เอโนชิมะ เกาะสวรรค์แห่งคานากาว่า
การเดินทาง
หากคุณพักอยู่ในเมืองโตเกียวแล้วล่ะก็ ขอให้เริ่มต้นเดินทางจากสถานีใหญ่อย่างสถานีชินจูกุ (新宿駅) ได้เลยครับ โดยให้มาขึ้นรถไฟสาย Odakyu (小田急線) ซึ่งมีสถานีเริ่มต้นอยู่ที่ชินจูกุนี่แหละครับ
จากนั้น นั่งรถไฟสายที่เดินทางไปยังสถานีปลายทาง สถานี Katase-Enoshima (片瀬江ノ島駅) ได้เลยครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงนิดๆ ก็จะถึงที่หมายครับ ดังนั้น หากใครต้องการจะเดินทางไปกลับในวันเดียว ก็สามารถทำได้ไม่ยากเลยครับ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้โตเกียวมากทีเดียว
สถานีคาตาเซะเอโนชิมะ (Katase-Enoshima station, 片瀬江ノ島駅)
ที่นี่คือจุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวครั้งนี้ครับ โดยตัวสถานีแห่งนี้ จะเป็นสถานีที่ออกแบบมาให้เป็นรูปแบบเหมือนวังมังกร จากนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่นเรื่อง อุระชิมะทาโร่ ครับ ทำให้สถานีแห่งนี้เป็นทั้งจุดเริ่มต้นการเดินทางและจุดถ่ายรูปที่ดีมากๆเลยทีเดียวล่ะครับ
เอโนชิมะ เป็นเกาะเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากฝั่งไปนิดเดียว และมีสะพานคนเดินเชื่อมครับ
เมื่อออกจากสถานีรถไฟมาให้เดินข้ามสะพานที่จะใช้ข้ามจากแผ้นดินใหญ่ไปที่เกาะเอโนชิมะครับ ใช้เวลาเดินไม่นานมากนัก ประมาณ 10 นาทีก็สามารถข้ามไปถึงตัวเกาะได้แล้วล่ะครับ
เกาะแห่งนี้เป็นเกาะเล็กๆ ที่งดงามครับ เมื่อเข้ามาถึงตัวเกาะจะเจอกับเสาโทริอิที่เป็นเหมือนประตูเริ่มต้นการเดินทางของพวกเราอีกด้วยครับ โดยเมื่อเราเดินเข้าไปแล้ว ตลอดทางจะมีร้านอาหาร และร้านขายขนมมากมาย ซึ่งเราสามารถเลือกกินกันได้อย่างเต็มที่เลยล่ะครับ
ศาลเจ้าเอโนชิมะ (江島神社)
ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นเหมือนเช็คพอยต์แรกของเกาะแห่งนี้ครับ โดยเราจะเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ เพื่อขึ้นไปสักการะเทพพระเจ้าแห่งท้องทะเล ที่ประทับอยู่บนศาลเจ้าแห่งนี้กันครับ
โดยตรงกลางทางจะมีศาลเจ้าเล็กๆ เพื่อขอพรจากเทพเจ้าได้เช่นกันครับ
ทางด้านข้างจะเป็นบันไดเลื่อนที่พาขึ้นไปสู่ตัวศาลเจ้าเลย ซึ่งจะต้องจ่ายเงินเพื่อขึ้นไปนะครับ โดยทางเราขอแนะนำให้เดินขึ้นไปจะดีกว่านะครับ เพื่อความสนุกสนานและเป็นการปลุกศรัทธาไปในตัวด้วย บรรยากาศรอบๆเองก็สวยสุดๆเลยครับ
เมื่อขึ้นมาถึงจุดนี้จะเป็นที่สักการะเทพเจ้าแห่งท้องทะเลครับ
ถัดจากศาลเจ้าเพียงเล็กน้อยจะมีจุดชมวิว จากตรงนี้เราจะเห็นชายหาดที่ว่ากันว่ามีต้นแบบมาจากหาดของเมืองไมอามี่ ประเทศสหรัฐอเมริกาครับ มีเรือจอดอยู่เต็มไปหมดเลยล่ะครับ
Enoshima Samuel Cocting Garden (江ノ島サムエルコッキング苑)
