เมือง Kusatsu ตั้งอยู่ในจังหวัดกุนมะซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโตเกียวและสามารถเดินทางไปได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถบัสหรือรถไฟ แต่การนั่งรถบัสอาจจะใช้เวลาค่อนข้างนานไปนิด วิธีที่เราจะมาแนะนำและสะดวกที่สุดคือการนั่งรถไฟ Limited Express for Kusatsu

โดยวิธีที่เปลี่ยนรถน้อยที่สุด เราต้องไปขึ้นรถไฟที่ สถานี Ueno จะสามารถนั่งยาวๆต่อเดียวไปลงสถานีที่ใกล้ที่สุดได้ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งก่อนจะไปถึง สถานี Naganohara Kusatsuguchi ราคาเที่ยวละประมาณ 4,750 เยนถ้าไม่จองที่นั่ง (ถ้าแบบจองที่นั่งด้วยจะอยู่ที่เที่ยวละประมาณ 5,270 เยน)

เมื่อมาถึงแล้วจะต้องนั่งรถบัสต่อไปอีก โดยรถบัสจะจอดรออยู่หน้าสถานีเลย ใช้เวลาประมาณ 30 นาที (เที่ยวละ 700 เยน) เมื่อมาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เราจะลงรถบัสที่จุด Yubatake ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของเมืองนี้

Yubatake เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่ตั้งเด่นเป็นสัญลักษณ์อยู่ใจกลางเมืองคุซาสึ และเป็นแหล่งน้ำพุร้อนหลักของเมืองซึ่งมีปริมาณน้ำร้อนธรรมชาติที่ไหลออกมาประมาณ 4600 ลิตรต่อนาที โดยในช่วงกลางวันเราจะได้ชมความยิ่งใหญ่อลังการของแหล่งน้ำพุร้อนที่สวยงามน่าถ่ายรูป และชมบรรยากาศของเมืองรอบๆบ่อยุบาทาเกะข้างมีร้านค้ามากมายเหมาะสำหรับเดินเล่น ส่วนกลางคืนก็จะมีการเปิดไฟทำให้สวยงามน่าถ่ายรูปไปอีกแบบ นอกจากนี้บริเวณใกล้ๆยังมีศาลเจ้า Kosenji อยู่ใกล้ๆให้ผู้ที่มาท่องเที่ยวได้แวะมาสักการะด้วย

ไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของบริเวณใกล้ๆ Yubatake เลยคือ การแสดง Yumomi no Odori เป็นการแสดงแบบดั้งเดิม โดยหลักๆคือการเต้นรำไปด้วยและมีการใช้แผ่นไม้ขนาดใหญ่พลิกกวนน้ำไปด้วย (เพื่อเป็นการลดอุณหภูมิน้ำพุร้อน) โดยมีการแสดงวันละ 6 ครั้ง ค่าเข้าชมคนละ 600 เยน

หากเดินออกจากบริเวณ Yubatake ไปอีกหน่อย ใช้เวลาประมาณ 15 นาที เราจะเจอจุดแลนด์มาร์กอีกที่หนึ่งที่ควรแวะมานั่นก็คือ Sainokawara Open-air Bath ที่นี่คือจุดออนเซ็นกลางแจ้งแบบไม่ค้างคืนที่ใหญ่มากๆ มาแล้วจะได้แช่น้ำพลางสัมผัสธรรมชาติแน่นอนค่ะ ค่าเข้าที่นี่อยู่ที่ผู้ใหญ่ 600 เยนหรือเด็ก 300 เยน (มีผ้าเช็ดตัวให้เช่าต่างหาก) โดยออนเซ็นดังกล่าวตั้งอยู่ในบริเวณสวนสาธารณะชื่อเดียวกัน Sainokawara Park ค่ะ

นอกจากนี้ ในบริเวณสวนยังมีที่เที่ยวอื่นๆด้วย อย่างเช่นพื้นที่ๆดูแห้งแล้งและเต็มไปด้วยกรวดหินอยู่บริเวณริมแม่น้ำเล็กๆ โดยมีตำนานที่น่าสนใจกล่าวไว้ว่า เมื่อเด็กตายก่อนพ่อแม่ พวกเขาจะถูกส่งมายัง Sainokawara ที่นี่พวกเขาจะก่อก้อนหินเป็นภูเขา โดยเอาก้อนหิวหลายๆก้อนมาวางซ้อนกันจนเป็นรูปทรงภูเขา เพื่อเป็นเกียรติแก่พ่อแม่ของพวกเขาที่อยู่ในโลกมนุษย์ (ไม่ต้องแปลกใจหากเดินไปมาแล้วเจอก้อนหินเรียงเต็มไปหมด) แต่กองหินเหล่านั้นมักถูกปีศาจทำลายอย่างสนุกสนาน และทรมานเด็กๆที่น่าสงสารเหล่านั้น สถานที่แห่งนี้จึงเปรียบเสมือน "นรก" นั่นเอง

เสน่ห์ของเมือง Kusatsu นั้นอยู่ในช่วงกลางคืนเลยค่ะ เมื่อเริ่มมืดแล้วก่อนจะเดินกลับที่พักแนะนำให้เดินย้อนกลับเข้ามากลางเมือง บรรยากาศช่วงกลางคืนค่อนข้างแตกต่างกับกลางวันคือ พอตกค่ำนักท่องเที่ยวต่างก็จะใส่ชุดยูกาตะออกมาเดินเล่นชมเมืองกันกลายเป็นว่ายิ่งดึกยิ่งคึกครื้นมากกว่ากลางวันเสียอีก ในบริเวณบ่อ Yubatake ที่อยู่กลางเมืองก็จะมีการเล่นแสงสีต่างๆ มีการแสดงเล็กๆน้อยๆตรงลานกว้าง และมีไฟประดับที่แหล่งน้ำพุร้อน ขอบอกเลยว่าของจริงสวยอลังการและโรแมนติกมากๆ

ไลท์อัพเทียนนี้ถ่ายจากวัด Kosenji Temple โดยอีเวนท์นี้จะจัดแค่ช่วงเสาร์-อาทิตย์ในฤดูหนาวเท่านั้น และวันที่จัดไม่แน่นอนต้องเช็คจากเว็บไซต์ทางการอีกครั้ง แต่โชคดีมากๆ ที่วันที่ไปมีจัดพอดี

สำหรับใครที่มาญี่ปุ่นแล้วอยากมาสัมผัสกับบรรยากาศกับออนเซ็นและธรรมชาติจริงๆ ที่เมือง Kusatsu แห่งนี้ถือว่าจุดที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียวค่ะ รับรองว่าจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน