พาลูกเที่ยวแบบคนญี่ปุ่น! ตอน : เที่ยวพิพิธภัณฑ์และห้องสมุดญี่ปุ่น

แม่บ้านได้รับคำถามจากเพื่อนที่ไทยอยู่ตลอดว่า "มีแพลนจะมาญี่ปุ่นกับครอบครัว พาลูกไปเที่ยวที่ไหนดี?" เรามักจะวางแผนสถานที่ที่เราอยากไป แต่สถานที่ท่องเที่ยวของเด็กมักจะวนเวียนอยู่ไม่กี่ที่ แต่รู้มั้ยว่ากิจกรรมสำหรับเด็กในญี่ปุ่นมันเยอะมว๊ากกก แม่บ้านเลยอยากจะมาแนะนำไกด์ไอเดียพาลูกไปเที่ยวญี่ปุ่นกันค่ะ
By แม่บ้านเมกุโระแนวทางของบทความ
บทความชุดนี้ แม่บ้านจะแนะนำคีย์เวิร์ดภาษาญี่ปุ่นสำหรับให้ผู้อ่านได้ทดลองค้นหาสถานที่ด้วยตนเอง และในแต่ละหัวข้อแม่บ้านจะแนะนำ 3 สถานที่ที่น่าสนใจเป็นตัวอย่างค่ะ ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านกันค่ะ!
พิพิธภัณฑ์ (美術館)

พิพิธภัณฑ์ในประเทศญี่ปุ่นเป็นแหล่งเรียนรู้ชั้นดีสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ไปพิพิธภัณฑ์กัน เพราะมีการนำเสนอความรู้ในรูปแบบที่น่าสนใจมากกว่าในห้องเรียน ที่สำคัญค่าเข้าไม่แพง บางที่เด็กก็เข้าฟรีเลยค่ะ จากการสำรวจในปี 2018 ประเทศญี่ปุ่นมีพิพิธภัณฑ์ทั้งหมด 5,738 แห่ง ซึ่งถือว่าเยอะมากเมื่อเที่ยบกับประเทศไทยที่มีพิพิธภัณฑ์หลักร้อย แต่ละพิพิธภัณฑ์ก็มีธีมหลักที่แตกต่างกันไป เราสามารถเลือกธีมหรือหัวข้อที่ลูกชอบหรือสนใจได้อีกด้วยค่ะ
※ คีย์เวิร์ดในการค้นหา:พิพิธภัณฑ์สำหรับเด็ก = 子供のための博物館
1.1 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Aquarium)
พิพิธภัณฑ์ที่ครอบครัวของแม่บ้านชอบไปมากที่สุดในช่วงนี้เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Aquarium) ค่ะ มันสวยงาม ผ่อนคลาย มองดูแล้วจิตใจสงบ เด็ก ๆ ได้เห็นสัตว์น้ำที่เขาไม่ค่อยคุ้นชินนัก ประเทศญี่ปุ่นมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเยอะมากเพราะประเทศญี่ปุ่นสามารถผลิตและส่งออกกระจกที่สามารถกันแรงดันน้ำสูงได้ไปทั่วโลกค่ะ จึงไม่น่าแปลกใจที่ประเทศญี่ปุ่นมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำดีไซน์โดดเด่นเยอะมาก ไปดูสัตว์น้ำพร้อมได้ดูสถาปัตยกรรมเพลิน ๆ เลยค่ะ
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแนะนำ:
Okinawa Churaumi Aquarium (沖縄美ら海水族館) จังหวัดโอกินาว่า (Okinawa)
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ได้รับอันดับ 1 จากการจัดอันดับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำยอดเยี่ยมของญี่ปุ่นในปี 2022 ค่ะ และยังเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ได้รับการจัดอันดับ 1 ของโลก! พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ที่จังหวัด Okinawa ซึ่งเป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องทะเลปละประการังสวยมาก แม่บ้านอยากไปดำน้ำสักครั้งจังค่ะ เคยเกือบจะได้ไปแล้วแต่โควิดดันมาซะก่อน มุงื้อ!
