ตามรอย 6 สถานที่จากการ์ตูนจิบลิในญี่ปุ่น
1. Dogo Onsen ต้นแบบของโรงอาบน้ำใน Spirited Away (มิติวิญญาณมหัศจรรย์)
แม้จะเป็นที่รู้กันดีว่าฉากส่วนใหญ่ในโลกวิญญาณจากเรื่อง Spirited Away นั้น ถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดยการอ้างอิงจากบรรยากาศของเมืองจิ่วเฟิ่นในไต้หวัน แต่ต้นแบบของสถานที่หลักภายในเรื่องอย่างโรงอาบน้ำที่หลายคนคุ้นตา มีที่มาจากโรงอาบน้ำในย่านโดโกะออนเซ็น หนึ่งในโรงอาบน้ำที่เก่าแก่มากที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งเปิดทำการมาตั้งแต่ปี 1894 ตั้งอยู่ในเมืองเอฮิเมะ ภูมิภาคชิโกกุ
นอกจากความเก่าแก่และโครงสร้างอันสลับซับซ้อนของโรงอาบน้ำแห่งนี้ที่ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้สร้างการ์ตูนเรื่องนี้แล้ว ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ก็คือเป็นโรงอาบน้ำที่มีห้องอาบน้ำพิเศษสำหรับครอบครัวขององค์จักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ซึ่งบรรยากาศในพื้นที่ส่วนนี้ถูกตกแต่งอย่างหรูหราด้วยผนังและฉากกั้นสีทอง ซึ่งก็ได้ถูกนำไปใช้เป็นฉากในตอนที่ผีไร้หน้า (Kaonashi) กินอาหารจำนวนมากเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม ก่อนจะสร้างความวุ่นวายให้กับโรงอาบน้ำแห่งนี้ในภายหลัง
การเดินทาง : เมืองหลักที่เส้นทางรถไฟเชื่อมต่อกับเกาะชิโกกุก็คือโอคายาม่า (Okayama) ซึ่งสามารถขึ้นรถไฟชินคันเซนมาได้ และจากสถานี Okayama ให้ขึ้นรถไฟสาย Yosan มาลงที่สถานี Matsuyama จากนั้นเดินไปที่สถานี JR Matsuyama ที่อยู่ใกล้เคียง และขึ้นรถราง Iyo Tetsudo ไปลงที่สถานี Dogo Onsen
ค่าเข้าชม : ค่าใช้บริการออนเซ็นประมาณ 410 – 1,550 เยน
เวลาเปิดปิด : 06.00 – 23.00 น.
2. Yakushima ผืนป่าลึกลับจากเรื่อง Princess Mononoke (โมโนโนเกะฮิเมะ เจ้าหญิงจิตวิญญาณแห่งพงไพร)
ภาพของผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์จากเรื่อง Princess Mononoke ที่เต็มไปด้วยพรรณไม้สูงใหญ่ แฝงเอาไว้ด้วยกลิ่นอายของความลึกลับ เป็นบ้านของเจ้าหญิงแห่งพงไพรซึ่งถูกเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นมาโดยหมาป่า และมีเทพแห่งป่าซึ่งทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองทุกสรรพสิ่งเอาไว้ ทั้งหมดอาจฟังดูเป็นฉากที่สามารถพบได้เพียงในการ์ตูนเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วเราสามารถเดินทางไปสัมผัสกับสถานที่ต้นแบบที่มีบรรยากาศแสนใกล้เคียงกับภาพที่เห็นในการ์ตูนเรื่องนี้ได้ที่เกาะยาคุชิม่า ในจ.คาโกชิมะ
เกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่มีฝนตกชุกตลอดทั้งปีจนทำให้มีความชื้นสูงและถูกปกคลุมด้วยหมอกอยู่เสมอ พื้นทางเดินและก้อนหินต่างก็เต็มไปด้วยมอสอันเขียวชอุ่ม ที่สำคัญคือภายในป่าแห่งนี้มีต้นสนโบราณอายุหลายพันปีอยู่เป็นจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นคือต้นสนที่มีชื่อว่า “โจมอนสุกิ” (Jomonsugi) ซึ่งเชื่อกันว่ามีอายุถึง 7,000 ปี และเป็นต้นสนที่อายุมากที่สุดในญี่ปุ่น บรรยากาศทั้งหมดจึงชวนให้เรารู้สึกว่าระหว่างที่เดินไปตามเส้นทางชมธรรมชาติบนเกาะแห่งนี้ ก็อาจมีภูตแห่งไพรปรากฏตัวขึ้นมามองดูเราจากมุมต่างๆได้ตลอดเวลา
