โรงแรมไกโจเอ็น โตเกียว (Hotel Gajoen Tokyo) ตั้งอยู่ในเขตเมกุโระ (Meguro) โตเกียว (Tokyo) โรงแรมนี้เป็นโรงแรมญี่ปุ่นดั้งเดิม ขึ้นชื่อเรื่องความงดงามและหรูหราทรงคุณค่า โดยเฉพาะงานศิลปะห้องอาหารของที่นี่ ที่ได้ศิลปินที่มีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่นมาออกแบบให้จนเป็นที่ที่รู้จักโด่งดังในประเทศญี่ปุ่น

โรงแรมแห่งนี้ก่อตั้งโดยคุณริคิโซ โฮโซคาวะ (Rikizo Hosokawa) ในปี 1928 เริ่มแรกในช่วงยุคเมจิ (Meiji Period) สถานที่แห่งนี้ได้จัดตั้งเป็นร้านอาหารอย่างเดียว แต่ก็ได้พัฒนาความใหญ่โตมาเรื่อย ๆ จนกลายเป็นโรงแรมที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้ นอกจากตัวโรงแรมที่สวยงามแล้ว ที่แห่งนี้ยังมีมรดกทางวัฒนธรรมอยู่อีกด้วย และมรดกทางวัฒนธรรมแห่งนี้มีชื่อว่า “ฮยาคุดัน ไคดัน“ (Hyakudan Kaidan)

ฮยาคุดัน ไคดัน (Hyakudan Kaidan) หรือ บันไดร้อยขั้น (The Hundred Stair) ที่นี่ได้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1935 หรือนับแบบญี่ปุ่นคือยุคโชวะ 10 (Showa Period)

ความสวยงามของที่นี่หลาย ๆ คนได้เปรียบความสวยงามว่าเหมือนดั่งเช่นดินแดนในเทพนิยาย จึงไม่แปลกใจเลยที่สาวผู้ดีในยุคโชวะตอนนั้นจะนิยมที่จะมาเที่ยวและนัดมาทานอาหารกันที่นี่ และในปี ค.ศ.1988 สถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่แห่งแรกในญี่ปุ่นที่ใช้จัดงานแต่งแบบครบวงจรอีกด้วย หรือก็คือ มีฮอลล์สำหรับจัดงานแต่งงาน ศาลเจ้าและโบสถ์ ห้องพัก หรือแม้แต่ร้านแต่งหน้าทำผม เป็นต้น

ในปี 2022 นี้ทางโรงแรมไกโจเอ็น โตเกียวยังได้จัดงานนิทรรศการสุดพิเศษภายใต้ชื่อ "The Romanticism of Taisho Period x Hyakudan Kaidan" เป็นการบอกเล่าเรื่องราวความโรแมนติกผสมผสานกับศิลปะในยุคไทโช (Taisho Period) ซึ่งเป็นยุคสั้น ๆ ที่มีอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น

จุดเด่นของยุคนี้คือมีการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มกิจการวิทยุกระจายเสียง การรับวัฒนธรรมตะวันตกที่ทำให้การแต่งกายของหนุ่มสาวในยุคนี้มีความโดดเด่น เช่น เครื่องแบบแบบตะวันตก ผสมกับเสื้อคลุมแบบญี่ปุ่น เป็นต้น หากพูดให้เห็นภาพคือการแต่งกายลักษณะเดียวกับการ์ตูนเรื่อง "ดาบพิฆาตอสูร" นั่นเอง

และเราก็จะขอพูดถึงบรรยากาศของงาน The Romanticism of Taisho Period ที่ได้ไปมา งานนิทรรศการนี้จัดขึ้นเฉพาะในช่วง 16 เมษายน ค.ศ.2022 - 12 มิถุนายน ค.ศ.2022 เท่านั้น การเข้าร่วมชมนิทรรศการนี้จำเป็นต้องจองมาล่วงหน้าค่ะ เมื่อเข้าโรงแรมมาจะเจอโต๊ะลงทะเบียนอยู่ทางด้านซ้ายมือ ให้เราแจ้งชื่อการจองแล้วพนักงานต้อนรับจะพาเราไปที่ลิฟท์ตัวใหญ่ข้าง ๆ ค่ะ

ทางเข้าโซนนิทรรศจะเชื่อมกับส่วนของโรงแรมโดยใช้ลิฟต์ที่มีชื่อว่า “Gallery Hall” ค่ะ ตัวลิฟต์นี้เป็นงานศิลปะกำแพงประดับมุก เราสามารถสัมผัสถึงความอลังการและสวยงามของที่นี่ได้ตั้งแต่ลิฟต์เลย เมื่อเดินทางมาถึงชั้นจัดนิทรรศการจะมีเจ้าหน้าที่ยืนต้อนรับอีกท่านนึง และพนักงานท่านนี้จะแนะนำเรื่องราวสถานที่แห่งนี้เป็นภาษาญี่ปุ่น ภายในนิทรรศการห้ามใส่รองเท้านะคะ ทุกคนต้องถอดรองเท้าในจุดที่ทางสถานที่จัดเตรียมไว้ให้เท่านั้นค่ะ

นิทรรศการ The Romanticism of Taisho Period เป็นนิทรรศการที่พูดถึงเรื่องราวการใช้ชีวิตของคุณหนูยุคไทโชไปจนถึงยุคโชวะ โดยใช้การเล่าเรื่องผ่านทางงานศิลปะต่าง ๆ ทั้งชุดกิโมโน รูปวาดทั้งแบบดั่งเดิมและร่วมสมัย การใช้อุปกรณ์ประกอบฉากที่มีความน่ารัก ดูสวยงามและคลาสสิก เป็นต้น นิทรรศการนี้จะมีทั้งหมด 7 ห้องด้วยกัน การที่จะเดินทางไปแต่ห้องนั้นต้องเดินขึ้นบันได 100 ขั้นด้วยกัน

