ปราสาทนาโกย่า เปรียบเสมือนสัญลักษณ์สำคัญของเมือง ปัจจุบันภายในตัวปราสาทถูกดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งจัดแสดงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ข้าวของเครื่องใช้ และอาวุธประเภทต่างๆที่เคยใช้ในอดีต

หนึ่งในนิทรรศการคือ “คินซะจิ” (Kinshachi) รูปปั้นบนหลังคาปราสาท เป็นสัตว์ในตำนานที่มีรูปร่างเป็นปลาและมีหัวเป็นสิงห์ เชื่อกันว่าคินซะจินั้นมีอิทธิฤทธิ์สามารถเรียกน้ำมาดับไฟได้ ในอดีตจึงมีการสร้างคินซะจิขนาดใหญ่ชุบด้วยทองคำแท้เอาไว้ที่ปลายหลังคาของปราสาท เพื่อให้เป็นเครื่องรางป้องกันอัคคีภัย

ปราสาทแห่งนี้มีประวัติเก่าแก่ย้อนไปได้ถึงปี 1525 และมีความเกี่ยวพันกับบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นมากมาย จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปราสาทนาโกย่าก็ถูกทำลายลงจากการทิ้งระเบิดจากฝ่ายสหรัฐอเมริกา และมีการบูรณะขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี 1957 กลายมาเป็นปราสาทแบบที่เห็นในปัจจุบัน

ปราสาทนาโกย่ายังถือเป็นจุดชมซากุระขึ้นชื่อในภูมิภาคชูบุ เนื่องจากมีต้นซากุระปลูกเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมากทั้งบริเวณคูน้ำรอบปราสาทและพื้นที่ภายใน ซึ่งจะผลิบานพร้อมกันอย่างสวยงามในฤดูใบไม้ผลิ

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Meijo มาลงที่สถานี Shiyakusho ออกที่ทางออกหมายเลข 7
เวลาเปิดทำการ : 09.00 – 16.30 น.
ค่าเข้าชม : 500 เยน

ถือเป็นศาลเจ้าสำคัญของเมืองนาโกย่า โดยภายในตัวศาลเจ้าเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าหลายองค์ หนึ่งในนั้นคือ อามะเทราสึ (Amaterasu) เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์และหนึ่งในเทพเจ้าที่สำคัญที่สุดตามความเชื่อของญี่ปุ่น นอกจากนี้ก็ยังมีความเชื่อว่าศาลเจ้าแห่งนี้ยังเป็นที่เก็บ ดาบคุซานางิ หนึ่งในสามสมบัติที่สำคัญของราชวงศ์ญี่ปุ่นอีกด้วย

ความเก่าแก่ของศาลเจ้าแห่งนี้ ว่ากันว่ามีอายุมากกว่า 1,900 ปี โดยสันนิษฐานว่าถูกก่อตั้งขึ้นในสมัยองค์จักรพรรดิเคโกะ ซึ่งขึ้นครองราชย์ระหว่างปี 71 – 130


โดยศาลเจ้าแห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องการขอพรให้ได้รับชัยชนะต่อคู่แข่งและต่ออุปสรรคต่างๆในชีวิต ความเชื่อดังกล่าวมีที่มาจากในอดีตเมื่อ โอดะ โนบุนางะ หนึ่งในแม่ทัพสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นได้มาขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้ก่อนออกรบ และได้รับชัยชนะกลับมาในที่สุด โดยโนบุนางะได้กลับมาถวายสร้างกำแพงให้กับวัดอีกด้วย

ในปัจจุบันเป็นศาลเจ้าที่มีผู้เดินทางมาสักการะบูชามากกว่า 6.5 ล้านคนต่อปี นอกจากตัวศาลเจ้าแล้ว บริเวณภายในยังมีพิพิธภัณฑ์ซึ่งจัดแสดงโบราณวัตถุกว่า 4,000 ชิ้นซึ่งได้รับการบริจาคจากผู้ศรัทธา โดยมีโบราณวัตถุจำนวน 174 ชิ้น ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติทางมรดกทางวัฒนธรรมอีกด้วย

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Meijo มาลงที่สถานี Jingu-Nishi
เวลาเปิดทำการ : เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม

