เปิดทำการเมื่อปี 1930 โดยสร้างขึ้นบนซากปรักหักพังจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในคันโต จุดเด่นของสวนคือรูปปั้นต่างๆที่มีอยู่มากมาย อาทิเช่นรูปปั้นเด็กหญิงรองเท้าแดง แผ่นหินจารึกบทเพลง“กะลาสีนางนวล” รูปปั้นเทพพิทักษ์น้ำ น้ำพุอินเดีย และอื่นๆ
ในสวนยังมีต้นไม้นานาพันธุ์ เช่นดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ดอกกุหลาบในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง และต้นแปะก๊วยตามทางเดินในสวนยามาชิตะปลายฤดูใบไม้ร่วง

เรือขนาดใหญ่ที่เคยใช้ในการเดินเรือข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกจนถึงปี 1960 อยู่ในสภาพดี และรอดพ้นจากการถูกทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
โดยเรือลำนี้ได้เข้าจอดที่ท่าเรือโยโกฮาม่าหน้าสวนสาธารณะยามาชิตะเมื่อปี　1961 เพื่อฉลองงานครบรอบ 100 ปีแห่งการเปิดท่าเรือโยโกฮาม่า และยังอยู่มาถึงปัจจุบัน
เรือลำนี้ยังคงรูปลักษณ์อันงดงามตามเดิมไว้ให้สมกับฉายา “ราชินีแห่งแปซิฟิกเหนือ” และพร้อมเปิดให้เข้าชมข้างใน (มีค่าเข้าชม) โดยภายในจะคงการตกแต่งแบบเงเดิมไว้ มีเครื่องเรือนสไตล์ Art Deco ที่อยู่ในสภาพดีและอยู่ในเรือมาตั้งแต่ปี 1930 ทำให้เราสามารถชมบรรยากาศของเรือท่องเที่ยวในอดีตได้

หอคอยแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1961 เพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งการเปิดท่าเรือโยโกฮาม่า มีความสูง 106 เมตร และปรับปรุงภายนอกใหม่เมื่อปี 2009 เปลี่ยนจากสีแดงและขาวเป็นสีเงิน ภายในมีหอชมวิวอยู่ที่ชั้น 29 และ 30 สามารถชมวิวของท่าเรือโยโกฮาม่าได้จากความสูงมากที่สุดถึง 91 เมตร (จากชั้น 30)

นอกจากหอชมทิวทัศน์แล้ว อาคารชั้น 1-4 ก็ยังได้ถูกปรับปรุงจนใหม่เอี่ยมอีกด้วย โดยในอาคารมีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของฝาก ห้องประชุม และสตูดิโอ　เป็นต้น เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่นอกจากจะมีวิวดีๆให้ดูแล้ว ยังมีอะไรๆให้ทำอีกหลายอย่าง

ท่าเรือนานาชาติโอซันบาชิสร้างขึ้นเมื่อปี 2002 เป็นที่นิยมทั้งในฐานะท่าเรือที่ใช้งานได้จริง มีเรือโดยสารเข้ามาเทียบท่าเป็นประจำ และแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอีกด้วย (ขึ้นชื่อในฐานะจุดชมวิวยามค่ำคืน)
ด้านบนอาคารมีดีไซน์ทีร่ไม่เหมือนใคร เป็นดาดฟ้าที่ทำจากไม้และสนามหญ้าผืนใหญ่ซึ่งมีชื่อเล่นว่า “แผ่นหลังของวาฬ” ชั้น 2 มีชื่อเล่นว่า “ท้องของวาฬ” มีโถงผู้โดยสารขาเข้าและขาออก ร้านค้า คาเฟ่ ร้านอาหาร และห้องประชุมอีกด้วย

ที่ย่านคันไนใจกลางเมืองโยโกฮาม่า จะมีสิ่งที่เรียกว่า “สามตึกแห่งโยโกฮาม่า” ซึ่งประกอบด้วยอาคารสำคัญทางประวัติศาสตร์ 3 แห่ง ได้แก่ ศาลากลางจังหวัดคานางาวะ (คิง), สำนักงานศุลกากรโยโกฮาม่า (ควีน) และพิพิธภัณฑ์ที่ระลึกการเปิดท่าเรือโยโกฮาม่า (แจ็ค) โดยแต่ละตึกจะมีส่วนจัดแสดงข้อมูลให้บุคคลทั่วไปได้เข้าชมเป็นบางส่วน และมีตำนานท้องถิ่นกล่าวไว้ว่า หากใครไปชมสถานที่สามแห่ง ที่สามารถมองเห็นตึกทั้งสามตึกได้พร้อมกันแล้วละก็ พรที่ขอไว้จะเป็นจริง

สวนแห่งนี้เป็นสวนแบบญี่ปุ่น เปิดให้สาธารณชนเข้าชมเมื่อปี 1906 สนับสนุนโดยฮาระ ซังเคย์ นักธุรกิจผู้มีชีวิตอยู่ในยุคเมจิถึงโชวะผู้ประสบความสำเร็จในธุรกิจผ้าไหม

โดยพื้นที่ภายในสวนมีความกว้างถึง 18000 ตารางเมตร มีอาคารประวัติศาสตร์ที่ย้ายมาจากเมืองอื่นๆ เช่นเกียวโตและคามาคุระมากถึง 17 อาคารอยู่ในสวน ผู้เยี่ยมชมสามารถชมอาคารเหล่านี้ได้พร้อมกับดอกไม้ป่าในทุกฤดู
โดยมีอาคารที่เป็นสมบัติสำคัญทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น 10 แห่ง และสมบัติทางวัฒนธรรมแห่งเมืองโยโกฮาม่า 3 แห่ง (ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2017)
บางส่วนของอาคารที่เก่าแก่เหล่านี้จะมีการเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้ แต่มักจะมีระยะเวลาจำกัด