ไฮไลท์คือตู้ปลาขนาดใหญ่ Kuroshio Sea ที่มีขนาด 7,500 ลูกบาศก์เมตร ตัวอาคารมีทั้งหมด 4 ชั้น จัดแสดงสัตว์ทั้งน้ำทั่วโลกและสัตว์น้ำท้องถิ่น มาชมทะเล Okinawa และความมหัศจรรย์ใต้ท้องทะเลกันนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง:
・สนุกไปกับการเที่ยวโอกินาว่า 5 สไตล์ในฤดูร้อน
・รวมที่เที่ยวเด่นของคนไป "โอกินาว่า" ครั้งแรก
・5 ชายหาดสวยงามน่าไปเยือนบนเกาะโอกินาว่า
1.2 พิพิธภัณฑ์รถไฟ (The Railway Museum)
ประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้นำของโลกในการผลิตรถไฟความเร็วสูงอย่างชินคังเซ็น ถ้าเด็กไทยคลั่งสปอร์ตคาร์ เด็กญี่ปุ่นคลั่งรถไฟค่ะ แม่บ้านเจอพิพิธภัณฑ์รถไฟเยอะมาก เอาจริงคิดว่าไปจังหวัดไหนก็เจอค่ะ มีทั้งพิพิธภัณฑ์รถไฟไอน้ำ พิพิธภัณฑ์รถไฟโรมานซ์คาร์ (รถไฟสำหรับท่องเที่ยวและชมวิวชื่อดังของ Hakone) และพิพิธภัณฑ์รถไฟชินคังเซ็นรุ่นล่าสุดอย่าง Linear พิพิธภัณฑ์รถไฟท้องถิ่นในเมืองต่าง ๆ มีเพื่อแสดงความเป็นมาและประวัติศาสตร์ให้เด็กรุ่นหลังได้เรียนรู้ค่ะ
พิพิธภัณฑ์รถไฟแนะนำ:
The Railway Museum (鉄道博物館) จังหวัดไซตามะ (Saitama)
พิพิธภัณฑ์รถไฟรถไฟสุดโปรดของคุณลูกที่มาทุกปี ปีนึงไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง เพราะที่นี่เขาเอาหัวรถไฟของจริงในแต่ละยุคสมัยมาวางไว้ในให้เราได้จับ สัมผัส คุณลูกวิ่งหายทุกครั้งที่ได้มาค่ะ
คุณจะเห็นรถไฟตู้นอนต้นแบบซึ่งคล้ายกับของไทยที่เรากำลังมีให้บริการอยู่ตอนนี้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ใช่ค่ะ ประเทศญี่ปุ่นเขาเอารถไฟตู้นอนเข้าพิพิธภัณฑ์แล้วค่ะคุณ บ้านเรายังคงใช้กันอยู่ค่ะ ฮาาา สามีบอกเคยนั่งครั้งนึงสมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยม ซึ่งนั่นมัน 40 กว่าปีที่แล้วค่ะคู้
ณ และหลังจากนั้นก็ไม่เคยนั่งอีกเลย เพราะมีรถไฟชินคังเซ็นทำให้เดินทางภายในประเทศญี่ปุ่นเป็นเรื่องง่าย Hokkaido ก็แค่ปากซอยค่ะ!