นาโกย่าทีวีทาวเวอร์ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองเคียงคู่กับปราสาทนาโกย่า และยังเป็นหอส่งสัญญาณโทรทัศน์แห่งแรกของประเทศญี่ปุ่น ก่อสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1954 และมีความสูง 180 เมตร ตั้งอยู่บริเวณเหนือสุดของสวนสาธารณะโอโดริ ในย่านซาคาเอะ (Sakae) ย่านธุรกิจและย่านช้อปปิ้งสำคัญของเมืองนาโกย่า

พื้นที่ชมวิวนั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 โซนหลัก คือ Sky Deck ที่ความสูง 90 เมตร และ Sky Balcony ที่ความสูง 100 เมตร ซึ่งสามารถมองเห็นวิวของเมืองได้ทั้ง 360 องศา

ปัจจุบันนาโกย่าทีวีทาวเวอร์นั้นไม่ได้ทำหน้าที่ส่งสัญญาณโทรทัศน์อีกต่อไปแล้ว เนื่องจากเปลี่ยนระบบจากอะนาล็อกมาเป็นดิจิตอล และมีการสร้างหอส่งสัญญาณแห่งใหม่ขึ้นมาแทนคือ เซโตะดิจิตอลทาวเวอร์ (Seto Digital Tower) แต่นาโกย่าทีวีทาวเวอร์ก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองและเป็นจุดชมวิวมุมสูงยอดนิยมของนักท่องเที่ยวและชาวเมืองมาจนถึงปัจจุบัน

การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Meijo หรือ Higashiyama มาลงที่สถานี Sakae
เวลาเปิดทำการ : 10.00น.-22.00น. (10.00น. - 21.00น. ในเดือนมกราคม-มีนาคม)
ค่าเข้าชม : 600 เยน

ย่านธุรกิจอันทันสมัยของเมืองนาโกย่าซึ่งเต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร แหล่งบันเทิง รวมไปถึงโรงแรมที่พักมากมาย และยังเป็นสถานที่ตั้งของแลนด์มาร์คมากมายของเมือง ทั้งนาโกย่าทีวีทาวเวอร์ อาคาร Oasis 21 ที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์เหมือนยานอวกาศ รวมถึงชิงช้าสวรรค์ Sky Boat ที่มีความสูงถึง 52 เมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับสถานที่ต่างๆในย่านนี้ได้ตั้งแต่ตอนกลางวันไปจนถึงกลางดึก

การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Meijo หรือ Higashiyama มาลงที่สถานี Sakae
เวลาเปิดทำการ : ขึ้นอยู่กับสถานที่แต่ละแห่งภายในย่าน
ค่าเข้าชม : ชิงช้าสวรรค์ Sky Boat 500 เยน

สวนสนุกเลโก้แลนด์ที่เมืองนาโกย่า เปิดทำการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2017 ที่ผ่านมา ทั้งสวนสนุกนี้ใช้เลโก้ไปทั้งหมด 17 ล้านชิ้น มีตัวการ์ตูนและสัตว์ชนิดต่างๆที่สร้างขึ้นจากเลโก้มากกว่าหนึ่งหมื่นตัว มีไฮไลท์สำคัญคือหุ่นไดโนเสาร์เลโก้บริเวณทางเข้าซึ่งสร้างขึ้นด้วยเลโก้ทั้งหมด 17 ล้านชิ้น

ภายในสวนสนุกแห่งนี้มีเครื่องเล่นกว่า 40 ชนิด และมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 7 โซน โดยมีโซนหลักๆเช่น Factory Zone ซึ่งเป็นที่ตั้งของหุ่นไดโนเสาร์ยักษ์ Big Shop ร้านขายสินค้าและของที่ระลึกเกี่ยวกับเลโก้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย และ Miniland ซึ่งมีเมืองจำลองขนาดจิ๋ว 10 แห่งจากทั่วญี่ปุ่นที่สร้างขึ้นด้วยเลโก้ทั้งหมด หนึ่งในนั้นมีปราสาทนาโกย่าที่สร้างขึ้นด้วยเลโก้กว่า 225,000 ชิ้น และแลนด์มาร์คดังๆของประเทศญี่ปุ่นอีกมากมาย ที่โซนนี้โซนเดียวรวมแล้วใช้เลโก้มากกว่าสิบล้านชิ้น!

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย Aonami มาลงที่สถานี Kinjo-futo
เวลาเปิดทำการ : 10.00 – 18.00 น.
ค่าเข้าชม : บัตรแบบ 1 Day Pass ราคา 6,900 เยน หากซื้อในวันจริง (ซึื้อล่วงหน้ามีลดราคา)