สวนสาธารณะในเมืองมิโตะ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 สวนที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นสวนที่มีภูมิทัศน์ที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น สามารถมาเที่ยวชมความสวยงามได้ตลอดทั้งปีโดยจะได้พบกับบรรยากาศที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล สำหรับช่วงกลางเดือนถึงปลายเดือนพฤศจิกายนผู้มาเยือนจะได้พบกับสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีที่เดินชมได้อย่างเพลิดเพลินทั่วทั้งสวน ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย

เวลาทำการ :
20 กุมภาพันธ์ - 30 กันยายน เปิดทำการตั้งแต่ 06.00-19.00 น.
1 ตุลาคม - 19 กุมภาพันธ์ เปิดทำการตั้งแต่ 07.00-18.00 น.

ค่าเข้าชม : ไม่มี

การเดินทาง : จากโตเกียวให้เริ่มต้นที่สถานี Ueno นั่งรถด่วน Limited Express Super Hitachi (Joban Line) ไปลงที่สถานี Mito ใช้เวลา 65 นาที จากนั้นต่อรถบัสท้องถิ่นประมาณ 15 นาที ไปลงที่สวน Kairakuen หรือเดินเลาะไปตามเส้นทางริมทะเลสาบเซนบะ (Senba Lake) ราวๆ 30 นาที

สถานีรถไฟ Kairakuen เปิดให้บริการเฉพาะฤดุใบไม้ผลิเท่านั้น จึงไม่สามารถใช้การได้ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี

เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ภายในจัดแสดงผลงานเซรามิก ในขณะที่ด้านนอกเป็นสวนมอสและสวนญี่ปุ่นที่ปูพื้นด้วยหินเป็นทางเดินคดเคี้ยวผ่านร่มเงาของต้นเมเปิ้ลจำนวนมาก ใบเมเปิ้ลญี่ปุ่นสีแดงที่ร่วงหล่นตามทางเดินกลางสวนมอสช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนถือว่าเป็นจุดเด่นที่ทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงที่ได้รับความนิยมมากจากนักท่องเที่ยว

เวลาทำการ : 09.30-16.30 น. (เข้าชมก่อนเวลาปิด 30 นาที) ปิดทำการทุกวันพฤหัสบดียกเว้นในเดือนพฤศจิกายน และในกรณีที่วันพฤหัสบดีเป็นวันหยุดราชการ

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 900 เยน, เด็กมัธยมปลายและนักศึกษา 400 เยน, เด็กมัธยมต้นและเด็กประถมเข้าชมฟรี

การเดินทาง : เริ่มต้นที่โตเกียวจากสถานี Shinjuku ขึ้นรถไฟ Odakyu Romance Car ไปลงที่สถานี Hakone Yumoto ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที แล้วต่อรถไฟไปลงที่สถานี Gora ซึ่งมีรถไฟออกทุก 10-20 นาที จากนั้นให้เดินทางด้วยเคเบิลคาร์ Hakone Tozan Cablecar ไปลงที่สถานี Koenkami ใช้เวลาประมาณ 5 นาที

ที่วัดฮาเซเดระในคามะคุระถือเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมมากอีกแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปชมสีสันของใบไม้เปลี่ยนสียามค่ำคืน ที่นี่จะมีงานประดับไฟหรือ Light up ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้เที่ยวชมกันในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมของทุกปี หรือจะไปตั้งแต่ตอนกลางวันก็ได้เช่นกัน

เวลาทำการ : ช่วงเดือนตุลาคม - กุมภาพันธ์: 08.00-16.30น. ช่วงอื่นๆ 08.00-17.30น.

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 300 เยน, เด็ก 100 เยน

การเดินทาง : จากสถานี Hase ของรถไฟท่องเที่ยวสาย Enoden ให้เดินต่อไปอีกประมาณ 5 นาที

สวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่ในโยโกฮามาที่มีความโดดเด่นในเรื่องสถาปัตยกรรมการ จุดขายที่สำคัญที่สุดคืออาคารบ้านเรือนแบบโบราณมากมายที่ถูกย้ายมาตั้งไว้ภายในสวนนี้

ที่สวนเป็นทั้งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ดื่มชา เรียนรู้ประวัติศาสตร์ และชมธรรมชาติที่สวยงามได้ในทุกฤดูกาล สำหรับฤดูใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนก็จะได้ชมทั้งใบสีส้มแดงของต้นเมเปิ้ล และยังมีใบแปะก้วยสีเหลืองสดใสให้ได้ชมทั่วทั้งพื้นที่ของสวนอีกด้วย

เวลาทำการ : ตั้งแต่ 09.00-17.00 น.

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 500 เยน, เด็ก 200 เยน

การเดินทาง : เริ่มต้นจากโตเกียว นั่งรถไฟสาย JR Tohoku Keihin-Negishi Line ไปลงที่สถานี Negishi จากนั้นต่อรถบัสที่ป้ายหมายเลข 1 สาย 58 ไปลงที่ป้าย Honmoku Sankeien-mae แล้วเดินอีกประมาณ 10 นาที

ว่ากันว่าวิธีการชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่ดีที่สุดในนากะโทโระก็คือการล่องเรือเพื่อชมความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีที่ตัดกันกับโขดหินขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า “อิวาดาทามิ” (Iwadatami) หรือโขดหินที่มีรูปแบบเป็นแผ่นคล้ายเสื่อทาทามิ ซึ่งทอดตัวเลียบแม่น้ำอารากาวะซึ่งไหลผ่านใจกลางเมืองนากะโทโระ เมื่อถืงช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่นี่จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบความเป็นธรรมชาติแบบมีเสน่ห์ไม่ซ้ำใคร

เวลาทำการ : ตั้งแต่ 09.00-16.00 น. มีบริการล่องเรือเฉพาะช่วงเดือนมีนาคม-ธันวาคม

ค่าเข้าชม : ไม่มี แต่จะมีค่าใช้จ่ายในการล่องเรือระยะทาง 3 กิโลเมตร
ผู้ใหญ่เริ่มต้น 1,600 เยน เด็กเริ่มต้น 800 เยน (เรือออกทุกๆ 5-20 นาที)

การเดินทาง : จากโตเกียวให้นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Nagatoro จากนั้นเดินเลี้ยวซ้ายไปทางริมแม่น้ำประมาณ 300 เมตร ซึ่งระหว่างทางจะผ่านร้านค้าร้านอาหารต่างๆ จุดลงเรือชมวิวจะใกล้กับ Nagatorotamayodo Natural Park