3 วัดใหญ่ที่ห้ามพลาดในคามาคุระ
คามาคุระ เป็นเมืองเก่าที่มีอายุเกินกว่า 800 ปี เป็นเมืองที่มีบทบาทเป็นอย่างมากในทางการเมืองของญี่ปุ่นในอดีต และยังเคยเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นอีกด้วย แต่ความยิ่งใหญ่ของเมืองแห่งนี้ นอกจากประวัติศาตร์ การเมือง และบุคคลผู้มีอิทธิพลต่อญี่ปุ่นในอดีตจะมารวมกันอยู่ที่นี่แล้ว ที่นี่ยังเต็มไปด้วยวัดวาอารามที่มีชื่อเสียงในหมู่นักเดินทางอีกด้วย
การเดินทาง
หากคุณพักอยู่ที่เมืองโตเกียว คุณสามารถเริ่มต้นจากสถานีโตเกียว (東京駅) นั่งรถไฟ JR สาย Yokosuka (横須賀線) ตรงจากสถานีโตเกียวมาที่สถานี Kamakura (鎌倉駅) ได้โดยตรงเลยด้วยราคาเพียง 920 เยนครับ
โดยรถรถไฟสายนี้ จะผ่านสถานีใหญ่อื่นๆอีก อย่างเช่นสถานี Shinagawa (品川駅) และสถานี Yokohama (横浜駅) อีกด้วย ดังนั้นหากใครที่โรงแรมอยู่ใกล้ 2 สถานีนี้มากกว่า ก็สามารถเดินทางมายังสถานีนี้ได้นะครับ
วัดพระใหญ่ โคโตกุอิน (Kotoku-in 高徳院)
มาเริ่มกันที่วัดชื่อดังที่ทุกคนไม่ควรพลาดของเมืองคามาคุระแห่งนี้ ซึ่งก็คือวัดซึ่งเป็นที่ตั้งของพระใหญ่ หลวงพ่อโต หรือไดบุทสึนั่นเอง ในหมู่คนไทยมีชื่อเรียกกันหลากหลายครับ โดยวัดนี้ชื่อจริงๆก็คือ โคโตกุอิน
โดยคุณสามารถเดินทางมาที่วัดแห่งนี้ได้ด้วยการเดิน ขึ้นรถบัส หรือนั่งรถไฟสาย Enoden มาลงที่สถานี Hase (長谷駅) ซึ่งทางเราขอแนะนำเส้นทางรถไฟนะครับ เพราะว่ารถไฟสายนี้เป็นสายที่วิ่งเลียบทะเล ทำให้เราสามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของทะเลญี่ปุ่นได้อีกด้วยครับ
หลังจากออกจากสถานีรถไฟออกมาทางทิศเหนือ เดินตรงไปเพียงหนึ่งสี่แยกไฟแดงก็จะถึงตัววัดแล้วล่ะครับ
และที่นี่นั้นไปง่ายมากๆ ถึงจะไม่รู้อะไรเลย แต่แค่เดินตามคนจำนวนมากไปก็สามารถไปถึงได้สบายๆครับ เพราะนี่เป็นที่เที่ยวอันดับหนึ่งและเป้าหมายของนักเดินทางทุกๆคน ที่มาลงสถานีนี้แน่นนอนครับ
ค่าเข้าวัดแห่งนี้ราคา 200 เยนครับ ซึ่งถือว่าเป็นค่าผ่านประตูที่ถูกมาก เมื่อเทียบกับหลายๆวัดดังนะครับ
หลังจากเข้ามาเราจะมองเห็น ไดบุทสึ หรือหลวงพ่อโต เป็นองค์พระประธานของวัดที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงลานเดินกลางวัดเลยครับ ฉากหลังที่เป็นท้องฟ้าสีครามกับต้นไม้สีเขียวสด ทำให้องค์พระประธานดูมีมนต์ขลังเป็นอย่างมากเลยครับ
ความกว้างของวัดแห่งนี้มีไม่มากนัก แต่ด้วยความยิ่งใหญ่ขององค์พระประธานทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก แต่สำหรับชาวไทยเรา มีอีกสิ่งหนึ่งที่อยากให้เราได้ลองไปเยี่ยมชมกันนะครับ ซึ่งนั่นก็คือ ต้นสนที่ได้รับพระราชทานมาจากพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ของไทยนั่นเอง
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีต้นสนที่ปลูกโดยรัชกาลที่ 7 อยู่ที่วัดแห่งนี้เช่นเดียวกันครับ ใครที่มีโอกาสได้มาเยี่ยมเยียนก็อย่าลืมมารับชมกันได้นะคับ
พิพิธภัณท์กล่องดนตรีคามาคุระ (Kamakura Orgel Doh 鎌倉オルゴール堂)
พิพิธภัณท์กล่องดนตรีแห่งนี้ ตั้งย้อนกลับมาที่สี่แยกที่เราเพิ่งจะเดินไปก่อนหน้านี้ โดยที่แห่งนี้เป็นทางผ่านของเราเพื่อเดินทางไปยังวัดดังแห่งที่ 2 นะครับ แต่ตัวของมันเองก็น่าสนใจไม่น้อยเลย ทำให้มีนักเดินทางแวะชมมากมายครับ
พิพิธภัณท์กล่องดนตรีแห่งนี้ยังเป็นร้านเล็กๆ ที่มีกล่องดนตรีหลากหลายรูปแบบและเพลงหลากหลายสไตล์ ให้คุณสามารถซื้อกลับไปเป็นของฝากให้กับเพื่อนๆ ญาติพี่น้อง หรือคนรักก็ได้เช่นกันครับ เป็นของฝากที่โดดเด่นและมีค่าสุดๆไปเลย