และเมื่อเดินลึกเข้ามาอีกเพียงเล็กน้อย ก็จะเป็นที่ตั้งของสวนที่จัดอยู่บนยอดเขาของเกาะแห่งนี้ครับ มีชื่อว่าสวนซามูเอล ค๊อกติ้ง (อ่านถูกมั้ยนะ) โดยภายในสวนนี้เป็นทั้งสวนดอกไม้ที่มีการดูแลจัดการอย่างดี ทำให้มีดอกไม้นานาพันธ์สวยงามมากๆ แถมยังเป็นที่ตั้งของจุดชมวิวอีกจุด ซึ่งการเข้าไปในสวนแห่งนี้จะต้องเสียเงินค่าเข้า 200 เยนครับ แต่ถ้าหากต้องการจะขึ้นจุดชมวิวด้วยแล้ว จะต้องเสียเงินเพิ่มอีกเป็น 500 เยนครับ
ภายในสวนจะตกแต่งอย่างงดงามแบบที่เห็นนี่แหละครับ เหมาะสำหรับคนที่เดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย และต้องการพักผ่อนชมบรรยากาศสวยๆ ดอกไม้หอมๆภายในสวนแห่งนี้ครับ
นี่เป็นอีกภาพหนึ่งของสวนอันแสนร่มรื่นแห่งนี้ครับ
ซีแคนเดิ้ล (江ノ島シーカンドル)
และอย่างที่บอกนะครับ ว่าภายในสวนแห่งนี้เป็นที่ตั้งของจุดชมวิวของเกาะแห่งนี้ ซึ่งก็คือ ซีแคนเดิ้ล นี่เองแหละครับ หน้าตาเหมือนเทียนจริงๆด้วย
โดยหากต้องการขึ้นไปชม จะต้องเสียเงินค่าเข้าเพิ่มอย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นนะครับ
ต่อมา เดินลึกเข้าไปอีกเพื่อไปยังตอนใต้ของเกาะกันครับ โดยระหว่างทางจะมีจุดให้ชมวิวเป็นระยะๆนะครับ โดยรูปที่เห็นดังกล่าวนี้ เป็นรูปวิวจากจุดที่เป็นช่องระหว่างภูเขาเล็กๆ 2 ลูกภายในเกาะ ทำให้ได้รูปวิวที่งดงามไปอีกแบบอย่างที่เห็นนี่แหละครับ
โซนทางใต้ของเกาะ Chigogafuchi (稚児ケ淵)
เมื่อเดินมาจนสุดขอบของเกาะแห่งนี้แล้วล่ะก็ จะเจอกับด้านหลังของเกาะซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่งดงามเป็นอย่างมากเลยล่ะครับ โดยที่ชายหาดตรงนี้จะเป็นแผ่นหินที่ทาบระนาบไปกับพื้นทะเลครับ ทำให้เราสามารถสัมผัสกับบรรยากาศการนั่งริมทะเลไปอีกแบบที่ไม่เหมือนกับหาดทรายปกติที่เราเห็นกันที่ประเทศไทยครับ แต่เนื่องจากมันเป็นผาตัด ดังนั้นน้ำแถบนี้จะลงไปเล่นไม่ได้นะครับ แถมยังมีคลื่นแรงตลอดทั้งวันเลยทีเดียว
โดยที่นี่มีทางเดินลาดลงไปให้ครับ เราสามารถเดินลงไปยังส่วนที่เป็นพื้นหินได้อย่างปลอดภัยแน่นอนครับ
เกล็ดความรู้เล็กๆ
ที่เกาะเอโนชิมะแห่งนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะที่แมวเยอะมากครับ และแมวก็ถือเป็นเทพเจ้าของเกาะแห่งนี้เช่นกัน ดังนั้น เขาจึงเชื่อกันว่าหากใครที่เดินทางมายังเยอะแห่งนี้ แล้วเจอแมวครบ 5 ตัวก็จะทำให้มีโชคดีติดตัวกลับไปด้วยแหละครับ
สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวในเกาะเอโนชิมะแห่งนี้นะครับ ซึ่งใครมีเวลาและอยากมาซึมซับกับบรรยากาศริมทะเลรูปแบบใหม่ๆของญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ เราแนะนำที่นี่เลยครับ "เกาะเอโนชิมะ”