แน่นอนว่าจุดชมซากุระยอดนิยมอันดับต้นๆ ของนาโกย่าจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากปราสาทนาโกย่า ที่นี่ปลูกซากุระไว้หลายสายพันธุ์กว่า 1,600 ต้น รอบปราสาทและตามแนวคูเมืองปราสาท จะปลูกซากุระสายพันธุ์โซเมโยชิโนะ (Somei Yoshino) ซึ่งเป็นซากุระสีออกขาวฟูฟ่องที่คนนิยมกันมากที่สุด และยังมีสายพันธุ์ชิดาเระซากุระ (Shidarezakura) ซึ่งเป็นซากุระที่เป็นพวงระย้าห้อยลงมาเหมือนสายน้ำตกสวยงาม นักท่องเที่ยวมาชมซากุระกันหนาตามากแต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถเดินชมกันได้โดยไม่เบียดเสียดนักเพราะมีซากุระอยู่แทบทุกบริเวณของปราสาท ช่วงซากุระบานที่ปราสาทจะมีการจัดงานเทศกาลชมซากุระประมาณช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน และตอนกลางคืนก็มีการเปิดไฟไลท์อัพที่ประดับต้นซากุระไว้ด้วย

เวลาทำการ
09.00 - 16.30 น.
ค่าเข้าชม
มีค่าเข้าชมปราสาท 500 เยน
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Meijo ไปลงสถานี Shiyakusho แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 5 นาที

(หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาทำการในช่วงเวลาปกติ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)

ริมฝั่งแม่น้ำยามาซากิ ถือเป็นจุดชมซากุระยอดนิยมของนาโกย่าอีกแห่ง เป็นจุดชมซากุระริมแม่น้ำสายเล็กที่สวยงามคล้ายย่าน นากาเมกุโระ (Naka-Meguro) ของโตเกียว ที่นี่สามารถชมซากุระได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ทางเดินที่อยู่ติดริมแม่น้ำนี้ได้ชื่อว่าเป็นทางเดินสี่ฤดูกาลเพราะสวยงามในทุกฤดู แต่ก็สวยงามเป็นพิเศษในช่วงซากุระเพราะมีต้นซากุระขึ้นเรียงรายกว่า 600 ต้นเป็นระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร เรียกได้ว่าเดินชมซากุระกันได้อย่างเต็มอิ่ม ช่วงที่ซากุระบานสะพรั่งเป็นวิวที่งดงามมากเหมาะกับการถ่ายรูปเป็นที่ระลึก จุดถ่ายรูปที่นิยมกันอยู่ตรงบริเวณสะพานคานาเอะโคบาชิ (Kanaekobashi Bridge) และด้วยความงดงามของซากุระที่ออกดอกหนาแน่นนี้ทำให้ที่นี่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 จุดชมซากุระที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย

เวลาทำการ
เปิดตลอด
เปิดไฟไลท์อัพ 18.30 - 21.00 น.(ช่วงเทศกาลปลายมีนาคม-กลางเมษายน)
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Sakuradori ไปลงสถานี Mizuho Kuyakusho แล้วเดินไปอีกประมาณ 10 นาที

(หมายเหตุ เวลาจัดแสดงไฟ ไลท์อัพ เป็นเวลาทำการในช่วงเวลาปกติ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)

สวนสึรุไม เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของนาโกย่า ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดชมดอกซากุระที่สวยที่สุดติดอันดับของนาโกย่าอีกด้วย และที่นี่ก็ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 จุดชมซากุระที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นเช่นกัน ในสวนปลูกต้นซากุระสายพันธุ์โซเมอิโยชิโนะ (Somei Yoshino) ไว้ประมาณ 750 ต้น คนนิยมไปปูเสื่อนั่งชมดอกไม้กันละลานตา และที่นี่ยังมีการออกร้านขายของกินต่างๆ มากมายอีกด้วย ช่วงที่ดอกซากุระบานสวยที่สุดคือปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน

เวลาทำการ
เปิดตลอดเวลา
เปิดไฟไลท์อัพเวลา 18.00-21.30 น.
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Tsurumai ลงสถานี Tsurumai ออกประตู 4

(หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาทำการในช่วงเวลาปกติ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)