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีหัวรถไฟตั้งแต่รถไฟไอน้ำ รถไฟชินคังเซ็นรุ่นแรกที่ผลิตมา 50 กว่าปีที่แล้ว รวมถึงรถไฟที่ราชวงศ์ญี่ปุ่นใช้ในการเดินทางค่ะ ภายในอาคารมีกิจกรรมมากมายอย่าง Simulator ให้เราได้ทดลองขับรถไฟรุ่นต่าง ๆ Railway Diorama ที่ชมกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ นั่งมินิชินคังเซ็นเป็นวงกลม ชั้นบนสุดมีพื้นที่ให้เราได้นั่งพักดูรถไฟวิ่งไปมา ถ้าไปถูกเวลาเราจะได้เห็น Train Suite Shiki-shima ของ JR East ซึ่งเป็นตู้รถไฟนอนสุดหรู เดินทางจากโตเกียวไปยังฮอกไกโด ค่าโดยสารต่ำสุดคือ 3 แสนบาทค่ะ รถไฟในฝันของแม่บ้านเลยค่ะ คือฝันไปก่อน ไม่รู้ชาตินี้จะมีปัญญาได้นั่งมั้ยนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง:
・5 รถไฟท่องเที่ยวสุดพิเศษใน “คันโต”
・นากาโนะ แหล่งรวมตัวของผู้ชื่นชอบโมเดลรถไฟ
1.3 พิพิธภัณฑ์การ์ตูน (The Cartoon Museum)
พิพิธภัณฑ์อีกประเภทหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะเด็ก ๆ (ที่จริงคนที่คลั่งไคล้น่าจะเป็นรุ่นพ่อแม่) นั่นคือ พิพิธภัณฑ์การ์ตูนค่ะ
พิพิธภัณฑ์การ์ตูนหรือพิพิธภัณฑ์นักวาดการ์ตูนผู้โด่งดังที่ได้สร้างผลงานจนเป็นที่ประจักรระดับตำนานในญี่ปุ่นมักจะมีพิพิธภัณฑ์เป็นของตนเองค่ะ อย่างสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) ผู้สร้างสรรค์เอนิเมชั่นชื่อดังที่รู้จักกันไปทั่วโลกอย่าง Tonari no Totoro
พิพิธภัณฑ์การ์ตูนของต่างประเทศที่ดัง ๆ ก็มาเปิดในญี่ปุ่นเช่นกันนะคะ อย่างพิพิธภัณฑ์สนูปปี้ (Snoopy Museum) หรือพิพิธภัณฑ์มูมิน (Moomin Museum) ซึ่งจัดแสดงผลงานที่สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ ได้ค่ะ
พิพิธภัณฑ์การ์ตูนแนะนำ:
Fujiko Museum (川崎市 藤子・F・不二雄ミュージアム) จังหวัดคานากาว่า (Kanagawa)
พิพิธภัณฑ์สำหรับแฟน ๆ โดราเอมอน คุณจะได้รับประสบการณ์สุดเพลิดเพลินไปกับความฝัน ความมหัศจรรย์ และจิตวิญญาณขี้เล่นของอาจารย์ Fujiko เราจะได้เห็นขั้นตอนเบื้องหลังการทำงานของอาจารย์ และพิเศษสุด ๆ คือการได้เห็นต้นฉบับของจริงค่ะ
ตัวอาคารถูกออกแบบมาอย่างดี มีการใช้พื้นที่ที่น่าสนใจ มีมุมถ่ายรูปมากมาย ภายในมีคาเฟ่ โซนขายขนม โซนขายของที่ระลึก ไฮไลท์คือโรงภาพยนต์ขนาดเล็ก สำหรับคนที่ไม่เคยมาจะมีเซอร์ไพรซ์เล็ก ๆ ให้หื้มมม ได้หรอ? โซนหนังสือการ์ตูนที่มีการรวบรวมการ์ตูนโดราเอมอนภาษาต่าง ๆ แม่บ้านเจอเวอร์ชั่นภาษาไทยด้วยค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง:
・6 คาเฟ่คาแรคเตอร์ ที่แฟนๆ ไม่ควรพลาด
・10 คาเฟ่การ์ตูนดัง
・รวมข้อมูลเที่ยวจังหวัดคานากาว่า (Kanagawa)
1.4 พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ (The National Museum of Japanese History)
