10 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่นที่ห้ามพลาด
1. ทะเลสาบโทวาดะ อาโอโมริ (Towada lake, Aomori )
ทะเลสาบแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสี่ที่สวยที่สุดติดอันดับต้นๆของญี่ปุ่น ไฮไลท์ของการมาชมใบไม้เปลี่ยนสี่ที่นี่คือ การนั่งเรือล่องทะเลสาบโทวาดะ หรือการเดินไปตามริมลำธารโออิราเซะ (Oirase Stream) ซึ่งเส้นทางเดินชมใบไม้เปลี่ยนสีที่นิยมกันจะเริ่มจากทะเลสาบโทวาดะ เลียบลำธารไปเรื่อยๆ จนไปถึงน้ำตกโจชิ โอทากิ (Choshi Ootaki) เป็น ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ทางเดินเน้นชมวิว ใครๆก็เดินได้ไม่ลำบากมาก มีการปูพื้นที่ดีในระดับนึง สามารถเดินได้สบายๆไม่ต้องมีเครื่องมือปีนเขาหรือรองเท้าพิเศษ
เวลาทำการ : บริการล่องเรือตั้งแต่ 08.00-16.00 น.
ค่าเข้าชม : ไม่มี
การเดินทาง : เริ่มที่สถานี Aomori จะสะดวกที่สุด โดยสามารถนั่งรถบัส JR Bus Tohoku ที่จุดจอดรถบัสหมายเลข 11 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง
2. ฮาจิมังไท อิวาเตะ (Hachimantai, Iwate)
ภูเขาฮาจิมังไท (Hachimantai) เป็นแนวภูเขาไฟลักษณะแบนราบ จุดสูงสุด 1,613 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีพื้นที่คาบอยู่ใน 2 จังหวัด คืออิวาเตะกับอากิตะ ซึ่งเต็มไปด้วยธรรมชาติทั้งป่าไม้ ภูเขาสลับซับซ้อน ทะเลสาบน้อยใหญ่ และในช่วงฤดูใบไม้ร่วงพื้นที่แห่งนี้ก็จะมีสีสันสดใส นักท่องเที่ยวนิยมขับรถชมทิวทัศน์ริมถนนสาย Hachimantai Aspite Line ซึ่งเป็นเส้นทางขับรถชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากแห่งหนึ่ง (แต่ว่าจะไม่สามารถเข้าชมได้ในฤดูหนาวเพราะ Hachimantai Aspite Line ปิดให้บริการจากต้นเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนเมษายนเนื่องจากหิมะ) นอกจากนี้ หากนั่งรถบัสไปที่ Hachimantai-chojo ก็ยังสามารถชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีได้จากบนยอดเขาอีกด้วย
เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ไม่มี
การเดินทาง : ฮาจิมังไทมีพื้นที่กว้างใหญ่ การเช่ารถขับน่าจะเหมาะที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการขับรถชมวิว Aspite Line สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเช่ารถ สามารถไปเริ่มที่สถานี Morioka แล้วนั่งรถบัสที่วิ่งตรงไป Hachimantai-chojo ซึ่งจะมีสายตรงแค่วันละรอบเท่านั้น (ถ้าพลาดก็จะมีอีกสายแต่ต้องแวะเปลี่ยนรถที่ Higashi Hachimantai Kotsu Center ก่อนไปต่อยังสถานี Hachimantai-chojo)
3. หุบเขานารุโกะ มิยางิ (Naruko-Kyo, Miyagi)
หุบเขานารุโกะเป็นทั้งจุดชมวิวและจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคโทโฮคุ มีจุดที่เป็นเส้นทางชมทิวทัศน์ในฤดูใบไม้ร่วงที่น่าสนใจอย่างสะพานโอฟุคาซาว่า (Ofukazawa Bridge) ตั้งอยู่เหนือหุบเขาท่ามกลางบรรยากาศของใบไม้สีเหลือง ส้ม แดง ตลอดแนว นอกจากนี้ใครที่แวะมายังสามารถไปเที่ยวพักผ่อนและค้างคืนที่เมืองนารุโกะออนเซ็น ซึ่งเป็นย่านออนเซ็นชื่อดังที่อยู่ใกล้ๆกัน ที่ชาวเมืองมิยางินิยมไปแช่น้ำร้อนได้อีกด้วย
เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ไม่มี
การเดินทาง : สามารถขึ้นรถได้ที่สถานีรถบัส ด้านตรงข้ามสถานีรถไฟ Naruko Onsen รถบัสจากนารุโกะออนเซ็นจะจอดที่จุดชมวิว Naruko Resthouse 6-7 เที่ยวต่อวัน มีบริการเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น หรือจะเดินเท้ามาจากสถานีรถไฟ Naroko Onsen ก็ได้เช่นกัน ใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาที
