้องเดินมาตั้งแต่ช่วงก่อนเข้าฤดูหนาวเล็กน้อย ตั้งแต่เดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายนเป็นต้นไป เนื่องจากเมื่อเข้าฤดูหนาวเต็มตัวแล้ว น้ำในสระแห่งนี้จะกลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมด แต่ก็จะมีความสวยงามในอีกรูปแบบหนึ่ง โดยเฉพาะในยามค่ำคืนที่มีการจัดแสงไฟ (Light Up) ตั้งแต่ 17.00 – 21.00 น. ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 มีนาคมของทุกปี

การเดินทาง : จากซัปโปโร ขึ้นรถไฟด่วน Limited Express KAMUI หรือ Limited Express LILAC ไปลงที่สถานี Asahikawa จากนั้นเปลี่ยนสายไปขึ้นรถไฟสาย JR Furano ไปลงที่สถานี Biei (2 ชั่วโมง 5,040 เยน) และต่อรถบัสสาย Biei-Shirogane Onsen ไปลงที่ป้าย Shirogane Aoiike Iriguchi (30 นาที 600 เยน)
เวลาเปิดทำการ : 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี

5. ป้อมดาวห้าแฉก เมืองฮาโกดาเตะ (Goryokaku, Hakodate)

5. ป้อมดาวห้าแฉก เมืองฮาโกดาเตะ (Goryokaku, Hakodate)

ป้อมดาวห้าแฉกหรือ Goryokaku ในเมืองฮาโกดาเตะนั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่งที่มีความงดงามในแทบทุกฤดู ไม่ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิที่จะมองเห็นพื้นที่รูปทรงห้าแฉกกลายเป็นสีชมพูจากต้นซากุระนับพันต้นที่บานสะพรั่ง และสีสันที่หลากหลายยามฤดูไม้เปลี่ยนสี รวมถึงในฤดูหนาวที่มีหิมะสีขาวปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ของป้อม และเปลี่ยนให้สระน้ำรอบๆ กลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมด โดยจุดเดียวที่สามารถชมภาพของป้อมดาวห้าแฉกจากมุมสูงได้อย่างสวยงามก็คือจากจุดชมวิวความสูง 107 เมตรของหอคอย Goryokaku Tower ซึ่งยังสามารถชมวิวโดยรอบของเมืองฮาโกดาเตะได้พร้อมๆ กัน

การเดินทาง : จากสถานี Hakodate ขึ้นรางสาย 2 หรือ 5 ไปลงที่สถานี Goryokaku Koen Mae (10 นาที 230 เยน) จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
เวลาเปิดทำการ : 09.00 – 18.00 น.
ค่าเข้าชม : บริเวณสวนเข้าชมฟรี ส่วนหอคอย Goryokaku Tower มีค่าเข้าชม 840 เยน

6. คลองโอตารุ (Otaru Canal, Otaru)

6. คลองโอตารุ (Otaru Canal, Otaru)

แม้ว่าฮอกไกโดจะเต็มไปด้วยมุมธรรมชาติสวยๆ ในฤดูหนาวมากมายทั้งจากภูเขาและทะเลสาบ แต่หากพูดถึงมุมหิมะในเมืองที่มีชื่อเสียงและเป็นที่คุ้นเคยของใครหลายๆ คนแล้ว หนึ่งในนั้นก็คือภาพของคลองโอตารุในฤดูหนาว ซึ่งเป็นคลองสายเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับทะเลโดยตรงทำให้น้ำในคลองช่วงฤดูหนาวนั้นไม่ได้จับตัวเป็นน้ำแข็ง บวกกับบริเวณสองฝั่งคลองสายนี้ยังเป็นโกดังและอาคารเก่าแก่สไตล์ตะวันตกที่สร้างขึ้นในยุคที่โอตารุเป็นหนึ่งในเมืองท่าสำคัญของฮอกไกโด โดยนอกจากการเดินไปตามทางเดินเลียบลำคลองในระยะสั้นๆ เพียงประมาณ 1 กิโลเมตรแล้ว ก็ยังสามารถขึ้นเรือชมความงามยามหิมะโปรยปรายได้ น่าประทับใจไม่แพ้กัน

การเดินทาง : จากซัปโปโร ขึ้นรถไฟ JR สาย Hakodate ไปลงที่สถานี Otaru (35 นาที 640เยน) จากนั้นเดินต่อจากสถานีประมาณ 10 นาที
เวลาเปิดทำการ : 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี

7. เกียวโตยามหิมะตก

7. เกียวโตยามหิมะตก

ภาพอันงดงามของเกียวโตยามหิมะตกนั้นถือเป็นช่วงเวลาที่พิเศษที่สุดยิ่งกว่าสถานที่อื่นๆ เนื่องจากเมืองเกียวโตนั้นตั้งอยู่ค่อนไปทางใต้ของประเทศญี่ปุ่น จึงไม่ได้มีหิมะตกเยอะในฤดูหนาวเหมือนกับเมืองอื่นๆ และส่วนใหญ่จะตกลงมาเพียงช่วงเวลาสั้นๆ บางครั้งนั้นตกลงมาเพียงแค่คืนเดียว รุ่งเช้าหิมะทั้งหมดก็ละลายหายไปจนหมดแล้ว ดังนั้นภาพของสถานที่ชื่อดังต่างๆ ในเมืองเกียวโตไม่ว่าจะเป็นวัดทอง (Kinkakuji Temple) เจดีย์ยาซากะ (Yasaka Pagoda) หรือป่าไผ่อาราชิยาม่า (Arashiyama Bamboo Groove) ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวบริสุทธิ์นั้นจึงถือเป็นภาพที่หายาก และสำหรับนักท่องเที่ยวยิ่งถือว่าต้องใช้ดวงอย่างมาก เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าหิมะจะตกลงมาวันไหน นอกจากต้องรอฟังพยากรณ์อากาศเพียงไม่กี่วันล่วงหน้าเท่านั้น

การเดินทาง : จากโตเกียวหรือเมืองใหญ่เมืงอื่นๆ ขึ้นรถไฟชินคันเซนมาลงที่สถานี Kyoto
เวลาเปิดทำการ : ขึ้นอยู่กับสถานที่แต่ละแห่ง
ค่าเข้าชม : ขึ้นอยู่กับสถานที่แต่ละแห่ง

know-before-you-go