6 ย่านท่องเที่ยวแปลกใหม่รอบโตเกียว
ภาพจำของหลายคนเมื่อพูดถึงโตเกียวนั้นคงเป็นภาพของเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและความทันสมัย แต่วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่นอกจากจะได้หลีกหนีความวุ่นวายแล้ว ยังได้ทำความรู้จักกับแง่มุมใหม่ๆของโตเกียวที่หลายคนอาจไม่เคยสัมผัสมาก่อน มีทั้งถนนคนเดิน ย่านเมืองเก่า หมู่บ้านชนบท และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติทุกรูปแบบ
1. Kagurazaka ถนนคนเดินที่มีทั้งความย้อนยุคและความทันสมัย
คากุระซากะ เป็นย่านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากชินจูกุ ยังถือเป็นใจกลางเมืองโตเกียวแต่มีเอกลักษณ์ตรงที่บรรยากาศภายในย่านนั้นมีทั้งกลิ่นอายของความย้อนยุค จากพื้นทางเดินที่ปูด้วยก้อนหิน อาคารบ้านเรือนเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ในสมัยยุคเอโดะ (ค.ศ. 1600 – 1868) และร้านอาหารญี่ปุ่นราคาแพงหลายร้าน แต่ในขณะเดียวกัน บริเวณถนนสายหลักของย่านนี้ก็เต็มไปด้วยความทันสมัยไม่แพ้ย่านอื่นๆ ในโตเกียว ซึ่งมีทั้งร้านขนมน่ารักๆ ร้านเสื้อผ้าสวยๆ ไปจนถึงร้านขายสินค้าแฮนเมดหลากหลายรูปแบบ
เสน่ห์สำคัญอีกอย่างของย่านนี้ก็คือถนนสายหลักที่มีลักษณะเป็นเนินขนาดย่อม ขนาบข้างด้วยร้านรวงต่างๆ และต้นไม้ใหญ่ ซึ่งสามารถเดินชมบรรยากาศได้เพลินๆ และเป็นมุมถ่ายรูปสวยๆ ที่ไม่ควรพลาด นอกจากนี้ยังมีการปิดถนนเพื่อทำเป็นถนนคนเดินตั้งแต่ 12.00 – 13.00 น. ของทุกวัน ส่วนใครที่อยากมาเดินชมบรรยากาศแบบเต็มอิ่ม วันอาทิตย์และวันหยุดของญี่ปุ่นนั้นจะปิดถนนให้คนเดินเกือบทั้งวันเลย ตั้งแต่ 12.00 – 20.00 น.
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Tozai มาลงที่สถานี Kagurazaka
2. Shibamata ย่านเมืองเก่ากลางกรุงโตเกียว
หลายคนคงคุ้นเคยกับย่านอันทันสมัยหลากหลายรูปแบบในโตเกียวกันเป็นอย่างดี แต่เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศและเปิดมุมมองใหม่ๆ ของโตเกียว เราจึงอยากพามาทำความรู้จักกับย่านเมืองเก่าที่มีชื่อว่า “ชิบามาตะ” ซึ่งเป็นชุมชนเล็กๆ ที่ตั้งขึ้นตั้งแต่ในสมัยยุคโชวะ (ค.ศ. 1926 – 1989) หากดูจากปีค.ศ.แล้วก็พอจะเดาได้ว่าความเก่าแก่ของย่านนี้ไม่ได้เป็นความเก่าแก่แบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เต็มไปด้วยความโบร่ำโบราณอย่างที่หลายคนคุ้นเคย หากให้นิยามง่ายๆ ก็จะมีบรรยากาศคล้ายกับตลาดโบราณในบ้านเราที่มีร้านขายของเล่นโบราณและขนมโบราณต่างๆ ที่ชวนให้นึกถึงวัยเด็กได้เป็นอย่างดี
ถนนสายหลักของย่านชิมาบาตะนั้นทอดยาวมาตั้งแต่บริเวณหน้าสถานี Shibamata โดยตลอดสองข้างทางนั้นนอกจากจะมีร้านขนมของเล่นและขนมโบราณแล้ว ก็ยังเต็มไปด้วยร้านอาหารและขนมท้องถิ่นอีกมากมายให้เลือกชิมได้อย่างจุใจ และเมื่อเดินไปจนสุดถนนสายนี้ก็จะพบกับวัดชิบามาตะ ไทฉะคุเต็น (Shibamata Taishakuten Temple) วัดสำคัญของเมืองที่มีอายุมากกว่า 400 ปี และมีชื่อเสียงเรื่องความงดงามและความประณีตของการแกะสลักไม้ตกแต่งอาคารหลักของวัดที่ไม่ควรพลาดชมอีกด้วย