4. นิวโตะออนเซ็น อาคิตะ (Nyuto Onsen, Akita)
นิวโตออนเซ็น เป็นเมืองออนเซ็นเก่าแก่บรรยากาศชนบทที่ซ่อนตัวอยู่กลางป่าเขาในอากิตะ การเดินทางมาที่นี่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็เพื่อที่จะได้ดื่มด่ำกับการแช่ออนเซ็น ท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสีที่ล้อมรอบเมืองออนเซ็นแห่งนี้ ภาพใบไม้สีสันสดใสตัดกับน้ำสีฟ้าในบ่อออนเซ็นต้องบอกว่าสวยงามเกินบรรยายจริงๆ
เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ขึ้นอยู่กับร้านค้าและบริการที่เลือกใช้
การเดินทาง : จากหน้าสถานี Tazawako ต่อรถบัสของบริษัท Ugo Kotsu ไปลงป้าย Nyuto Onsen ใช้เวลา 50 นาที
5. วัดยามาเดระ ยามากาตะ (Yamadera Temple, Yamagata)
วัดยามาเดระ หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า วัดริชชะกุจิ (Risshakuji) มีประวัติศาสตร์ที่นานเกินกว่าพันปี พื้นที่ของวัดแห่งนี้ครอบคลุมไปถึงบนเนินเขา หากขึ้นไปสูงพอจะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามรอบๆ ได้อย่างชัดเจน ดังนั้นเมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาชมความงาม โดยพื้นที่วัดจะมีบริเวณกว้างมากและแบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายโซน เป็นที่ๆจะมีใบไม้หลากสีให้ได้ชมพร้อมๆกับได้เยี่ยมชมวัดเก่าแก่ของญี่ปุ่นด้วย
เวลาทำการ : 9.30 - 16.00 น.
ค่าเข้าชม : 300 เยน (เฉพาะอาคารด้านบนสุด Oku-no-in)
การเดินทาง : เริ่มจากสถานี Yamagata หรือ Sendai สามารถนั่งรถไฟสาย JR Senzan Line ไปลงสถานี Yamadera แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
6. ถนนบันได-อะซุมะ สกายไลน์ ฟุคุชิมะ (Bandai-Azuma Skyline, Fukushima)
หนึ่งในถนนที่ได้รับการยอมรับว่ามีวิวสวยงามที่สุดในญี่ปุ่น และยังเป็นเส้นทางที่เหมาะกับการขับรถชมใบไม้แดงบนภูเขาอะซุมะ เป็นอย่างยิ่ง มีระยะทางประมาณ 29 กิโลเมตร ตัดผ่านกลางอุทยานแห่งชาติบันได-อาซาฮี เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างเมืองน้ำพุร้อนทากายุ (Takayu Onsen) กับหุบเขาทสึจิยุ (Tsujiyu Pass) หากแวะไปที่ยอดเขา Azuma-Kofuji ที่มีความสูงกว่า 1,707 เมตร (ซึ่งมีจุดจอดรถอยู่ใกล้ๆยอดเขา) สามารถนำรถไปจอดและเดินขึ้นยอดเขาได้ง่ายๆไม่เหนื่อยมาก บนยอดเขาเมื่อมองลงมาจะเห็นแนวป่าไม้สีสดๆทั่วทั้งภูเขา และสามารถถ่ายภาพวิวพาโนรามาสวยๆได้ด้วย
เวลาทำการ : ถนนจะปิดไม่ให้ผ่านตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนเมษายนเนื่องจากหิมะ
ค่าเข้าชม : ไม่มี
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Fukushima เดินทางไปโดยรถยนต์เช่าขับจะเหมาะที่สุด หากต้องการไปยอดเขา Azuma-Kofuji ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
7. ปราสาทฮิโรซากิ อาโอโมริ (Hirosaki Castle, Aomori)
ปราสาทแห่งนี้ขึ้นชื่อทั้งในเรื่องซากุระที่สวยงามในฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามในฤดูใบไม้ร่วง ความน่าสนใจอีกอย่างของปราสาทฮิโรซากิในฤดูใบไม้ร่วงก็คือ งานเทศกาลชมใบไม้เปลี่ยนสีประจำปี (Hirosaki Castle Chrysanthemum and Autumn Foliage Festival) ซึ่งจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนตุลาคมบริเวณสวนพฤกษศาสตร์ของปราสาท โดยนักท่องเที่ยวสามารถมาชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ทั้งตอนกลางวัน และหากไปชมตอนกลางคืนก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศการประดับไฟรอบๆปราสาทอีกด้วย
