10 ที่เที่ยวไม่ควรพลาดรอบๆโยโกฮามา
1. เกาะเอโนะชิมะ (Enoshima Island)
เกาะเล็กๆที่เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบเดย์ทริป บนเกาะนี้ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวไม่ควรพลาดหลายแห่ง ทั้งศาลเจ้าเอโนะชิมะที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าต้องไปขอพรให้โชคดีด้านความรักที่นี่ให้ได้ซักครั้ง นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ, บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ, ประภาคารชมวิว เอโนะชิมะซีแคนเดิล (Enoshima Sea Candle) สำหรับชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม
เวลาทำการ : ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่และฤดูกาล
ค่าเข้าชม : วัดและศาลเจ้าไม่เสียค่าเข้าชม แต่สถานที่บางแห่งและห้างร้านมีค่าบริการ
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Shonan Shinjuku Line ไปลงสถานีคามาคุระ แล้วต่อรถรางของ Enoden ไปลงสถานี Enoshima หรือใช้บัตรรถไฟ Odakyu Enoshima One Day Passport สำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อเดินทางบนเกาะเอโนะชิมะในราคาประหยัด (เริ่มจากสถานี Shinjuku จะสะดวกที่สุดหากต้องการใช้บริการของโอดะคิว)
2. พิพิธภัณฑ์ราเมน ชินโยโกฮามา (Shin-Yokohama Raumen Museum)
เป็นทั้งพิพิธภัณฑ์และสวนสนุกเกี่ยวกับราเมน หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจก็คือนักท่องเที่ยวสามารถเลือกชิมราเมนร้านอร่อยจากทั่วประเทศญี่ปุ่น 9 ร้าน ที่มารวมกันอยู่ในที่เดียวกัน ภายในบรรยากาศของหมู่บ้านโบราณจำลองที่ย้อนยุคไปในสมัยโชวะ และก็ยังมีพื้นที่จัดแสดงประวัติความเป็นมาของราเมนจากแต่ละภูมิภาค ที่แตกต่างกันในหลายเรื่องทั้งลักษณะของซุป เส้น ถ้วยราเมน ช้อนสำหรับรับประทาน
นอกจากราเมนแล้วที่นี่ก็ยังมีส่วนของร้านน้ำชาญี่ปุ่นแบบโบราณ ร้านขายขนมโบราณ ร้านเหล้าโบราณ รวมถึงร้านขายของฝากต่างๆเกี่ยวกับราเมนเป็นต้น
เวลาทำการ : 11.00-21.30 น. เสาร์อาทิตย์และวันหยุดราชการ 10.30-21.30 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่และเด็กอายุ 13 ปีขึ้นไป 310 เยน , เด็กเล็กและผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 100 เยน
การเดินทาง : จากสถานี JR Yokohama ต่อรถไฟใต้ดิน ลงที่ สถานี Shin-Yokohama แล้วเดินต่ออีก 10 นาที
3. ย่านมินาโตะมิไร 21 (Minato Mirai 21)
ย่านพักผ่อนหย่อนใจริมอ่าวโยโกฮามาที่เป็นแหล่งรวมศูนย์การค้า สวนสนุก พิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร ซึ่งสามารถเดินถึงกันได้และมีบรรยากาศคึกคักตลอดทั้งวันทั้งคืน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในย่านนี้ก็ได้แก่ สวนสนุกโยโกฮามาคอสโมเวิล์ดกับแลนมาร์กอย่างชิงช้าสวรรค์ยักษ์ จุดเดินเล่นถ่ายรูปสวยๆที่โกดังตึกแดง (Red Brick Warehouses) พิพิธภัณฑ์ Cup Noodles Museum และกิจกรรมเวิร์คชอปเรียนทำบะหมี่ถ้วยเป็นต้น นอกจากนี้ สิ่งที่พลาดไม่ได้อีกอย่างก็คือวิวยามค่ำคืนของย่านนี้ หากใครจะแวะมาละก็ขอแนะนำให้เลือกค้างโรงแรมแถวนี้เลยจะได้ชมแสงสียามกลางคืนด้วย
เวลาทำการ : ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่
ค่าเข้าชม : ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Yokosuka Line ไปลงสถานี Yokohama จากนั้นต่อรถไฟสาย Minato-Mirai ไปที่ลงสถานี Minatomirai
4. ล่องเรือโจรสลัดฮาโกเน่ (Hakone)
ฮาโกเน่ เมืองท่องเที่ยวที่ทุกคนต่างก็รู้จักเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกิจกรรมการล่องเรือโจรสลัดที่ในทะเลสาบอาชิซึ่งเรือโจรสลัดมีการจำลองแบบมาจากเรือสำเภารบในยุคศตวรรษที่ 18 และล่องเรือเป็นเส้นทางวงกลมระหว่าง 3 ท่าเรือคือ โทเก็นได (Togendai) โมโตะฮาโกเน่ (Moto-Hakone) และฮาโกเน่มาชิ (Hakone-Machi) เป็นระยะเวลา 30 นาที ซึ่งระหว่างล่องเรือก็จะได้ชื่นชมวิวทะเลสาบกับวิวภูเขาไฟฟูจิ อย่างใกล้ชิด
เวลาทำการ : 9.00-17.00 น.