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย Keisei Main Line โดยเริ่มจากสถานี Keisei Ueno หรือสถานี Nippori ในโตเกียวมาลงที่สถานี Keisei-Takasago จากนั้นต่อรถไฟสาย Keisei Kanamachi มาลงที่สถานี Shibamata (25 นาที ค่าโดยสาร 260 เยน)
3. Tsukishima เกาะเล็กๆ อันเงียบสงบของอ่าวโตเกียว
ถ้าพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของโตเกียวที่หลายคนต้องการแวะมาเยือนสักครั้ง หนึ่งในนั้นก็คงเป็น “ตลาดปลาซึกิจิ” ตลาดปลาที่เปรียบเสมือนครัวของเมืองโตเกียวที่เต็มไปด้วยของอร่อยๆ มากมาย แต่เพียงเดินข้านสะพานจากตลาดปลาซึกิจิมาไม่ไกลก็จะพบกับย่าน “ซึคิชิม่า” อีกหนึ่งย่านท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่หลายคนอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆที่เกิดจากการถมทะเลบริเวณอ่าวโตเกียวตั้งแต่เมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว
ย่านซึคิชิม่าในอดีตนั้นเป็นท่าเรือขนส่งสำคัญแห่งหนึ่งบริเวณอ่าวโตเกียว แต่ในภายหลังได้ถูกพัฒนาให้เป็นย่านชุมชน ซึ่งในปัจจุบันยังคงกลิ่นอายของความเก่าแก่ ผสมผสานด้วยความเงียบสงบ และบรรยากาศริมน้ำที่น่าประทับใจ ซึ่งเหมาะทั้งการหลีกหนีจากความวุ่นวาย และหามุมสวยๆ ถ่ายรูปได้อีกมากมาย แต่สิ่งสำคัญที่ดึงดูดให้คนส่วนใหญ่เดินทางมาที่นี่คือการมาลองทาน ”มงจายากิ” (Monjayaki) อาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อของภูมิภาคคันโต จนเกิดเป็นถนนสายสั้นๆ ที่มีชื่อว่า Tsukishima Monja Street ที่มีแต่ร้านขายมงจายากิหลายสิบร้านให้เลือกทานกันได้เต็มที่
การเดินทาง : เดินข้ามสะพานจากตลาดปลาซึกิจิมาประมาณ 15 นาที หรือขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Oedo หรือ Yurakucho มาลงที่สถานี Tsukishima
4. Todoroki Valley หุบเขาแห่งธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์กลางเมืองใหญ่
สำหรับใครที่ต้องการสัมผัสพื้นที่สีเขียวและธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ในโตเกียว ชื่อของ”ภูเขาทาคาโอะ” (Takao Mountain) อาจเป็นชื่อจุดหมายแรกๆ ที่หลายคนคุ้นเคยและนึกถึง แต่ถึงอย่างนั้นการเดินทางไปภูเขาทาคาโอะก็ต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เราจึงอยากแนะนำสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่มีความงดงามของธรรมชาติไม่แพ้กัน และใช้เวลาเดินทางจากกลางเมืองเพียง 20 นาทีเท่านั้น นั่นก็คือ”หุบเขาโทโดโรกิ” (Todoroki Valley) ที่สามารถเดินทางมาสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติได้ทุกฤดูกาล
หุบเขาโทโดโรกิเป็นหุบเขาเล็กๆ ที่ห้อมล้อมด้วยย่านชุมชนอันหนาแน่นที่สุดย่านหนึ่งของโตเกียวอย่าง “เซตากายะ” (Setagaya) แต่หากใครที่เห็นรูปภาพ หรือได้ลองเดินทางไปสัมผัสด้วยตัวเองแล้ว จะพบว่าภายในหุบเขาแห่งนี้มีบรรยากาศไม่ต่างอะไรจากเขตธรรมชาติในชนบทแม้แต่น้อย โดยทางเดินภายในหุบเขานั้นจะเป็นทางเดินเลียบลำธารสายเล็กๆ ความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ที่สามารถเดินชมธรรมชาติหรือหามุมพักผ่อนได้อย่างสบายๆ ระหว่างทางเดินยังมีวัดโทโดโรกิ ฟูโดซง (Todoroki Fudoson Temple) ให้แวะชม และมีจุดที่สวยงามที่สุดบริเวณสะพานสีแดงสดที่ทอดยาวผ่านหุบเขาและลำธาร ตัดกับสีเขียวขจีของธรรมชาติโดยรอบ
