teamLab Planets พิพิธภัณฑ์ศิลปะ ชมแสงสีเสียง ถ่ายรูปสวย สนุกได้ทุกวัย
teamLab Planets ดิจิทัลอาร์ตมิวเซียมเป็นกิจกรรมอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรพลาดสำหรับทริปโตเกียวในฝัน เพราะนี่คือการแสดงผลงานศิลปะที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครด้วยการผสานการใช้แสงสีเสียงเข้ากับธรรมชาติ ดึงศักยภาพของความงามทั้งสองรูปแบบให้โดดเด่นแต่ยังเป็นหนึ่งเดียวกัน สายถ่ายรูปก็ใช่ สายเสพย์งานศิลป์ก็ชอบ แถมยังเดินทางง่ายมากๆ แค่ 1 นาทีจากสถานี Shin-Toyosu
teamLab Planets, Tokyo มีอะไรบ้างนะ?
กิจกรรมและโซนต่าง ๆ
ในบริเวณของ teamLab Planets ประกอบไปด้วยพื้นที่ดังนี้
1. Public Area ( Arts & Food & Shop) ※ โซนนี้อยู่ด้านนอกอาคารแสดงผลงาน
2. Water Area
3. Garden Area
ซึ่งเมื่อเดินทางมาถึง teamLab Planets แล้ว ก็จะสามารถเข้าชมผลงานและร้านค้าร้านอาหารในพื้นที่ Public Area ได้โดยไม่ต้องใช้ตั๋วเข้าชมเข้าอาคารด้านในค่ะ
แน่นอนเลยว่า อย่างแรกที่ทุกคนต้องสะดุดตาเลยก็คืองานศิลปะดิจิทัลชื่อว่า Universe of Fire Particles Falling from the Sky ที่เป็นเสาต้นใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าทางเข้านั่นเองค่ะ เมื่อเราเข้าไปยืนใกล้ๆ เสานี้จะมีเงาสีดำปรากฎขึ้นมาแบบไร้รูปแบบและรูปร่างของเปลวไฟก็จะเปลี่ยนไป สื่อถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราเสมอ
1. Public Area:พื้นที่ที่ทุกคนเข้าถึงได้
ในบริเวณเดียวกันยังมีโต๊ะกระจกสะท้อนชือว่า Table of Sky and Fire สะท้อนให้เห็นถึงเงาของเสาแห่งไฟ, ผู้คน และท้องฟ้า สื่อถึงความเชื่อมโยงกันอย่างไม่มีจุดสิ้นสุดของมนุษย์และจักรวาล
และยังมีบริเวณ One Stroke Bench ซึ่งเป็นม้านั่งยาวที่เชื่อมโยงกันเป็นหนึ่งเดียว สามารถเป็นอะไรก็ได้ที่อยากให้เป็น ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะสำหรับทานข้าว เก้าอี้สำหรับนั่ง สนามเด็กเล่น หรือพื้นที่สำหรับพักผ่อน
นอกจากนี้ยังมีร้านราเมน (วีแกน) ชื่อว่า Vegan Ramen UZU Tokyo ไว้ให้บริการอาหาร, เครื่องดื่มและขนมสำหรับผู้มาเยี่ยมเยียนด้วยนะคะ นำไปรับประทานที่บริเวณโต๊ะกระจกหรือม้านั่งยาวที่เขียนถึงไปด้านบนก็ได้ด้วยนะ
2. Water Area:พื้นที่ที่รวมงานศิลปะเข้ากับสายน้ำ ตัวตน และสัมผัสทั้งห้า
บริเวณโซนนี้จะเข้าได้หลังจากที่ซื้อตั๋วเข้าชมและผ่านประตูมาแล้ว โดยจะมีบริเวณแสดงผลงานที่ต้องลงไปในน้ำ (สูงประมาณระดับหน้าแข้ง) ดังนั้นผู้ที่ใส่กางเกงขายาวหรือกระโปรงยาว แนะนำให้เตรียมกางเกงขาสั้นไป หรือเช่าที่ teamLab เลยก็ได้ค่ะ (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
2.1 Soft Black Hole:ห้องนุ่มนิ่ม
บริเวณโซนนี้จะเข้าได้หลังจากที่ซื้อตั๋วเข้าชมและผ่านประตูมาแล้ว โดยจะมีบริเวณแสดงผลงานที่ต้องลงไปในน้ำ (สูงประมาณระดับหน้าแข้ง) ดังนั้นผู้ที่ใส่กางเกงขายาวหรือกระโปรงยาว แนะนำให้เตรียมกางเกงขาสั้นไป หรือเช่าที่ teamLab เลยก็ได้ค่ะ (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