แม้ชื่อ Hyakudan Kaidan จะหมายถึงบันไดร้อยขั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วประกอบด้วยขั้นบันไดเพียง 99 ขั้นเท่านั้น ตอนโดยขั้นเสุดท้ายได้ถูกลบออกโดยเจตนาเป็นเครื่องหมายแสดงเจียมเนื้อเจียมตัว จุดเด่นคือไม้ขั้นบันไดนั้นเป็นโครงสร้างที่เหลืออยู่ของอาคารยุคโชวะยุคก่อนของโรงแรม ซึ่งไม่ค่อยมีใครเห็นมาก่อน และในแต่ละห้องจะจัดธีมห้องที่แตกต่างกันออกไป ดังต่อไปนี้

ห้องแรกบอกเล่าเรื่องราวของคุณหนูในยุคไทโช โดยภายในห้องจะมีการจัดแต่งเฟอร์นิเจอร์ที่ดูคลาสสิกและใช้หุ่นต่าง ๆ ในชุดกิโมโน มาจัดแสดงในอิริยาบทที่น่ารักค่ะ โดยหุ่นสาวกิโมโนจะจัดมุมไว้ให้ผู้เข้าชมได้มาร่วมถ่ายรูปย้อนเวลาไปยุคไทโชค่ะ ใครที่แต่งชุดกิโมโน บอกเลยว่าห้องนี้ถ่ายมุมไหนก็สวยค่ะ

นอกจากการจัดเฟอร์นิเจอร์และหุ่นแล้ว ในห้องนี้ยังมีศิลปะประดับมุกตามกำแพงอีกด้วย ใครที่ชอบงานประดับมุกต้องอยากเอากลับไปทำตามแน่นอนเลยค่ะ

ห้องที่สองจะจัดแสดงผลงาน Illustration ของนักวาดญี่ปุ่นที่มีชื่อว่ามัตสึโอะ ฮิโรมิ (Matsuo Hiromi) นักวาดท่านนี้เป็นผู้ริเริ่มการวาดตัวการ์ตูนแนว Taisho Romance อีกด้วย

หากใครสนใจสามารถค้นหาชื่อหนังสือ “Waltz of department store” หรือสามารถหาซื้อของที่ระลึกได้ที่จุดขายของฝากก่อนทางขึ้นบัน Hyakudan Kaidan ได้ค่ะ ภาพวาดของศิลปินท่านนี้มีความร่วมสมัย ชุดสีสันที่ดูฉูดฉาดร่าเริงสมกับยุคไทโช นอกจากนี้ห้องนี้ยังได้มีการจัดแสดงชุดกิโมโน “Shochiku” ที่มีลวดลายสวยงามอีกด้วย

นอกจากผลงานด้านการวาดภาพแล้วที่จัดแสดงแล้ว ภายในห้องนี้ยังมีผลงานแกะสลักและลงสีที่เสาไม้และตามฝาผนังในห้องอีกด้วย สวยงามและน่าทึ่งมาก สมควรกับคำว่ามรดกทางวัฒนธรรมจริง ๆ ค่ะ

ในห้องที่ 3 นี้ สำหรับใครที่อยากซึบซับบรรยากาศคาเฟ่ในยุคไทโช เราขอแนะนำห้องนี้เลยค่ะ ภายในห้องนี้คุณสามารถนั่งพักทานขนมเค้กโบราณและกาแฟดำหอม ๆ พร้อมกับฟังเพลง ควบคู่ไปกับการชมความสวยงามของแสงอาทิตย์ที่เคลื่อนผ่านกระจกบานใหญ่ เฉกเช่นเดียวกับสาว ๆ ในยุคสมัยไทโช

ใครที่ชอบถ่ายรูปห้องนี้ถ่ายมุมไหนก็ดูน่ารักแบบคุณหนูค่ะ ทั้งมุมกระจกและโต๊ะทานกาแฟเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในฉากละครญี่ปุ่นสมัยก่อนจริง ๆ ค่ะ และนอกจากได้พักผ่อนและดื่มกาแฟแล้ว ห้องนี้ยังจัดแสดงงานศิลปะประเภทโคมไฟอยู่ตามมุมต่าง ๆ ภายในห้องอีกด้วย ใครชอบผลงานการเพ้นท์สีที่มีชิ้นเดียวในโลก อย่าลืมมาดูกันนะคะ

หมายเหตุ : ขนมและกาแฟราคาชุดละ 1,000 เยน สามารถนั่งรับประทานได้ 45 นาที

ห้องถัดมาเป็นห้องแสดงผลงานการวาดภาพลงนิตยสารจากนักวาดที่มีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่นค่ะ ภาพต่าง ๆ จะแสดงถึงความงามของหญิงสาว การดำรงชีวิตและธรรมชาติในยุคไทโช

และภาพที่เป็นไฮไลต์หาดูได้ยากในห้องนี้คือภาพสาวงามอุ้มแมวดำค่ะ ภาพนี้เปรียบได้กับภาพโมนาลิซ่าเลยทีเดียว ภาพวาดต่าง ๆ ในห้องนี้สามารถบ่งบอกได้อย่างหนึ่งว่าผู้หญิงสวยในอุดมคติในยุคไทโชต้องมีมือที่เรียวยาว ทำภาพที่เห็นในห้องนี้ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะมีมือและนิ้วที่เรียวยาวกว่าปกติค่ะ กลับมามองมือตัวเองในยุคนั้นเราน่าจะไม่เข้าข่ายสาวงามก็ได้ค่ะ ฮ่าๆๆ