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์มากมาย และสิ่งที่ทำให้ญี่ปุ่นสามารถศึกษารากเหง้าของตนเองได้อย่างละเอียดเพราะมีการจดบันทึกและเก็บหลักฐานทางประวัติศาสตร์เอาไว้มาก ซึ่งต่างจากไทยที่เน้นการส่งต่อโดยการจดจำมากกว่าการจดบันทึก (ไม่อย่างนั้นเราคงมีตำราอาหารเก่าเป็นร้อยเป็นพันเล่มล้าววว) ด้วยการที่รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งแต่สมัย Edo มองการณ์ไกล ส่งเสริมให้คนญี่ปุ่นอ่านเขียนภาษาญี่ปุ่นออก เพราะรัฐมีแนวคิดว่าการที่ประชาชนรู้หนังสือจะทำให้จัดระเบียบทางสังคมได้ง่าย ประชากรของญี่ปุ่นจึงสามารถอ่านออกเขียนได้ตั้งแต่ในสมัยอดีต และปัจจุบันเปอร์เซ็นต์ของคนญี่ปุ่นที่อ่านออกเขียนได้คือ 99%
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นมักจะตั้งพิพิธภัณฑ์ในพื้นที่ในประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริง เช่น พิพิธภัณฑ์ Shinjuku Historical Museum ที่ยังมีการจัดแสดงท่อลำเลียงน้ำของจริง ที่แสดงให้เห็นถึงระบบชลประทานที่ก้าวหน้าในสมัยนั้น ทำให้เรายังคงเห็นอารยธรรมในสมัยก่อนที่หลงเหลือมาถึงปัจจุบัน
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แนะนำ:
Hiroshima Peace Memorial Museum (広島平和記念資料館) จังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima)
อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่แม่บ้านสัญญาไว้กับตัวเองว่าถ้าได้ไปฮิโรชิม่าจะไม่พลาดที่นี่ค่ะ อย่างที่เราทราบกันดีว่าเมืองฮิโรชิม่าถูกบอมบ์ด้วยระเบิดปรมาณู พิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงสิ่งที่หลงเหลือจากการทิ้งระเบิดปรมาณู เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของโลก ถ่ายทอดความอันตรายของอาวุธนิวเคลียร์ผ่านสิ่งของที่เก็บกู้มาได้และภาพงานศิลปะ
พิพิธภัณฑ์ได้เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1955 เพื่อส่งเสริมสันติภาพ โดยหวังว่าประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอยเดิม แม้ว่าพิพิธภัณฑ์จะเน้นในเรื่องของผลกระทบจากระเบิดปรมาณู แต่ก็ให้แรงบันดาลใจในการรักษาและเสริมสร้างสันติภาพให้กับโลกใบนี้เช่นกันค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง:
・รวมที่เที่ยวเด่นของคนไป "ฮิโรชิม่า" ครั้งแรก
・เที่ยวบนเส้นทางรถไฟ Hiroshima Electric Railway
・แนะนำ 10 ที่เที่ยวฟรีในฮิโรชิม่า (Hiroshima)
・10 ที่เที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนฮิโรชิม่า
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แนะนำ
Edo Tokyo Museum (江戸東京博物館) จังหวัดโตเกียว (Tokyo)