เวลาทำการ : บริเวณพื้นที่สาธารณะรอบๆปราสาทไม่มีกำหนดเวลา แต่ตัวอาคารปราสาทเปิด 09.00-17.00 น. และปิดในช่วงหน้าหนาว
ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าเข้าสวนสาธารณะ มีเฉพาะค่าเข้าตัวอาคารของปราสาท (ผู้ใหญ่ 310 เยน, เด็ก 100 เยน)
การเดินทาง : จากสถานี JR Hirosaki ต่อรถบัส Dotemachi Loop Bus ประมาณ 15 นาที ไปลงป้าย Shiyakusho-mae
8. วัดชูซอนจิ อิวาเตะ (Chuson-ji Temple, Iwate)
วัดเก่าแก่และมีชื่อเสียงอีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกทางวัฒนธรรม ฮิราอิซึมิ (Hiraizumi) อยู่ในจุดที่มีทิวทัศน์งดงาม รายล้อมด้วยธรรมชาติทั้งป่าและภูเขา โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ป่าบนภูเขาและสองข้างทางเดินภายในพื้นที่วัดแห่งนี้ก็จะเต็มไปด้วยสีเหลือง ส้ม แดง ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชมความสวยงามของธรรมชาติ โดยมีสถาปัตยกรรมของวัดเก่าแก่เป็นฉากหลัง
เวลาทำการ : 8.30-17.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 800 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 500 เยน, นักเรียนมัธยมต้น 300 เยน และนักเรียนประถม 200 เยน
การเดินทาง : สามารถไปเริ่มต้นได้ที่สถานี Ichinoseki ซึ่งมีรถไฟชินคันเซ็นจากโตเกียว ต่อรถไฟ JR สาย Tohoku Main Line ไปลงที่สถานี Hiraizumi แล้วต่อรถบัสท้องถิ่น Hiraizumi Loop Line Bus ไปประมาณ 10 นาที
9. ทะเลสาบโกชิคินุมะ ฟุคุชิมะ (Goshikinuma Lake, Fukushima)
หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ทะเลสาบ 5 สี เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติบันไดอาซาฮี (Bandai-Asahi) เป็นบริเวณที่ประกอบด้วยทะเลสาบ บึงน้อยใหญ่และบ่อน้ำพุร้อน ในบริเวณจะมีบึงอยู่ทั้งหมด 9 บึง แต่ละบึงก็จะมีสีสันสดใสแตกต่างกันไป ระหว่างบึงจะเป็นเส้นทางเดินชมธรรมชาติที่สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงได้ด้วย ตลอดเส้นทางที่เดินจะรายล้อมไปด้วยสีสันของใบไม้ตัดกับสีของน้ำทะเลสาบที่มีตั้งแต่ฟ้าครามไปจนถึงเขียวอมแดง เป็นภาพธรรมชาติที่สวยแปลกตาและหาชมได้ที่นี่เท่านั้น
เวลาทำการ : เปิดทำการตลอดทั้งปี
ค่าเข้าชม : ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Banetsu West Line ไปลงที่สถานี Inawashiro แล้วต่อรถบัสสาย Bandai Higashi Miyako Bus ไปลงที่ป้าย Urabandai-kogen-eki หรือ Goshikinuma-Iriguchi-eki ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
10. หมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ อาคิตะ (Kakunodate, Akita)
เป็นหมู่บ้านซามูไรที่ได้รับการอนุรักษ์ทางสถาปัตยกรรมและบรรยากาศญี่ปุ่นโบราณเอาไว้อย่างดี ซึ่งตามแนวถนนของหมู่บ้านแห่งนี้มีต้นเมเปิ้ลเป็นจำนวนมาก ดังนั้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่นี่จึงเป็นสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีอีกแห่งที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวชมความสวยงามของใบไม้หลากสีสันสดใสทั้งเหลือง แดง ส้ม ตัดกับสีดำสนิทของรั้วบ้านซามูไร ถือว่าเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของการชมใบไม้เปลี่ยนสีที่เมืองแห่งนี้
เวลาทำการ : ไม่มีกำหนด
ค่าเข้าชม : ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถไฟ Akita Shinkansen ไปลงสถานี Kakunodate แล้วเดินต่อประมาณ 15 นาที จะถึงย่านของบ้านซามูไร