วัดฮาเซะ (Hase-dera 長谷寺)
วัดแห่งนี้เป็นวัดชื่อดังอีกแห่งของเมืองคามาคุระครับ ด้วยความงดงามของสวนภายในวัด และมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทะเลที่อยู่ไม่ไกลจากวัดได้ ทำให้วัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีนักท่องเที่ยวมาชมกันมากอีกที่หนึ่งครับ โดยค่าเข้าของวัดแห่งนี้เพียง 300 เยนเท่านั้นครับ
เมื่อเข้ามาภายในวัดแห่งนี้ เราจะสามารถมองเห็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่ตกแต่งได้อย่างวิจิตรงดงาม
เมื่อเดินขึ้นบันไดไปยังชั้น 2 จะมีศาลเจ้าของเทพอยู่นะครับ ซึ่งเทพองค์นี้ คนญี่ปุ่นที่มีลูกยากหรืออยากมีลูก มักจะมาขอพรจากที่แห่งนี้กันครับ
เมื่อขึ้นมาจนสุดจะเจอกับโบสถ์ใหญ่ของวัดซึ่งมีความวิจิตรตระการตาเป็นอย่างมาก อีกทั้งภายในยังเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปองค์ใหญ่อีกด้วยนะครับ แต่ภายในจะไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปนะครับ เพราะฉะนั้นก็ขอให้ระวังกันด้วยนะครับ
โดยถัดจากโบสถ์ใหญ่ก็จะเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นความงดงามของทะเลได้อีกด้วยครับ
และสุดท้ายเมื่อลงมาแล้ว ทางด้านซ้ายมือของตัววัดยังมีถ้ำขนาดไม่ใหญ่มาก ซึ่งสมัยก่อนที่วัดแห่งนี้จะใช้เป็นที่สำหรับฝังศพเด็กทารก หรือเด็กที่เสียชีวิตตั้งแต่เด็กๆ ทำให้มีการสร้างรูปปั้นแทนตนสำหรับเด็กๆ ที่เสียชีวิตไป ซึ่งที่ถ้ำแห่งนี้ก็เป็นที่เก็บรูปปั้นแทนตัวเด็กที่กล่าวถึงนั่นเองครับ หากใครมีความสนใจ อย่าลืมเข้าไปชมกันได้นะครับ
ศาลเจ้าซึรุกาโอกะฮะจิมังกู (Tsurugaoka Hachimangu 鶴岡八幡宮)
สำหรับวัดแห่งนี้ ต้องย้อนกลับไปหน่อย เพราะไม่ได้อยู่ที่สถานี Hase แต่อยู่ที่สถานี Kamakura ครับ
จากสถานี ให้ออกทางประตูตะวันออก แล้วคุณจะเจอกับซอยเล็กๆดังรูปอยู่ทางซ้ายมือ หากมองจากสถานี ซึ่งซอยนี้เองเป็นทางผ่านไปยังศาลเจ้าขนาดใหญ่ที่ว่า ซอยนี้ยังเป็นถนนคนเดินที่น่าสนุก
สองข้างทางมีร้านมากมายและคนก็เยอะคึกคักทีเดียว
ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในยุคสมัยคามาคุระเช่นเดียวกันครับ โดยเป็นศาลเจ้าขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างขวาง ไว้ใช้สำหรับประกอบพิธีกรรมต่างๆในสมัยโบราณครับ
จากทางเข้าจะต้องให้เดินเป็นระยะทางพอสมควรเลยล่ะครับ กว่าจะถึงตัวศาลเจ้าจริงๆ
เมื่อเดินเข้ามาจะถึงลานประกอบพิธีหน้าตาแบบนี้ ซึ่งที่นี่เป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีกรรมต่างๆนั่นเองครับ
หากเดินขึ้นบันไดต่อขึ้นมาจะเป็นตัววิหารใหญ่ ซึ่งเป็นที่ของเทพเจ้า ซึ่งเราสามารถสักการะที่นี่ได้เช่นเดียวกันครับ
และหลังจากที่สักการะและชื่นชมความงดงามของศาลเจ้าแห่งนี้แล้ว ที่นี่ยังมีบ่อบัวที่ใหญ่โตและมีปลาแหวกว่ายอยู่มากมายอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปครับ
และเมื่อเที่ยวครบสามวัด ก็น่าจะใช้เวลาไปพอสมควรเลย หากใครมาถึงคามาคุระซักสิบโมง ตอนนี้ก็น่าจะซักบ่ายสามหรือสี่โมงแล้ว เป็นเวลาเหมาะที่จะนั่งรถกลับโยโกฮาม่าหรือโตเกียวหากที่พักอยู่แถวนั้นนะครับ
เป็นยังไงกันบ้างครับ ทั้ง 3 แห่งนี้เป็นเพียงส่วนเดียวของวัดและโบราณสถานที่มีอยู่ในเมืองคามาคุระแห่งนี้ครับ หากใครมีโอกาสมาเยี่ยมเยือนญี่ปุ่น บริเวณใกล้ๆโตเกียว โยโกฮาม่า ชิซุโอกะ และมีเวลามากพอ ก็ขอให้ลองเพิ่มคามาคุระไว้ในแปลนดูนะครับผม