ปัจจุบัน Edo Museum ได้ทำการปิดปรับปรุงครั้งใหญ่ เนื่องจากเปิดทำการมาเกือบ 30 ปี ภายในพิพิธภัณฑ์มีพื้นที่ประมาณ 9,000 ตารางเมตร โดยมีกำหนดการปิดปรับปรุงจนถึงปี 2025 เป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่แม่บ้านชอบมาก ได้ย้อนเวลาสู่ยุค Edo เมื่อเข้ามาข้างในจะพบกับสะพานไม้ขนาดใหญ่ที่จำลองมาจากนิฮมบาชิ (Nihonbashi) ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการคมนาคมสมัยเอโดะ
ได้ทดลองสัมผัสประสบการณ์สมัยเอโดะอย่างการทดลองนั่งเกี้ยวของไดเมียวไซซ์เท่าของจริง หรือลองยกหาบเร่ที่พ่อค้าแม่ค้าขนของไปขายว่าเราจะไหวมั้ยนะ? และอีกกิจกรรมมากมายที่จะทำให้เราเข้าใจถึงยุคสมัยของ Edo ได้ดีมากขึ้นค่ะ
สำหรับคนที่คิดถึง Edo Museum หรืออยากชมภายในพิพิธภัณฑ์โดยโดรน รับชมได้ที่นี่ค่ะ
1.5 พิพิธภัณฑ์ศิลปะ (Art Museum)
เบื่อในร่มแล้ว อยากออกกลางแจ้งบ้าง ประเทศญี่ปุ่นมีกิจกรรมกลางแจ้งที่หลากหลายมากเพราะสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดทั้งปี ซึ่งต่างจากไทยที่มี 3 ฤดูคือฤดูร้อน ฤดูร้อนมาก และฤดูร้อนชิหัย ดังนั้นการได้สัมผัสบรรยากาศข้างนอกของฤดูที่เปลี่ยนไปก็จะให้ความรู้สึกหรือประสบการณ์ที่เปลี่ยนไปเช่นเดียวกันค่ะ
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแนะนำ:
The Hakone Open-Air Museum (彫刻の森美術館) เมืองฮาโกเน่ (Hakone) จังหวัดคานากาว่า (Kanagawa)
เสพงานอาร์ตและเล่นไปด้วยกันเกิดขึ้นที่นี่ค่ะ งานศิลปะหลายครั้งก็น่าเบื่อเกินไปสำหรับเด็กแต่ไม่ใช่สำหรับพิพิธภัณฑ์ในฮาโกเน่ค่ะ ที่นี่เป็นพื้นที่กว้างให้เด็ก ๆ ได้ปลดปล่อยพลังไปพร้อมกับการเพลิดเพลินงานศิลปะที่ถูกจัดวางตามจุดต่าง ๆ มากมายให้เด็กได้ค้นหา
สิ่งที่แนะนำสุด ๆ คือไม่แวะไม่ได้คืออาคาร Picasso (異形のピカソ) เป็นการนำผลงานของ Picasso มาจัดแสดงถึง 17 ชิ้นด้วยกัน และอีกไฮไลท์คือ Woods of Net (ネットの森) เป็นงานศิลปะทำมือรูปเปลญวนสีสันสดใสขนาดใหญ่มากที่เด็ก ๆ สามารถเข้าไปเล่นได้ เข้าไปแล้วไม่ยอมออกมาเลยค่ะ
ห้องสมุด (図書館)

แม่บ้านเป็นคนที่ชอบขลุกตัวอยู่ในห้องสมุดตั้งแต่เด็ก เพราะแอร์เย็น มีการ์ตูนให้อ่าน เคยเป็นบรรณารักษ์อาสาช่วงม.ปลาย เพราะไม่อยากไปยืนตากแดดฟังครูพูด จัดหนังสือในห้องสมุดเย็น ๆ สบาย ๆ ดีกว่า
พอย้ายมาอยู่ญี่ปุ่น สถานที่แรก ๆ ที่มาสำรวจก็คือห้องสมุดใกล้บ้าน และก็ทำให้แม่บ้านว้าวมาก ๆ เพราะห้องสมุดใหญ่มาก หนังสือเยอะมาก มีโซนหนังสือภาษาอังกฤษด้วย และที่น่าสนใจที่สุดก็คือโซนหนังสือเด็ก มีแต่หนังสือน่ารัก ๆ ถึงจะอ่านไม่ออก ดูแต่ภาพก็ฟินแล้วค่ะ
แม่บ้านเชื่อว่าห้องสมุดญี่ปุ่นเป็นการบ่งบอกถึงความใส่ใจขององค์กรท้องถิ่นว่าดีขนาดไหน เน้นนโยบายเรื่องอะไร บางที่มีการจัดทำห้องสมุดติดกับสวนสาธารณะ บางที่ออกแบบห้องสมุดให้สวยงามน่าไปใช้เวลาอยู่ในนั้น บางที่มีหนังสือต่างประเทศมากมาย บางที่เปิดจุดรับคืนหนังสือตามห้างสรรพสินค้า สิ่งเหล่านี้เป็นความใส่ใจและใช้เงินภาษีให้มีประโยชน์ต่อประชาชนเป็นวงกว้าง
