ว่ากันว่า หากมาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งใด การได้มาชมภูเขาไฟฟูจิก็เหมือนกับการฮีลใจให้มีพลังในการก้าวไปข้างหน้า และหนึ่งในจังหวัดที่ชมภูเขาไฟฟูจิได้สวยงามติดอันดับของประเทศญี่ปุ่นก็คือ จังหวัดชิสึโอกะ (Shizuoka) นั่นเองค่ะ

ในจังหวัดชิสึโอกะมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมาย และในวันนี้เราขอนำเสนอจุดชมวิวแห่งใหม่ ชื่อว่า จุคโคคุ โทเกะ (Jukkoku Toge) หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า จุคโคคุพาส (Jukkoku Pass) ซึ่งตั้งอยู่บนความสูงถึง 770 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และอยู่ระหว่างชายขอบเมืองอาตามิ (Atami) และเมืองคังนามิ (Kannami) จังหวัดชิสึโอกะ

และด้วยความสูงระดับนี้ ทำให้เราสามารถมองเห็นวิวเมืองและภูเขาได้ในระดับ 360 องศา รวมถึงเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ทั้งลูก ยาวไปจนถึงหอคอยที่เป็นอีกสัญลักษณ์ของกรุงโตเกียวอย่าง โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) ได้อีกด้วย (เฉพาะในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสนะคะ)

หากขับรถมาบนถนนทางหลวงที่เชื่อมต่อระหว่างทางไปเมืองฮาโกเน่ (Hakone) และอิสุ (Izu) จะเจอกับอาคารสถานีเคเบิลคาร์ (Cable Car) ชื่อว่า จุคโคคุ โทเกะ โนโบริกุจิ (Jukkoku Toge Noboriguchi Station) ซึ่งเคเบิลคาร์ก็จะพาเราไปยังจุดชมวิว Jukkoku Toge ดังกล่าว โดยรถเคเบิ้ลจะออกทุก ๆ 15 นาที

เวลาทำการ : 8:50 - 16:50 น.
ค่าโดยสาร :
ผู้ใหญ่ 720 เยน (ไป-กลับ) และ 360 เยน (เที่ยวเดียว)
เด็ก (ต่ำกว่าชั้นประถม) 360 เยน (ไป-กลับ) และ 180 เยน (เที่ยวเดียว)
สัตว์เลี้ยง 200 เยน (ไป-กลับ) และ 100 เยน (เที่ยวเดียว)

เมื่อขึ้นเคเบิลคาร์มาแล้ว เราจะใช้เวลาทั้งหมดราว 3 นาทีจากสถานีด้านล่างจนถึงจุดชมวิวบนยอดเขา และเมื่อออกมาบริเวณลานกว้างด้านบนแล้วนั้น ก็จะได้พบกับวิวภูเขาไฟฟูจิที่คอยต้อนรับเราอยู่อย่างเต็ม ๆ ตาด้วยล่ะ นอกจากนี้ในวันที่ฟ้าแจ่มใสและอากาศดียังจะได้เห็นไปถึงชายฝั่งซุรุกะ คาบสมุทรอิสุ (Suruga, Izu Peninsula) และชายฝั่งซากามิ (Sagami) ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของท้องทะเลอีกด้วย

แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือ ที่จุดชมวิวแห่งนี้สามารถพาสัตว์เลี้ยงของเราขึ้นมาวิ่งเล่นได้ด้วยนะ! โดยพาขึ้นเคเบิลคาร์มาด้วยกันได้เลย (หมายเหตุ：มีข้อแม้ว่าจะต้องฉีดวัคซีนป้องกันเห็บหมัดและวัคซีนต่าง ๆ ที่จำเป็นให้ครบแล้ว)