ค่าบริการ : ค่าใช้จ่ายในการล่องเรือประมาณ 1,000 เยน (ใช้ตั๋ว Hakone Free Pass ได้)
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Tokaido Main Line ไปลงสถานี Odawara จากนั้นเปลี่ยนขบวนไปสาย Tozan line เพือไปลงสถานี Hakone-Yumoto
ที่คุ้มค่าสำหรับนักท่องเที่ยวก็คือ เริ่มต้นที่สถานีชินจูกุ ซื้อตั๋ว Hakone Free Passที่สามารถใช้ในการเดินทางจากโตเกียวมาที่ฮาโกเน่ได้ทั้งขาไปและขากลับ รวมทั้งสามารถใช้ขึ้นเรือโจรสลัด โรปเวย์ รวมถึงการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ภายในฮาโกเน่ได้อย่างสะดวกอีกด้วย
5. หุบเขาโอวาคุดานิ (Owakudani)
ภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลาในเมืองฮาโกเน่และเต็มไปด้วยบ่อน้ำพุร้อนกับแร่กำมะถัน สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนที่นี่คือ Kuro-Tamago หรือ "ไข่ดำ" ไข่ต้มสุกจากในบ่อน้ำร้อนบนหุบเขาแห่งนี้ซึ่งมีความเชื่อสืบต่อกันมาว่ากันว่ากินไข่ดำหนึ่งฟองจะมีอายุยืนไปอีก 7 ปี นอกจากนี้ที่หุบเขาโอวาคุดานิก็ยังได้ชื่อว่าเป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
เวลาทำการ : 08.30 -17.00 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Odakyu Railways ไปยังสถานี Hakone-Yumoto จากนั้นนั่งรถไฟไต่เขา Hakone Tozan Railway ไปลงสถานีปลายทาง Gora จากน้นต่อรถไฟเล็กไปลงสถานี Sounzan เพื่อขึ้นรถเคเบิ้ลคาร์ต่อไปยังสถานี Owakudani
6. วัดพระใหญ่ ไดบุทสึ คามาคุระ (Kotoku-in Temple)
เป็นที่ประดิษฐานขององค์พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่รู้จักกันดี ไดบุทสึ (เป็นคำเรียกรวมๆ แปลว่าพระพุทธรูปใหญ่) ของที่นี่สร้างจากสำริด มีความสูง 13.35 เมตร ด้านหลังองค์พระมีประตูทางเข้าเล็กๆ ถ้าสนใจก็สามารถเข้าไปชมด้านในได้โดยมีค่าใช้จ่าย 20 เยน นอกจากนี้ บริเวณวัดโคโตคุอินก็มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่เดินเที่ยวชมได้ และยังมีกลุ่มต้นสนที่ปลูกโดยราชวงศ์จักรีของประเทศไทยที่ปลูกไว้ที่วัดแห่งนี้ทั้งหมด 3 ต้น
เวลาทำการ : เดือนเมษายน - กันยายน 8.00 น. - 17. 30 น. ,เดือนตุลาคม-มีนาคม 8.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม : 200 เยน (ค่าเข้าชมด้านในองค์พระ 20 เยน)
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Yokosuka Line ไปลงสถานี Kamakura แล้วต่อรถไฟสาย Enoden ไปลงที่สถานี Hase แล้วจากสถานีเดินต่อประมาณ 5 นาที จะถึงวัด
7. ศาลเจ้าสึรุงะโอกะ ฮาจิมังกู (Tsurugaoka Hachimangu Shrine)
ศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งในคามาคุระและเป็นสถานที่ที่ชาวญี่ปุ่นนิยมเดินทางมาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลทั้งในเรื่องความรัก สุขภาพ การเรียน อีกทั้งบรรยากาศของศาลเจ้าแห่งนี้ก็มีความสวยงาม สงบ ร่มรื่น โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็ได้ชื่อว่าเป็นจุดชมดอกซากุระที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคคันโตด้วย
เวลาทำการ :
เดือนเมษายน-กันยายน 05.00-21.00 น.
เดือนตุลาคม-มีนาคม 06.00-21.00 น.