※ คีย์เวิร์ดในการค้นหา ห้องสมุดสำหรับเด็ก = 子供の図書館
ห้องสมุดแนะนำ:
Yuinomori Arakawa (ゆいの森あらかわ) ในมหานครโตเกียว (Tokyo)
เป็นอาคารที่มีการรวมกันของหอสมุดกลาง พิพิธภัณฑ์วรรณกรรม และ Yuinomori Children's Plaza มีหนังสือมากกว่า 600,000 เล่ม และที่นั่งประมาณ 800 ที่นั่ง มีทั้งหมด 5 ชั้น ให้เพลิดเพลินไปกับการอ่านและค้นพบสิ่งใหม่ ๆ
ที่นี่มีโซนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สำหรับเด็ก ให้เด็กได้มาเรียนรู้และทำเวิร์คช็อปการทดลองทางวิทยาศาสตร์ และยังนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับภัยพิบัติให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และเตรียมพร้อม เป็นความรู้ป้องกันตัวใช้ในภายภาคหน้าค่ะ
ห้องสมุดแนะนำ:
Kobe Children’s Book Forest (こども本の森 神戸) จังหวัดโกเบ (Kobe)
ห้องสมุดอันโด่งดังในอินเตอร์เน็ตที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานนี้ ห้องสมุดถูกออกแบบโดยคุณ Tadao Ando เป็นอาคาร 2 ชั้น แนวคิดของห้องสมุดคือ เปิดหนังสือเปิดโลก เมื่อคุณผ่านประตูทางเข้า ชั้นหนังสือจะเรียงกันเต็มผนังตั้งแต่เท้าจรดเพดาน เหมือนกับเข้าไปในป่าหนังสือเลยค่ะ
เป็นห้องสมุดที่ไม่มีบริการให้ยืมหนังสือกลับบ้าน แต่สามารถมานั่งอ่านและใช้เวลาในห้องสมุดได้ หนังสือส่วนใหญ่ได้ทำการคัดเลือกมาแล้วว่าเหมาะสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่าชั้นประถม จัดวางให้มองเห็นปกอย่างชัดเจน ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกสนใจหนังสือและกระตุ้นความอยากอ่านของเด็กค่ะ
ห้องสมุดแนะนำ:
Takeo City Library (武雄市図書館) จังหวัดซากะ (Saga)
ห้องสมุดที่สว่างไสว เปิดโล่ง ด้านหน้าเป็นลานหญ้าให้เด็กได้วิ่งเล่น ด้านหลังเป็นภูเขา วิวร้อยล้านมากค่ะ แถมด้านในก็พิเศษ มีหลากหลายมุมให้เด็กได้ผจญภัยไปยังจุดต่าง ๆ ของอาคาร มีทั้งโซนเล่นและทำกิจกรรม ห้องสมุด คาเฟ่อยู่ในอาคารเดียวกัน
ทั้งยังมีห้องให้นมบุตร ห้องเปลี่ยนผ้าอ้อม เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็กโดยเฉพาะลูกเล็กมากค่ะ ถ้าได้ไปในวัรที่อากาศดี เด็ก ๆ น่าจะได้วิ่งเล่นรอบนอกอย่างสนุกสนาน และได้อ่านนิทานในบรรยากาศสบาย ๆ สุดชิลด้วยค่ะ
แม่บ้านฝากติดตามซีรี่ย์พาลูกเที่ยวแบบคนญี่ปุ่น! และผลงานอื่น ๆ ของแม่บ้านด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับนักอ่านทุกท่านที่ติดตามมาถึงตรงนี้ด้วยค่ะ แล้วเจอกันใหม่นะคะ เบิ้บบู :D
งานเขียนทั้งหมดของแม่บ้านเมกุโระ
ผู้เขียน: แม่บ้านเมกุโระ
แม่บ้านกราฟฟิกไทยส่งออกไปญี่ปุ่น ผู้ชื่นชอบอาหาร วิถึชีวิตคนญี่ปุ่น และวัฒนธรรมญี่ปุ่น