ห้องนี้เป็นห้องแรกที่เราได้เจอมีชื่อว่า "Soft Black Hole " เมื่อเลี้ยวเข้าสู่โซน Water Area สัมผัสแรกก็คือความนุ่มนิ่มของพื้นและพื้นที่โดยรอบที่จะเปลี่ยนรูปร่างไปตามน้ำหนักตัวของเราและคนข้างๆ เพราะทุกๆ ย่างก้าวของเราจะส่งผลไปถึงคนอื่นด้วย ผลงานนี้สื่อถึงผลกระทบของผู้คนที่มีต่อกันและกันนั่นเองค่ะ
2.2 Dance of Koi and People:ปลาคาร์ฟและผู้คนที่เริงระบำในสายน้ำแห่งความเป็นอนันต์
"Dance of Koi and People" เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโซนไฮไลท์ของงาน ด้วยเอกลักษณ์ของความเป็น teamLab ที่เล่นแสงสีกับผืนน้ำ ทำให้เกิดผลงานที่สวยงามน่าตื่นตาแถมยังถ่ายรูปออกมาสวยมากๆ ด้วยค่ะ
ในห้องนี้ทุกคนจะต้องเดินไปในน้ำอุ่นที่สูงระดับหน้าแข้ง และทุกย่างก้าวที่เดินไปก็จะมีผลต่อฝูงปลาคาร์ฟที่แหวกว่ายอยู่กลางผืนน้ำ บ้างก็ว่ายหนีไป บ้างก็ว่ายเข้ามาหา ถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่มาเที่ยวมากๆ เลยล่ะค่ะ โดยเฉพาะช่วงที่แอดมินมาชมเป็นช่วงซากุระผลิบาน ในน้ำก็จะมีกลีบซากุระลอยอยู่เยอะแยะเต็มไปหมดด้วยนะ
2.3 Matter is Void- Fire:ห้องลับในธีมไฟ
"Matter is Void- Fire" เป็นห้องเล็กๆ ที่แอบอยู่ในห้องก่อนหน้านี้ เป็นห้องที่เล่นแสงและเงาสะท้อนน้ำของผลงานที่ปรากฎอยู่ในจอ ซึ่งผลงานในหน้าจอจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล แถมงานที่ถูกจัดแสดงยังเป็นชิ้นงาน NFT ที่สามารถซื้อได้ด้วยนะ
※หมายเหตุ:ภายในห้องนี้เค้ามีเก้าอี้ให้นั่ง แต่เนื่องจากเป็นโซนน้ำโปรดใช้ความระมัดระวังด้วยนะคะ
2.4 The Infinite Crystal Universe:ห้องแห่งการสะท้อนทุกทิศทาง
"The Infinite Crystal Universe" ห้องนี้เป็นห้องที่ถูกใจแอดมินมากๆ เพราะแสงสีเสียงตระการตาสุดพลังจริงๆ ด้วยการเล่นเงาสะท้อนจากกระจก แสงสีจากหลอดไฟดวงเล็กๆ นับไม่ถ้วน และเสียงเพลงประกอบที่เปลี่ยนแปลงไปตามการเคลื่อนไหวของผู้คน ทำให้ทุกอย่างในห้องนี้ไม่มีการหยุดนิ่ง แต่เราสามารถเก็บช่วงเวลาที่ประทับใจที่สุดเอาไว้ได้อย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพหรือคลิปวีดีโอด้วยสมาร์ทโฟน หรือกล้องใหญ่ก็ตามค่ะ
ห้องนี้มีพื้นที่ให้ถ่ายภาพเยอะมากๆ แต่ต้องเลือกโยกมุมหลบผู้คนและกะจังหวะตอนช่วงที่แสงไฟสว่างๆ สีอลังการกันเอาหน่อยนะคะ รอบหนึ่งใช้เวลาประมาณสิบนาที ก่อนที่การแสดงจะเริ่มใหม่อีกครั้ง ผลงานนี้ต้องการสื่อว่าทุกความเคลื่อนไหวของเราจะส่งผลต่อทุกสิ่งที่อยู่แวดล้อมตัวเราไปในทุกมิตินั่นเองค่ะ
2.5 Floating in the Falling Universe of Flowers:ลอยละล่องลู่ลมไปกับพายุดอกไม้
ใครที่มาเยือนห้อง "Floating in the Falling Universe of Flowers" นี้แล้วไม่หยุดนั่งลงกับพื้น ปล่อยใจเอนกายไปกับหมู่มวลดอกไม้และความกว้างใหญ่แบบ 360 องศาตรงหน้าแล้วล่ะก็ ถือว่าคุณพลาดแล้ว!!!