(เข้าชมรอบสุดท้ายก่อนเวลาปิด 30 นาที)
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Yokosuka Line ไปลงสถานี Kamakura แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที
8. พิพิธภัณฑ์โดราเอมอน ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ (Fujiko・F・Fujio Museum)
สถานที่สำหรับคนรักโดราเอมอน ภายในมีห้องจัดแสดงนิทรรศการที่หลากหลายเกี่ยวกับโดราเอมอน เช่น ของวิเศษในกระเป๋าโดราเอมอน ตัวการ์ตูนในเรื่องขนาดเท่าตัวจริง จุดที่น่าสนใจและไม่ควรพลาดคือลานกว้างบนดาดฟ้าชั้น 3 กับการจำลองฉากในการ์ตูนที่คุ้นตามาไว้ให้ได้ชมกัน อย่างจุดนัดพบผองเพื่อนตรงท่อปูน 3 อัน หรือประตูทุกหนแห่งก็ตั้งอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ยังมีส่วนของร้านขายของฝากกับคาเฟ่ธีมโดราเอมอนอีกด้วย
เวลาทำการ : 10.00-18.00 น. (ใน 1 วัน เปิดให้เข้าชม 4 รอบ และต้องแสดงบัตรเข้าชมภายใน 30 นาทีของรอบเวลาเข้าที่ระบุไว้) หยุดทุกวันอังคาร
ค่าเข้าชม : ต้องซื้อตั๋วล่วงหน้าเท่านั้น (ผ่านระบบออนไลน์ของร้านสะดวกซื้อ Lawson)
ผู้ใหญ่ 1,000 เยน
เด็ก 12-18 ปี 700 เยน
เด็ก 5-11 ปี 500 เยน
การเดินทาง : จากชินจูกุนั่งรถไฟสาย Odakyu ไปลงที่สถานี Noborito แล้วนั่งรถชัตเติลบัสต่อ
9. พิพิธภัณฑ์บ้านโบราณญี่ปุ่น นิฮงมินกะ (Japan Open-air Folk House Museum)
เป็นพิพิธภัณฑ์แบบกลางแจ้งท่ามกลางธรรมชาติที่รวบรวมแบบญี่ปุ่นอายุกว่าร้อยปีไว้ราวๆ 20 หลัง บ้านทุกหลังเป็นบ้านที่เคยใช้อยู่อาศัยจริง แต่ถูกแยกชิ้นส่วน ขนมาไว้รวมกัน แล้วนำมาประกอบใหม่ในสวนแห่งนี้ หลายๆหลังเปิดให้สามารถเข้าไปชมภายในได้ด้วย สำหรับพื้นที่ภายนอกก็มีการจัดแสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิตในสมัยนั้น เช่นกังหันน้ำ บ้านซามูไร เวทีแสดงละครคาบุกิ อีกทั้งยังมีกิจกรรมทางวัฒนธรรมและการสาธิตผลงานทางหัตถกรรมที่หาดูได้ยากให้ได้ชมกันด้วย
เวลาทำการ :
มีนาคม - ตุลาคม 09.30-17.00 น.
พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ 9.30-16.30 น.
(เข้าชมก่อนเวลาปิด 30 นาที)
ปิดทุกวันจันทร์ (หากวันจันทร์เป็นวันหยุดราชการจะปิดวันอังคาร)
หยุดปีใหม่ ช่วงวันที่ 28 ธันวาคม - 3 มกราคม
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 500 เยน, นักศึกษา 300 เยน, ผู้ที่มี65 ปีขึ้นไป 300 เยน, นักเรียนมัธยมต้นลงไป ฟรี
การเดินทาง : จากชินจูกุนั่งรถไฟสาย Odakyu ไปลงที่สถานี Mukogaoka-Yuen แล้วนั่งรถบัส Kawasaki City Bus เบอร์ 19 ไปลงที่ป้าย Ikuta Ryokuchi Entrance
10. วัดคาวาซากิไดชิ (Kawasaki-Daishi Temple)
วัดเก่าแก่นิกายชินงอนในเมืองคาวาซากิ มีโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่ดูสวยงามอลังการ โดยเฉพาะไฮไลท์อย่างประตูไดซันมง (Dai-Sanmon Gate) กับเจดีย์แปดเหลี่ยม 5 ชั้น นอกจากนี้ภายในห้องโถงใหญ่ของวัดยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ชื่อ โคโบไทชิ ปัจจุบันชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาที่นี่ในวันปีใหม่เพื่อขอพรรวมทั้งยังเป็นวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องการแก้ปีชงตามความเชื่อแบบญี่ปุ่น
เวลาทำการ : เดือนเมษายน-กันยายน 05.30-18.00 น. , เดือนตุลาคม-มีนาคม 06.00-17.30 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Tokaido Main Line ไปลงสถานี Kawasaki จากนั้นต่อรถบัส Kawasaki 23 ไปลงที่ป้าย Daishi หรืออีกหนึ่งวิธีคือไปลงที่สถานีรถไฟ Kawasaki-Daishi แล้วเดินต่ออีกเล็กน้อย