ส่วนใครที่เป็นสายดอกไม้ หากมาเที่ยวช่วงเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคมก็สามารถมองเห็นดอกไฮเดรนเยีย หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าดอกอะจิไซ (Ajisai) ที่เรียงรายอยู่สองข้างทางระหว่างที่ขึ้นรถเคเบิลคาร์มาได้ด้วยนะ สวยสุด ๆ ไปเลยล่ะ

หลังจากเต็มอิ่มกับวิวบนยอดเขาแล้ว บริเวณอาคารสถานีด้านล่างยังมีโซนร้านอาหารและร้านจำหน่ายสินค้าที่มีเฉพาะใน Jukkoku Toge ให้ช้อปปิ้งติดไม้ติดมือกันสักหน่อยด้วยนะคะ

ในส่วนของโซน Rest House นั้นเป็นร้านอาหารและโซนพักผ่อนตามอัธยาศัย มีโต๊ะและเก้าอี้ไว้รองรับพร้อมวิวหน้าต่างแบบพาโนรามา (Panorama) โดยอาหารประเภทโซบะ อุด้ง รวมไปถึงเทมปุระ ทงคัทสึ และแกงกะหรี่แบบญี่ปุ่น จะมีบริการสำหรับรับประทานในร้าน ส่วนประเภทแฮมเบอร์เกอร์ ยากิโซบะหรือของหวานอย่างซอฟครีมที่ถือได้ง่าย เราสามารถสั่งแบบ Take Out นำขึ้นไปทานด้านบนจุดชมวิวได้ด้วยนะ

และสินค้าที่หาได้เฉพาะที่นี่ก็คือ เจลลี่ Toge no Mizu (峠の水ゼリー) และน้ำดื่ม Jukkoku Toge Oishii (十国峠のおいしい水) ที่ผลิตจากน้ำแร่ธรรมชาติจาก Jukkoku Toge นั่นเองค่ะ

เวลาทำการร้านอาหาร : 10：30 - 15：30 น.
เวลาทำการร้านค้าทั่วไป : 8：40 - 17：00 น.

※ สำหรับรายละเอียดของ Jukkokutoge Cable Car และ Rest House สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ https://www.jukkoku-cable.jp/ (ภาษาญี่ปุ่น)

การเดินทางมาโดยรถไฟ :
จากสถานี JR Atami ให้ขึ้นรถบัส Izuhakone Bus มาลงที่ป้าย Jukkokutoge Cable Car Rest House (十国峠ケーブルカー・レストハウス) ใช้เวลาประมาณ 40 นาที

สำหรับสายท่องเที่ยวธรรมชาติและรักการปีนเขา ที่ Jukkoku Toge มีคอร์สปีนเขา (Hiking) สั้น ๆ ให้ได้เดินเพลิดเพลินกับภูเขา ต้นไม้ใบหญ้าที่สวยงามในโซนฮาโกเน่และอิสุแห่งนี้ด้วยนะคะ

โดยคอร์สระยะสั้นที่สุดจะเป็น HIKING COURSES 01 ระยะทางประมาณ 4.5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมง 30 นาที ส่วนคอร์สระยะยาวที่สุดจะเป็น HIKING COURSES 03 ระยะทางประมาณ 10.5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาที

รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้จาก ที่นี่ (ภาษาญี่ปุ่น)

จากจุดชมวิวสุดชิลล์บนเคเบิลคาร์ เราขอพามาสัมผัสวิวภูเขาไฟฟูจิจากฝั่งจังหวัดยามานาชิ (Yamanashi) กันบ้าง

เมื่อต้นปี 2022 FujiQ Highland ได้ทำการเปิดตัวจุดชมวิวใหม่ชื่อว่า Fujiyama Observation Deck ไปแล้ว คราวนี้ถึงตาเครื่องเล่นน้องใหม่ล่าสุดอย่าง Fujiyama Slider ที่จะพาลื่นสไลด์ไหลลงจากความสูง 55 เมตร ภายใน 20 วินาที เอาให้ตื่นเต้นหวาดเสียวไม่เสียชื่อสวนสนุกฟูจิคิวกันไปเลยค่ะ ที่สำคัญเครื่องเล่นนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 22 กรกฎาคม ปี 2022 ที่ผ่านมานี่เอง!