แอดมินแนะนำให้ลองวางมือถือลง ผ่อนคลายลมหายใจ เอนตัวลงนั่งหรือนอนราบไปกับพื้น เงยหน้ามองดอกไม้ที่ปลิวไปตามสายลมตรงหน้า ดื่มด่ำกับดนตรีที่พาให้จิตใจผ่อนคลาย แค่นี้เราก็สามารถพาตัวเองออกจากความเร่งรีบของชีวิตประจำวัน แล้วล่องลอยไปกับพายุดอกไม้ที่จะปรากฎขึ้นแบบไม่มีรูปแบบตายตัวแต่จะวนอยู่รอบๆ ตัวเราและพาเราเคลิ้ม (จนเกือบหลับไป) ได้เลยนะ
2.6 Balloon Room:ห้องบอลลูนสลับสี
ห้องนี้ไม่รู้ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ แต่ขอเรียกว่าเป็นห้องบอลลูนสลับสีก็แล้วกัน...เมื่อเข้ามาในห้องนี้ เราจะพบกับลูกโป่งขนาดใหญ่ (มาก) วางอยู่เต็มห้องไปหมด โดยจะมีการสลับสีไปเรื่อยๆ และทุกครั้งที่ผู้คนไปโดน แสงสีที่จะท้อนจากลูกโป่งก็จะเปลี่ยนไป ทำให้เกิดรูปแบบแสงสีใหม่ๆ สะท้อนบนกำแพงและพื้นนั่นเองค่ะ
3. Garden Space:โซนใหม่ ได้สัมผัสกลิ่นอายของธรรมชาติ
แนะนำโซนใหม่ Garden Space บริเวณโซนนี้จะเข้าได้หลังจากที่ซื้อตั๋วเข้าชมและผ่านประตูมาแล้วเช่นกันค่ะ โดยจะมีบริเวณแสดงผลงานที่อยู่กลางแจ้งและอาจมีกลิ่นของดินและต้นไม้ตามธรรมชาติ แนะนำให้มาช่วงเย็นถึงก่อนพระอาทิตย์ตกดิน จะได้แสงที่ถ่ายรูปสวยค่ะ
3.1 Moss Garden of Resonating Microcosms:ห้องน้องไข่และสวนมอส
"Moss Garden of Resonating Microcosms" เป็นโซนจัดแสดงที่เพิ่มมาใหม่เมื่อสองปีที่ผ่านมาค่ะ หลายคนมักจะเรียกกันเล่นๆ ว่าโซนไข่เอเลี่ยน โดยผลงานจะมีการเล่นแสงที่แตกต่างกันในตอนกลางวันและตอนกลางคืน ทำให้เราได้ภาพทุ่งน้องไข่ที่ไม่ซ้ำกัน (เป็นการเชิญชวนให้มาอีกรอบนั่นเอง)
รอบนี้ทีมแอดมินได้มาตอนหลังพระอาทิตย์ตกไปแล้ว ก็จะได้ภาพที่มีความเป็นกาแล็กซี่และอวกาศหน่อย แถมด้วยน้องไข่ที่จะเรืองแสงในเวลากลางคืน ยิ่งมีเงาสะท้อนในกระจกทำให้ดูกว้างอลังการมากๆ เลยล่ะค่ะ
เคล็ดลับ : ถ้าใส่ชุดสีขาวมาก็จะทำให้ถ่ายภาพได้สวยขึ้น แต่ถ้าชุดสีดำล่ะก็อาจโดนกลืนหายไปกับเงาได้
※ หมายเหตุ:ในกรณีที่ฝนตกหนักหรือมีพายุ จะปิดทำการแสดงในโซนนี้
3.2 Floating Flower Garden:ห้องที่ผู้คนและดอกไม้มาจากจุดกำเนิดเดียวกันและรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
มาถึงแล้ว!! ห้องที่อยากมาที่สุดของวันนี้ เพราะเห็นรูปในโปสเตอร์โฆษณาที่ดูยิ่งใหญ่อลังการดาวล้านดวงมากกกก และเมื่อถ่ายรูปออกมาก็ได้ภาพที่สวยอลังการสมใจปรารถนาจริงๆ ค่ะ!!