การเดินทาง : จากสถานี Shibuya ขึ้นรถไฟสาย Tokyu Toyoko ไปลงที่สถานี Jiyugaoka จากนั้นต่อรถไฟสาย Tokyu Oimachi มาลงที่สถานี Todoroki
5. Hinohara แช่ออนเซ็น ชมธรรมชาติในหมู่บ้านกลางขุนเขา
หากได้เที่ยวชมความเป็นเมืองใหญ่ของโตเกียวจนจุใจแล้ว บางคนอาจมองหาเมืองชนบทเล็กๆ เพื่อสัมผัสกับธรรมชาติหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นภูเขา น้ำตก และหาโอกาสลองแช่ออนเซ็นดูบ้าง ซึ่งจะว่าไปแล้วก็มีตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่นับไม่ถ้วนทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่สถานที่ที่เราอยากแนะนำให้รู้จักคือหมู่บ้านเล็กๆ บนภูเขาแถบตะวันตกของโตเกียวที่ชื่อว่า”ฮิโนะฮาระ” ซึ่งมีทุกอย่างที่กล่าวมาอย่างครบถ้วน โดยที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางข้ามเมืองหรือข้ามภูมิภาคไปไกลๆ ให้เสียเวลาแม้แต่น้อย
จุดท่องเที่ยวหลักที่ทำให้ผู้คนรู้จักหมู่บ้านฮิโนะฮาระคือ Hinohara Tokyo Citizen's Forest ที่มีลักษณะเป็นสวนป่าขนาดใหญ่บนภูเขา จากสวนแห่งนี้จะมีทางเดินสั้นๆ ไปยังน้ำตกมิโตะ (Mitoo Falls) ซึ่งถือเป็นเส้นทางในการทำธรรมชาติบำบัด (Forest Therapy Trail) ที่ความสวยงามของธรรมชาติรอบด้านนั้นสามารถเยียวยาจิตใจของผู้คนได้เป็นอย่างดี และสำหรับใครที่ต้องการแช่ออนเซ็น ก็สามารถแวะไปที่ Janoyu Onsen ออนเซ็นเก่าแก่ที่สามารถแช่ตัวเพื่อความผ่อนคลายพร้อมกับชมความเขียวขจีของภูเขาและพรรณไม้รอบตัวไปพร้อมๆกัน
การเดินทาง : จากสถานี Tokyo ขึ้นรถไฟสาย Chuo มาลงที่สถานี Hajima จากนั้นต่อรถไฟสาย Itsukaichi ไปลงที่สถานี Musashi-Itsukaichi ( 1 ชั่วโมง 20 นาที ค่ารถไฟ 920 เยน) และต่อรถบัส Nishi Tokyo Bus จากหน้าสถานีไปลงที่ป้าย Hinohara Tomin no Mori
6. Okutama ชมความงามของภูเขา ลำธาร และทะเลสาบกว้างใหญ่
โอคุทามะถือเป็นพื้นที่ธรรมชาติที่มีความโดดเด่นอีกแห่งหนึ่งในโตเกียว โดยภูมิทัศน์หลักของพื้นที่แห่งนี้คือผืนน้ำอันกว้างใหญ่ของ “ทะเลสาบโอคุทามะ” ที่โอบล้อมไปด้วยภูเขารอบด้าน ซึ่งนอกจากมีความสวยงามที่คุ้มค่าแก่การมาเยือนแล้ว ทะเลสาบแห่งนี้ยังมีความสำคัญในฐานะแหล่งน้ำจืดสำหรับการอุปโภคบริโภคของเมืองโตเกียวมาตั้งแต่ในยุคโชวะอีกด้วย
บริเวณโอคุทามะไม่ได้มีเพียงทะเลสาบที่สวยงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังประกอบไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจหลากหลายรูปแบบ เช่นถ้ำหินปูน Nippara Shonyudo ที่ด้านนั้นในจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 11 องศาตลอดทั้งปี รวมถึงพื้นที่หุบเขาและลำธารที่มีชื่อเสียงอย่างมากในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี และยังมี Moegi no yu onsen ให้แช่ตัวผ่อนคลายหลังจากการเดินชมธรรมชาติตลอดทั้งวันอยู่อีกด้วย โดยทั้งหมดนี้สามารถจัดแผนการเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับจากโตเกียวได้อย่างสบายๆ
การเดินทาง : จากสถานี Tokyo ขึ้นรถไฟสาย Chuo ไปลงที่สถานี Ome จากนั้นต่อรถไฟสาย Ome ไปลงที่สถานี Oku-Tama (2 ชั่วโมง 1,220 เยน) และต่อรถบัส Nishi Tokyo Bus จากหน้าสถานีไปลงที่ป้าย Okutamako