สำหรับคนที่อยากเล่นสไลด์เดอร์นี้ จะต้องฝากสัมภาระทั้งหมด รวมถึงต้องถอดเครื่องประดับต่าง ๆ เก็บไว้ในตู้ล็อกเกอร์ที่ทางสวนสนุกจัดเตรียมไว้ให้ก่อนนะคะ ถ้าใครอยากได้รูปถ่ายที่ระลึกก็ไม่ต้องห่วงเพราะด้านบนมีเจ้าหน้าที่คอยถ่ายรูปให้อยู่ค่ะ

จากนั้นให้ต่อคิวขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นบนสุด ชื่นชมคุณปู่ฟูจิ ณ จุดสูงสุดของหอคอยฟูจิยามะ (Fujiyama) นี้แบบเต็ม ๆ ตา (รับรองว่าตอนเล่นรถไฟเหาะจะไม่ได้ดื่มด่ำขนาดนี้แน่นอน) ใช้เวลาเดินเล่นบนระเบียงชมวิวเมืองและสวนสนุกฟูจิคิวให้สาแก่ใจ และเมื่อถึงเวลาก็ไปต่อคิวเตรียมลื่นสไลเดอร์กันได้เลย!

ก่อนเริ่มเล่น เจ้าหน้าที่จะอธิบายข้อควรระวังและวิธีการเล่นสไลเดอร์ที่ถูกต้องและปลอดภัยให้ฟัง สิ่งที่น่าทึ่งว่าคนญี่ปุ่นเขาช่างใส่ใจทุกรายละเอียดอีกจุดหนึ่งก็คือ การมีเบาะรองกันกระแทกอีกชั้นหนึ่งระหว่างที่ลื่นลงไปค่ะ เออ ดีเนอะ จะได้ไม่เจ็บก้น

เอาล่ะ! ถ้าพร้อมแล้ว รอบหน้ามาลุยกันเลยนะคะ รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน! (สำหรับใครที่ไม่ถนัดเครื่องเล่นหวาดเสียวก็สามารถขึ้นมาชมวิวเฉย ๆ ก็ได้นะ ถ้าวันไหนอากาศดี ๆ รับรองว่าจะได้วิวสวย ๆ แบบในรูปนี้เลย)

สำหรับรายละเอียดของ Fujiyama - King of Coasters slider
ราคา : 800 - 1,200 เยน ขึ้นกับช่วงเวลา (ถ้ามีตั๋ว 1-day Pass สวนสนุกฟูจิคิวจะคิดราคาเครื่องเล่นนี้เพียง 50% คุ้มสุด ๆ ไปเลยค่ะ)
เวลาทำการ : เวลาเดียวกับเวลาทำการของสวนสนุก FujiQ Highland

※ ข้อควรระวัง : ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ หรือความดันโลหิตสูง และสตรีมีครรภ์

สามารถดูรายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์
https://www.fujiq.jp/en/attraction/fujiyama_slider.html (ภาษาอังกฤษ)

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง：
・10 สวนสนุกในญี่ปุ่นที่ต้องไปเยือนสักครั้ง
・รวมจุดชมวิวภูเขาฟูจิอันแปลกใหม่
・10 จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่ต้องไปเยือนสักครั้ง
・4 สุดยอดจุดชมวิว "ฟูจิเหนือน้ำ"

ผู้เขียน: Kotobuki Jaa ญี่ปุ่นอยู่ได้
Japan Travel Photographer & Blogger
จับพลัดจับผลูมาอยู่ญี่ปุ่น + ชอบตะลอนเที่ยวไปเรื่อยๆ เลยหยิบกล้องมาชวนไปอัพเดทญี่ปุ่นกันค่ะ!