คามิโคจิเป็นที่ราบสูงที่ตั้งอยู่ทางเหนือของเทือกเขาแอลป์ด้านทิศตะวันตกของจังหวัดนากาโนะ (Nagano) เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีจุดชมวิวภูเขามากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปี แม้ในฤดูร้อนอากาศที่นี่ก็เย็นสบาย

ท่ามกลางบรรยากาศที่รายล้อมด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ บนระดับความสูง 1,500 เมตร จะได้พบกับทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขาโฮทากะ (Hotaka) และยอดเขายาเคดาเกะ (Yakedake) ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน และที่นี่ยังเป็นมีเส้นทางเดินป่าชมธรรมชาติหลายเส้นทางรวมทั้งเส้นทางปีนเขาด้วยค่ะ

คามิโคจิเป็นจุดหมายแรกๆที่เราเลือกสำหรับการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ตามแผนที่วางไว้พวกเราไปถึงที่นั่นแต่เช้า แต่กฏของที่นี่คือไม่อนุญาตให้นำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไป

ที่จอดรถก็อยู่ไม่ไกลจากจุดที่ไปขึ้นรถบัสรับส่งมากนัก พวกเราไปซื้อตั๋วและรอไม่นานก็ได้ขึ้นรถบัส ใช้เวลาเกือบๆหนึ่งชั่วโมงเดินทางไปถึงจุดเริ่มต้นชมธรรมชาติ

นี่คือจุดแรกเมื่อลงจากรถบัสและเดินเข้าไปประมาณ 50 เมตร เรียกว่า สระน้ำไทโช (Taisho pond) ลักษณะเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดจากการปิดกั้นบางส่วนของแม่นํ้าอาซุสะ (Azusagawa) โดยหินที่กองทับถมจากการระเบิดของภูเขาไฟยาเคดาเกะในปี ค.ศ. 1915

ตอนไปถึงคนมาเที่ยวยังไม่เยอะมากเพราะยังเช้าอยู่ เราและเพื่อนอีก 2 คน ตกลงกันว่าจะเช่าเรือพายชมวิวสระน้ำแห่งนี้ที่มีบริการอยู่ พอไปติดต่อสอบถามดูก็ได้คำตอบว่า ค่าเช่า ราคา 1,000 เยน ให้เวลา 30 นาที นั่งได้ 3 คนพอดี ระหว่างพายเรือก็ถ่ายรูปเล่นไป ถึงแดดจะแรงแต่อากาศดีมาก อุณหภูมิประมาณ 23 องศา น้ำในสระทั้งใสและเย็น ท้องฟ้าก็แจ่มใส เป็นบรรยากาศที่สดชื่นจริงๆค่ะ

พอหมดเวลาพายเรือแล้ว หลังจากนั้นพวกเราก็มาตกลงกันว่าจะเดินป่าชมเส้นทางธรรมชาติคอร์สสั้นๆสำหรับนักท่องเที่ยวเพราะเรามีเวลากันไม่มาก เส้นทางเดินที่พวกเราเลือกมีระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นเส้นทางเดินเลียบแม่น้ำอาซุสะ (Azusa river course) แล้วเดินต่อไปถึงสะพานคัปปะ (Kappa Bridge) ก่อนจะไปขึ้นรถบัสเดินทางกลับที่ Kamikochi Bus Terminal ที่อยู่ไกลจากสะพานประมาณ 500 เมตร

เส้นทางเดินป่าที่เริ่มต้นจากสระน้ำไทโช เป็นเส้นทางที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาไม่มากและตั้งใจมาเที่ยวชมธรรมชาติแบบครึ่งวันหรือ 1 วัน ระหว่างทางเดินเราก็ได้เจอผู้คนที่เดินไปด้วยกัน ทั้งคนที่มาเที่ยวสบายๆ และนักเดินป่ากับนักปีนเขาตัวจริง ที่นิยมเดินทางมาเดินป่าระยะทางไกล

สองข้างทางนอกจากจะมีป่าสนกับต้นไม้แล้วยังได้ยินเสียงของสัตว์ต่างๆ เช่นนก (ที่มีนับร้อยสายพันธุ์) กระรอก กบ มีป้ายให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ สัตว์ และป้ายบอกทางเป็นระยะ ได้เดินเล่นท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ถึงแม้ระยะทางจะค่อนข้างไกลก็ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยล่ะค่ะ

จุดที่เราแวะชมวิวและถ่ายภาพส่วนใหญ่คือฝั่งเลียบแม่น้ำอาซุสะ ซึ่งมีน้ำพื้นที่ชุ่มน้ำ ป่า พุ่มไม้เขียวขจี เทือกเขาสูงใหญ่ที่รายล้อม และจุดสุดท้ายที่เราเดินไปถึงก็คือสะพานคัปปะบาชิ ใกล้ๆบริเวณนั้นเป็นที่ตั้งโรงแรมสำหรับใครที่สนใจมาพักค้างแรมที่นี่และมีร้านขายอาหาร เครื่องดื่ม ของที่ระลึก เราเลยแวะพักตรงนี้กันครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางกลับ

การเดินทางไปคามิโคจิ : สามารถเดินทางได้ทั้งจากโตเกียว นากาโนะ และมัตสึโมโตะอย่างสะดวกสบาย

จากโตเกียว เริ่มต้นที่สถานี Tokyo นั่งรถไฟสาย Hokuriku Shinkansen ไปลงที่สถานี Nagano ใช้เวลา 90 นาทีแล้วต่อรถไฟ Limited Express Wide View Shinano สายที่ไป Nagoya แต่ไปลงที่สถานี Matsumoto ใช้เวลาประมาณ 50 นาที จากนั้นต่อรถบัสไปคามิโคจิ ใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมง 45 นาที

ถ้าเริ่มต้นที่นากาโนะจากสถานี Nagano ให้ขึ้นรถบัส Seseragi ที่วิ่งตรงไปถึงคามิโคจิ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที และถ้าเริ่มต้นจากมัตสึโมโตะให้นั่งรถไฟสาย Kamikochi Line ไปจนจุดสายที่สถานี Shin-Shimashima ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้นต่อรถบัสไปคามิโคจิ ใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมง 15 นาที

สิ่งที่ควรทราบอีกอย่างก็คือ ที่คามิโคจิ จะปิดทำการในช่วงฤดูหนาวตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนเมษายน