แน่นอนว่าภาพสนูปีที่เราคุ้นตาก็เป็นภาพที่เจ้าตัวนอนอาบแดดอยู่บนหลังคาบ้านอย่างสบายใจ แต่สงสัยงานนี้ชาร์ลี บราวน์คงจะลืมปลุก ปล่อยให้สนูปีนอนตากหิมะซะจนขาวโพลนไปทั้งบ้านแล้ว (แต่ยอมรับว่างานนี้ใช้หิมะแทนความขาวของตัวสนูปีได้อย่างดีเยี่ยมและน่ารักมาก)

เจ้าของผลงานสเกลยักษ์ใหญ่ขนาดนี้ คงจะอยากแสดงให้โลกทราบว่าจริงๆ แล้วโทโทโร่ไม่ได้อยู่ในป่า หากแต่อยู่กลางหิมะ และทุกคนสามารถมองเห็นและสัมผัสได้ (อย่าราดด้วยน้ำร้อนเป็นพอ)

ต่างกับบ้านเรา คนญี่ปุ่นเขาจะไม่ค่อยถือเรื่องการนำพระพุทธรูปมาทำแบบนี้ ยิ่งดูตรงส่วนผมสิ ทำแต่ละวงซะเนี๊ยบเลย ท่าจะตั้งใจเป็นพิเศษ มีการขุดโพรงให้สามารถเข้าไปนั่งข้างในได้ แถมยังมีการเปิดไฟเสร็จสรรพ

ไม่ทราบว่าพึ่งไปเหมาการ์ตูนผ่าพิภพไททันมาจากร้านการ์ตูนแล้วนั่งอ่านรวดเดียวจบตอนหิมะตกหนัก จึงได้แรงบันดาลใจออกมาเป็นผลงานนี้หรืออย่างไร แต่เล่นเก็บรายละเอียดกล้ามเนื้อบนหน้าไททันซะเนี๊ยบได้แบบนี้ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างโชกโชนแน่นอน

ท่าทางปั้นปูนจะสะใจไม่พอเพราะขาดความรู้สึกเย็นยะเยือกของหิมะที่กัดกินผิวมือ ศิลปินเจ้าของผลงานนี้จึงก้าวกระโดดจากการปั้นปูนไปสู่วงการปั้นหิมะให้เป็น Venus และกะว่าจะเอาชนะผลงานดั้งเดิมที่อยู่ในพิพิทธภัณฑ์ Louvre ให้ได้ โดยการปรับให้เป็นแบบโมเดิร์นและเติมแต่งกลิ่นอายของความเป็น Hip-Hop เข้าไป

อยู่ๆ วันหนึ่งในสวนสาธารณะ สาวน้อยเวทมนตร์ มาโดกะตัวจริงก็ปรากฏกาย! ที่ว่างข้างๆมาโดกะจังนั้นดูแห้งสนิทและไม่มีหิมะกองอยู่เลย เป็นไปได้ว่าเจ้าของผลงานคงจะนั่งสวีทกับเธออยู่ข้างๆ จนถึงเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี้แน่ๆ

เจ้าของผลงานคงจะเคยตากปลาหมึกเอาไว้หน้าบ้านแล้วลืมเก็บในวันที่พยากรณ์อากาศทรยศ แล้วหิมะตกใส่ จนเก็บมาแค้นฝังใจและสร้างเป็นผลงานปลาหมึกหิมะยักษ์ชิ้นนี้อย่างแน่นอน สังเกตุว่าตรงหนวดทำได้เหมือนจริงมาก

ต้องขอบคุณคืนหิมะตกในในโตเกียวคืนนั้น ที่ทำให้เจ้าหมา Hachiko ประจำสี่แยกชิบุยา ไม่ต้องนั่งเหงารอเจ้าของแต่เพียงเดียวดายอีกต่อไป เพราะนอกจากจะมีคนใจดีเอางอบมาสวมกันหิมะให้แล้ว ยังมีคนใจดีปั้น Hachiko หมายเลข 2 เอาไว้ข้างๆ ให้เป็นเพื่อนคุยอีกด้วย