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟชินคันเซนจากเมืองอื่นๆมาลงที่สถานี Kagoshima จากนั้นเดินทางไปขึ้นเรือเฟอรี่ของบริษัท Tane Yaku Jetfoil หรือ Ferry Yakushima 2 ที่ท่าเรือใกล้เคียง (มีเรือให้บริการทุกวัน วันละ 7 เที่ยว)
3. Tomonoura เมืองริมทะเลอันแสนสงบจากเรื่อง Ponyo (โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย)
สำหรับใครที่หลงรักบรรยากาศอันอบอุ่นและเงียบสงบของเมืองริมทะเลจากการ์ตูนเรื่อง Ponyo ที่เมืองโทโมโนอุระใน จ.ฮิโรชิม่าแห่งนี้ เป็นเมืองที่ฮายาโอะ มิยาซากิและทีมงานได้มาเก็บข้อมูลเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อนำไปใช้เป็นต้นแบบในการ์ตูนเรื่องนี้ ซึ่งบรรยากาศภายในเมืองนั้นก็ให้กลิ่นอายไม่ต่างจากภาพที่เราได้เห็นในเรื่อง ทั้งเรือประมงและเรือสินค้าที่ส่งเสียงหวูดก่อนจะแล่นออกจากท่าเรือ และเนินเขาที่มองเห็นเมืองและหมู่เกาะที่รายล้อมอยู่รอบๆจากมุมสูง
และที่พิเศษไปกว่านั้นคือที่อาคาร Tourist center ของเมืองนี้ยังมีแผนที่ให้ไปตามรอยจุดต่างๆที่ปรากฏอยู่ในการ์ตูน ซึ่งมีทั้งจุดที่โซสึเกะ ตัวเอกของเรื่องได้พบกับโปเนียวเป็นครั้งแรก ไปจนถึงอาคารบ้านเรือนต่างๆที่ถูกจำลองไปใช้ในเรื่อง นอกจากนี้ตามร้านอาหารบางแห่งในเมืองยังมีลายเซ็นหรือรูปวาดเล็กๆน้อยๆจากทีมงานของสตูดิโอจิบลิที่เคยแวะมาในช่วงลงพื้นที่เก็บข้อมูลในเมืองนี้อีกด้วย
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟชินคันเซนสาย Sanyo มาลงที่สถานี Fukuyama จากนั้นเดินไปขึ้นรถบัสที่มุ่งหน้าไปยังท่าเรือโทโมโกะ (鞆港, Tomoko) ที่ป้ายหมายเลข 5 หน้าสถานีรถไฟ และลงที่ป้าย Tomonoura (鞆の浦)
4. สวน Seibien บ้านของคนตัวจิ๋วจากเรื่อง Arrietty (อาริเอตี้ มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว)
โลกของเหล่าคนตัวจิ๋วที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างลึกลับและไม่มีมนุษย์คนไหนล่วงรู้มาก่อน จนเกิดเป็นเรื่องราวอันน่าประทับใจในการ์ตูนเรื่อง Arrietty นั้น เหตุการณ์ทั้งหมดได้เกิดขึ้นในบ้านสไตล์ยุโรปอันหรูหราหลังหนึ่งซึ่งมีต้นแบบมาจากอาคาร Seibikan ที่ตั้งอยู่ภายในสวนเซบิเอ็น สวนญี่ปุ่นอันเก่าแก่ในจ.อาโอโมริ (Aomori) ที่ได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสามสวนญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในยุคเมจิ
แม้ว่ามองเผินๆนั้น ตัวอาคาร Seibikan จะมีลักษณะเหมือนอาคารทรงยุโรปทั่วไป แต่ที่จริงแล้วการก่อสร้างอาคารหลังนี้มีการผสมผสานรูปแบบของอาคารญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ชั้น 1 เข้ากับอาคารสไตล์ตะวันตกที่ชั้น 2 ซึ่งถือเป็นความโดดเด่นที่พบได้ยากในประเทศญี่ปุ่น และเป็นจุดเด่นที่ทำให้ทีมงานของสตูดิโอจิบลิเลือกใช้เป็นต้นแบบในการ์ตูน โดยอาคารหลังนี้เปิดให้คนทั่วไปเข้าชมเป็นปกติ ซึ่งภายหลังจากที่การ์ตูนเรื่องนี้เข้าฉาย ก็ได้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาตามรอยการ์ตูนเรื่องนี้กันอย่างมากมาย
การเดินทาง : จากสถานี Aomori ขึ้นรถไฟสาย Ou มาที่สถานี Hirosaki และเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Konan Tetsudo-Konan ไปลงที่สถานี Tsugaru-Onoe
ค่าเข้าชม : 430 เยน
เวลาเปิดปิด : 09.00 – 17.00 น.