ปราสาทอินุยามะ เป็นปราสาทสำคัญอีกแห่งของนาโกย่า เอกลักษณ์สำคัญคือที่นี่เป็นหนึ่งในปราสาทเก่าแก่ที่สุดของญีปุ่นที่อยู่ในสภาพดีมาก โดยตัวปราสาทเป็นอาคารหลังเดิมกับเมื่อ 400 ปีก่อน (ซึ่งในญี่ปุ่นจริงๆ แล้วมีน้อยมากที่อนุรักษ์ได้แบบนี้) และยังแน่นอนว่ายังเป็นจุดชมซากุระที่สวยงามและเป็นที่นิยมมากแห่งหนึ่งของนาโกย่าอีกด้วย ถ้าแวะมาชมซากุระของที่นี่รับรองไม่ผิดหวัง เราสามารถเดินชมซากุระได้รอบปราสาททั้ง 4 ทิศเนื่องจากปราสาทถูกล้อมไว้ด้วยต้นซากุระ และอีกจุดที่สวยงามอยู่บริเวณสองข้างทางแม่น้ำคิโสะ (Kiso River) ซึ่งมีต้นซากุระประมาณ 400 ต้น และในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ปราสาทแห่งนี้มีการจัดงานเทศกาลอินุยะมะ (Inuyama Matsuri) ซึ่งเป็นเทศกาลอันยิ่งใหญ่ ที่จัดขึ้นในวันเสาร์และอาทิตย์ในสัปดาห์ที่ 1 ของเดือนเมษายนของทุกปีอีกด้วย

เวลาทำการ
09.00-16.30 น.
ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 500 เยน
เด็ก (ไม่เกินชั้นมัธยมต้น) 100 เยน
การเดินทาง
รถไฟสาย Meitetsu Inuyama Kyuko ลงสถานี Inuyamayuen แล้วเดินไปอีกประมาณ 15 นาที

(หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาทำการในช่วงเวลาปกติ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)

สวนผลไม้โทโกคุซัง เป็นสวนที่ปลูกต้นซากุระไว้หลายสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่มีมากของที่นี่คือชิดาเระซากุระ (Shidarezakura) มีลักษณะเป็นพวงห้อยระย้าลงมาเหมือนสายน้ำฝน ซึ่งมีอยู่กว่า 1,000 ต้นเลยทีเดียว ช่วงที่ดอกซากุระบานสวยคือราวต้นถึงกลางเดือนเมษายน และหากมาชมซากุระที่นี่นอกจากจะได้ประทับใจกับซากุระที่งดงามแล้ว ที่นี่ยังมีบ่อน้ำซึ่งผู้คนมักนิยมมาตกปลา และสวนผลไม้ที่สามารถเก็บผลไม้ตามฤดูกาลได้ ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิ้ล แอปริคอท บลูเบอร์รี และลูกพลับ เป็นต้น

เวลาทำการ
09.00-16.30 น.
ค่าเข้าชม
เข้าชมซากุระฟรี
เก็บผลไม้มีค่าบริการ ผู้ใหญ่เริ่มต้น 300 เยน
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟ JR สาย Chuo Main Line จากสถานี Nagoya ไปลงสถานี Kozoji แล้วเดินไปอีกประมาณ 25 นาที

(หมายเหตุ เวลาทำการข้างต้นเป็นเวลาทำการในช่วงเวลาปกติ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)

ผู้เขียน: hikawasa
หลังจากจบป.ตรีก็เริ่มงานในสายล่ามที่บริษัทญี่ปุ่นเช่น Satake Thailand, Hitachi Engineering & Services และรับงานล่ามให้นิตยสาร Custom Car ไปล่ามให้ตามงาน Motor Expo สักพักออกไปเรียนป.โทต่อที่ธรรมศาสตร์ ตอนทำวิทยานิพนธ์ ทาง Japan Foundation ให้ทุนนักศึกษาไปเก็บข้อมูลวิจัย ได้เห็นญี่ปุ่นในหลายมุม ปัจจุบันเป็นนักแปลฟรีแลนซ์ให้ Bongkoch Publishing, Siam Inter Multimedia Publishing, MEB Corporation ที่ทำสื่อดิจิทัลอีบุ๊คชั้นแนวหน้าของไทย และอีกมากมาย ได้โอกาสมาเป็นนักเขียนบทความท่องเที่ยวให้ AAJ ด้วย