เดินเล่นกลางทุ่งหญ้าบนที่ราบสูงอุสึกุชิกะฮาระ
ครั้ง ที่ราบสูงอุสึกุชิกะฮาระ (Utsukushigahara Highlands) ที่ราบสูงในระดับความสูงราวๆ 2,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ในพื้นที่เมืองมัตสึโมโตะและอุเอดะ ทางตอนเหนือของอุทยานแห่งชาติ Yatsugatake Chushin Kogen โดยชื่อของที่ราบสูง Utsukushigahara มีความหมายว่า “ทุ่งหญ้าที่งดงาม”
เราเองก็เพิ่งเคยรู้จักและเดินทางไปเที่ยวที่นี่ครั้งแรกเมื่อช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา และด้วยความที่เป็น Roadtrip ก็โชคดีอีกอย่างคือได้เห็นวิวสองฝั่งถนนทางขึ้นไปบนที่ราบสูงที่น่าทึ่งมาก เพราะเป็นเส้นทางที่ทั้งแคบ สูงชัน รายล้อมไปด้วยป่ากับภูเขา ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจอีกอย่างหนึ่งเลยค่ะ
ถึงแม้ว่าเส้นทางการขับรถจะค่อนข้างลำบากนิดหน่อย แต่พอขึ้นไปถึงจุดหมายแล้วต้องบอกว่า หายเหนื่อยกันเลยค่ะ ทั้งๆที่ไปเที่ยวช่วงที่ร้อนที่สุด (แต่ถูกที่สุด) อย่างเดือนสิงหาคม แต่อากาศที่นี่เย็นสบายมาก (อุณหภูมิประมาณ 15 องศาเท่านั้น) ใกล้ๆที่จอดรถจะมีอาคารชั้นเดียวหลังหนึ่ง ข้างในเป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว แล้วก็มีร้านขายอาหาร ของฝาก ของที่ระลึกของที่นี่ด้วย แต่เราแวะเข้าไปดูแผนที่แค่แป๊บเดียวแล้วก็เริ่มต้นออกเดินไปที่ทุ่งหญ้า
พื้นที่ราบเท่าที่มองเห็นมีขนาดกว้างมาก มีทางเดินตรงกลางเป็นแบบ Walking Trail ถ้าเดินตรงไปเรื่อยๆ ระยะทางก็น่าจะเกิน 10 กิโลเมตร มีชาวญี่ปุ่นมาเดินเล่นกันเป็นครอบครัวเยอะมาก เพราะว่าเส้นทางเดินที่นี่คือเหมาะกับทุกเพศทุกวัย ผู้สูงอายุกับเด็กๆเดินสูดอากาศบริสุทธิ์ได้แบบไม่เหนื่อยมากเหมือนกับการเดินป่าหรือปีนเขาค่ะ
ความน่าสนใจของที่ราบสูงแห่งนี้น่าจะอยู่ตรงที่เราสามารถมองเห็นวิวรอบๆตัวได้แบบ 360 องศา และสามารถมองเห็นแนวเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นทางทิศตะวันตกได้ด้วย
ส่วนทางด้านขวามือก็มีสัญลักษณ์ของอุสึกุชิกะฮาระอย่าง หอคอยหิน เป็นจุดเด่นมองเห็นได้แต่ไกล และจุดที่เป็นที่ตั้งของ Power Plant หรือโรงผลิตไฟฟ้า ถ้าอยากเข้าไปเห็นใกล้ๆก็เดินเท้าไปได้
ช่วงเดือนที่ไป (สิงหาคม) ไม่มีดอกไม้ให้ดูแล้วแต่ถ้าเป็นช่วงประมาณเดือนมิถุนายน จะมีทุ่งดอกอาซาเลีย (Azalea) บานสะพรั่งให้ได้ดูด้วย
ระหว่างทางเดินมักจะมีคาเฟ่กลางแจ้งเล็กๆให้แวะนั่งพักดื่มกาแฟหรือทานอาหารว่าง ส่วนพื้นที่รอบตัวที่กว้างใหญ่นับล้านตารางเมตรเมื่อเดินไปเรื่อยๆก็จะมีทั้งฟาร์มม้า ฟาร์มโคนม