5. Yamate เมืองริมอ่าวโยโกฮาม่าจากเรื่อง From Up on Poppy Hill (ป๊อปปี้ ฮิลล์ ร่ำร้องขอปาฏิหาริย์)
From Up On Poppy Hill เป็นการ์ตูนที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวพร้อมกับการสะท้อนวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นในช่วงเวลาที่ต้องดิ้นรนเพื่อฟื้นฟูประเทศจากความเสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีฉากเป็นเมืองโยโกฮาม่า ซึ่งจุดที่เราสามารถสัมผัสกับบรรยากาศบนเนินเขาและวิวของอ่าวโยโกฮาม่าอันงดงามซึ่งเป็นที่มาของฉากในการ์ตูนเรื่องนี้ก็คือบริเวณเมืองยามาเตะ เมืองริมอ่าวที่เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนสไตล์ตะวันตกที่ถูกสร้างขึ้นจากการติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติในอดีต
บริเวณสวน Minatonomieruoka Park ที่ตั้งอยู่ริมอ่าวนั้นคือหนึ่งในจุดที่เราสามารถมองเห็นวิวของท่าเรือโยโกฮาม่าจากมุมสูง ซึ่งเป็นบรรยากาศเดียวกับที่ปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยครั้งในการ์ตูนเรื่องนี้ และสำหรับใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศการเดินขึ้นเนินที่มองกลับมาแล้วเห็นวิวสวยๆของเมืองแบบตัวละครในเรื่อง ให้เสิร์ชหาที่ตั้งของ Old Ishikawa magistrate's office Nagayamon ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นเนิน และระหว่างเดินขึ้นไปตามทางนั้นก็ไม่ต้องกลัวเหนื่อย เพราะตลอดสองข้างทางบนเนินแห่งนี้เต็มไปด้วยคาเฟ่และร้านน่ารักๆให้แวะนั่งพักและทานขนมอร่อยๆได้อย่างเต็มที่
การเดินทาง : จากสถานี Yokohama ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Minatomirai มาลงที่สถานี Motomachi-Chukagai โดย Minatonomieruoka Park จะอยู่ห่างจากสถานี 500 เมตร และเนินเขาอยู่ห่างจากสถานี 350 เมตร
6. Kamikochi Imperial Hotel สถานที่พบรักของสองตัวเอกในเรื่อง The Wind Rises (ปีกแห่งฝัน วันแห่งรัก)
คามิโคจิ (Kamikochi) ในจ.นากาโน่นั้นถือเป็นสถานที่ๆได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นอย่างมากในปัจจุบัน จากความสวยงามของหุบเขาที่รายล้อม บวกกับสายน้ำและป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ และนอกจากชื่อเสียงในเรื่องของธรรมชาติแล้ว ที่คามิโคจินั้นยังเป็นที่ตั้งของโรงแรม Kamikochi Imperial Hotel โรงแรมเก่าแก่ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นแบบของฉากสำคัญจากการ์ตูนเรื่อง The Wind Rises ผลงานเรื่องล่าสุดของฮายาโอะ มิยาซากิ ที่เล่าถึงเรื่องความฝัน ชีวิต และความรักของชายหนุ่มที่อิงมาจากชีวประวัติของ Jiro Horikoshi วิศวกรเครื่องบินคนสำคัญของประเทศญี่ปุ่น
โดยโรงแรมแห่งนี้ได้ปรากฏอยู่ในฉากที่จิโร่ ตัวเอกของเรื่องได้เดินทางมาพักผ่อน จากนั้นก็ได้พบกับนาโอโกะ หญิงสาวซึ่งได้กลายมาเป็นคนรักของจิโร่ในภายหลัง และภาพของจิโร่กับนาโอโกะที่กำลังจุมพิตกันในโปสเตอร์หลักของการ์ตูนเรื่องนี้ ก็เป็นภาพจากทุ่งหญ้าในบริเวณใกล้เคียงกับโรงแรมแห่งนี้เช่นกัน
การเดินทาง : จากโตเกียว ขึ้นรถบัสของ Highland Express Sawayaka Shinshu-go จาก Shinjuku Bus Terminal ไปลงที่ Kamikochi Bus Terminal โดยตัวโรงแรมตั้งอยู่ห่างจากจุดลงรถประมาณ 750 เมตร