"Floating Flower Garden" เป็นผลงานศิลปะที่อบอวลและแวดล้อมไปด้วยหมู่มวลดอกกล้วยไม้นานาสายพันธ์ุที่ถูกแขวนประดับไว้ตามตำแหน่งที่พิจารณามาอย่างพิถีพิถันแล้วว่าเมื่อเข้ากล้องแล้วจะออกมาเป็นผลงานที่ดีเลิศ เมื่อก้าวเข้ามาในห้องแล้ว เราจะได้กลิ่นหอมของดอกไม้และเพลิดเพลินไปกับสีสันพร้อมกับเงาสะท้อนแบบสามมิติที่ทำให้เราถูกหลอมรวมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโลกกล้วยไม้แห่งนี้
ห้องนี้ถ่ายรูปสนุกมากค่ะ เราสามารถจะนั่ง เดิน ยืน หรือนอนก็ได้ ถ่ายภาพเดี่ยวก็สวย ภาพกลุ่มก็สวย หรือใครที่มาคนเดียวจะเซลฟี่ก็ยังสวยเลยค่ะ ถ้าจะมีสิ่งที่เสียดายก็คงจะมีเพียงอย่างเดียวคือ วันที่เราไปอากาศร้อนไปหน่อย ทำให้ดอกไม้ค่อนข้างเหี่ยวไปบ้าง แต่ยังถ่ายรูปออกมาสวยมากอยู่ดีนะ
วิธีการเดินทาง
เดินทางง่ายที่สุดโดยรถไฟมี 2 เส้นทาง ดังต่อไปนี้
- ขึ้นรถโมโนเรลสาย Yurikamome Line (สายเดียวกับที่ใช้เดินทางไปโอไดบะ) และลงที่สถานี Shin-Toyosu Station จากนั้นเดิน 1 นาที
หรือเลือกลงที่สถานี Shijoumae Station and Toyosu Market แล้วเดิน 5 นาที
- ขึ้นรถไฟสาย Tokyo Metro Yurakucho Line และลงที่สถานี Toyosu Station จากนั้นเดิน 10 นาที
รายละเอียดอื่นๆ ดูเพิ่มเติมได้ที่ teamLab Planets Website (ภาษาอังกฤษ)
ราคาค่าเข้าชม และเวลาทำการ
เมื่อซื้อบัตรแล้วจะได้รับเป็นอีเมลพร้อมลิงก์ เมื่อต้องการจะเข้าชมก็ให้เปิดหน้าจอมือถือแล้วแสดง QR Code ให้กับเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ
ค่าเข้าชม
・ผู้ใหญ่ (อายุ 18 ปีขึ้นไป) 3,200 เยน / 3,500 เยน*
・มัธยม 2,000 เยน / 2,300 เยน*
・เด็ก (อายุ 4-12 ปี) 1,000 เยน / 1,300 เยน*
・เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ฟรี
・ผู้พิการ 1,600 เยน / 1,900 เยน*
※ ราคา * คือราคาสำหรับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
เว็บไซต์สำหรับซื้อตั๋วเข้าชม (ภาษาอังกฤษ)
เวลาทำการ
[เมษายน - มิถุนายน]
9:00 - 21:00 น.
※ มีการขยายระยะเวลาในการเข้าชมดังนี้ :
9:00 - 22:00 น.
ในวันที่ 1-2 เมษายน และวันที่ 29 เมษายน - 7 พฤษภาคม
※ ประตูทางเข้าจะปิดก่อนเวลาปิดทำการหนึ่งชั่วโมง
※ อาจใช้เวลาในการรอเข้าชม 30 - 90 นาทีบริเวณด้านหน้าอาคาร
บทส่งท้าย
พิพิธภัณฑ์ศิลปะ teamLab Planets แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่หากใครได้มาเยือนโตเกียวแล้วไม่ควรพลาดเลยค่ะ เพราะสามารถสนุกได้ทุกเพศและทุกวัยเลยจริงๆ โดยเฉพาะใครที่ชอบถ่ายรูปหรือเสพย์งานศิลป์ล่ะก็ต้องชอบอย่างแน่นอน ที่สำคัญอย่าลืมเผื่อเวลาไว้ด้วยนะคะ เพราะสถานที่ค่อนข้างใหญ่อาจใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมงในการทัวร์ให้ครบเลยล่ะ ไว้พบกันใหม่กับบทความถัดไปนะคะ