หลังจากเดินเล่นไปเรื่อยๆ เป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาพวกเราก็เลยตัดสินใจเดินกลับแล้วก็แวะเข้าไปที่อาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอีกครั้ง เพื่อรอให้ฝนหยุดแล้วก็ถือโอกาสชิมอาหารอร่อยขึ้นชื่อของที่นี่ นั่นก็คือ โคร็อกเกะวาซาบิ ซึ่งวาซาบิถือเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของเมืองอซุมิโนะ (Azumino) ในจังหวัดนากาโนะ และชิมซอฟท์ครีมรสพีช สีชมพูที่หอมและอร่อยมาก
นอกจากบริเวณนี้แล้ว ไม่ไกลจากตรงนี้ก็ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้งที่มีการจัดแสดงผลงานประติมากรรมคลาสสิกและประติมากรรมร่วมสมัยประมาณ 400 ชิ้น แต่น่าเสียดายที่เราแค่ขับรถผ่านไม่ได้เข้าไปชมตรงส่วนนี้เลยเพราะฝนตกหนักมาก ฤดูนี้อาจจะไม่ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวของที่นี่ เพื่อนชาวญี่ปุ่นที่มาด้วยกันบอกว่าถ้าเป็นช่วงปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายนซึ่งก็คือช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะเป็นช่วงไฮซีซั่น และบรรยากาศที่นี่ก็จะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาดูใบไม้เปลี่ยนสีบนที่ราบสูงแห่งนี้
ก่อนกลับเราแวะจุดชมวิวที่มองเห็นเทือกเขาสูงใหญ่และทะเลหมอกแบบใกล้ชิดมาก ถึงแม้จะเป็นเวลาที่ฝนเพิ่งหยุดตก ท้องฟ้ายังไม่เปิดแต่ก็เป็นทิวทัศน์ที่งดงามและรู้สึกเหมือนได้ใกล้ชิดธรรมชาติจริง ๆทั้ง ภูเขา ต้นไม้ ก้อนเมฆ ท้องฟ้า และทะเลหมอกที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุดเลย ตอนเดินทางกลับก็คิดอยู่ว่าถ้ามีโอกาสก็อยากกลับมาที่นี่อีกครั้งในฤดูกาลอื่นๆบ้าง ซึ่งในแต่ละฤดูคงจะสวยงามและมีบรรยากาศที่แตกต่างจากครั้งนี้แน่นอนค่ะ
ข้อมูลการเดินทางไป ที่ราบสูงอุสึกุชิกะฮาระ ( Utsukushigahara Highlands)
ถ้าเริ่มต้นจากโตเกียว ให้นั่งรถด่วน Limited Express Azusa ที่สถานี Shinjuku ไปลงที่สถานี Matsumoto ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที จากนั้นต่อรถบัสจากสถานีรถประจำทางที่อยู่หน้าสถานี Matsumoto สาย Utsukushigahara Open-air Museum Line ซึ่งให้บริการเฉพาะช่วงฤดูร้อนในเดือนสิงหาคมเท่านั้น
และตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมามีรถบัสวิ่งให้บริการรับ-ส่งจากทางออกฝั่งเทือกเขาแอลป์หรือทางออกฝั่งทิศตะวันตก ของสถานี Matsumoto เฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ระหว่าง 17 มิถุนายน - 30 กันยายน และวิ่งให้บริการทุกวันระหว่าง 1 สิงหาคม – 1 กันยายน โดยให้บริการวันละ 2 เที่ยว เวลา 8:15 น. และ 13:15 น.
อีกเส้นทางหนึ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินป่าหรือปีนเขา บริเวณที่ราบสูงอุสึกุชิกะฮาระ มีเส้นทางปีนเขาหลายแห่ง เช่น ลงรถบัสที่ป้าย Sanshiro แล้วเดินต่อไปยังต้นทางปีนเขาอีก 15-20 นาที จากต้นทางปีนเขาเดินต่อไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ก็จะถึงที่ราบสูงอุสึกุชิกะฮาระ